คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4537

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4537/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 173 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 39 (4), 158 (5)

โจทก์เคยฟ้องจำเลยในข้อหาเบิกความเท็จมาครั้งหนึ่งแล้วคดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์บรรยายแต่เฉพาะข้อความที่อ้างว่าจำเลยเบิกความเท็จ ไม่ได้บรรยายว่าความจริงเป็นอย่างไรจะฟังว่าจำเลยเบิกความเท็จยังไม่ได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด เป็นการยกฟ้องเนื่องจากคำฟ้องไม่ได้บรรยายว่าความจริงเป็นอย่างไร ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดถึงการกระทำผิดของจำเลย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ยังไม่ระงับ โจทก์ฟ้องใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4534

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4534/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม. 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ

ในความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ โจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าอาวุธปืนกระบอกที่จำเลยใช้ยิงผู้เสียหายเป็นอาวุธปืนที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งไม่ได้อาวุธปืนดังกล่าวมาเป็นหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้นำสืบปฏิเสธว่า อาวุธปืนนั้นจำเลยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนแล้วและจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว คดีก็ไม่อาจลงโทษความผิดทั้งสองฐานนี้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่บ้านจึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4499

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4499/2531

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 226, 227

พยานโจทก์ที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจที่อ้างว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้จ้างวานใช้ให้ฆ่าผู้ตายก็เพียงแต่สืบสวนทราบมาเท่านั้นการสืบสวนจับกุมก็ปรากฏว่านอกจากจำเลยทั้งสองแล้ว ยังได้จับส. มาด้วยอันแสดงถึงความไม่แน่นอน แม้แต่บันทึกการจับกุมก็ปรากฏรายชื่อนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และนายตำรวจชั้นประทวนรวมกันถึง 23 คน ซึ่งไม่ปรากฏจากคำเบิกความของพยานเลย การสืบสวนและการจับกุมดังกล่าวจึงเชื่อถือไม่ได้ และทำให้คำรับชั้นจับกุมของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 นำสืบโต้แย้งอยู่ว่าลงชื่อให้เพราะกลับถูกทำร้ายไม่มีน้ำหนักไปด้วยดุจกัน พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดตามฟ้อง ลำพังแต่เพียงคำรับชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2ซึ่งจำเลยที่ 2 ก็นำสืบโต้แย้งอยู่ว่ามิได้ให้การด้วยความสมัครใจไม่เพียงพอที่จะรับฟังลงโทษ จำเลยที่ 2 ฐานฆ่าผู้อื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4497

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4497/2531

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 323

เงินค้างจ่ายในศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 323 หมายถึงเงินทั้งหมดที่มีผู้นำมาวางไว้ในคดีและค้างจ่ายอยู่ในศาล มิได้จำกัดเฉพาะแต่เงินที่จำเลยนำมาวางศาลก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 135 เท่านั้น การที่จำเลยนำเงินมาวางศาลเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำบังคับศาลชั้นต้นที่ออกคำบังคับนั้นมีอำนาจที่จะรับเงินไว้ได้เพราะเป็นศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 302 เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิมิได้เรียกเอาภายในห้าปีนับแต่วันที่จำเลยนำเงินมาวางต่อศาล เงินดังกล่าวย่อมตกเป็นของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4514

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4514/2531

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 826, 827 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55

บุคคลใดจะใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 ได้ ต่อเมื่อมีกฎหมายสารบัญญัติสนับสนุนว่าเป็นกรณีจำเป็นจะต้องร้องขอต่อศาลเพื่อรับรองหรือคุ้มครองสิทธิของตนที่มีอยู่ การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนมารดาผู้ร้องออกจากการเป็นตัวแทน เป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิแก่ผู้ร้องในอันที่จะต้องใช้สิทธิทางศาล ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4505

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4505/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 83, 91, 340, 371 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 213, 218, 225, 227

คนร้ายสามคนสวมหมวกไหมพรมแบบอ้ายโม่งเห็นเฉพาะใบหน้าบางส่วน คนร้ายใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ผู้เสียหายคุกเข่าก้มหน้าหมอบลงกับพื้น โดยผู้เสียหายคงได้ยินเสียงคนร้ายเท่านั้นดังนั้นคำเบิกความของผู้เสียหายที่ระบุว่า จำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายเพราะจำเสียงได้นั้นจึงมีน้ำหนักน้อยเพราะเสียงพูดของบุคคลแต่ละคนอาจเหมือนหรือคล้ายคลึงกันได้ หรืออาจเลียนแบบให้เหมือนหรือคล้ายคลึงกันได้ นอกจากนี้พยานโจทก์มิได้ระบุชื่อคนร้ายในขณะที่พบกับร้อยตำรวจโท จ. ในโอกาสแรก แต่เพิ่งระบุชื่อหลังจากร้อยตำรวจโท จ. กลับจากดูที่เกิดเหตุแล้ว ทั้งจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด พยานหลักฐานโจทก์จึงฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ในคดีปล้นทรัพย์ได้ แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอรับฟังว่าจำเลยที่ 2 เป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนร่วมกับพวกทำการปล้นทรัพย์แล้ว ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดแต่ละกระทงดังกล่าวได้ เมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาวินิจฉัยยกฟ้องจำเลยที่ 2เป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาให้มิต้องรับโทษได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4500

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4500/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 68, 69, 288, 290

ผู้ตายเตะต่อยและใช้ขวดตีจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้ขวดตีผู้ตายถึงแก่ความตาย การที่ผู้ตายเมาสุราและเข้าไปทำร้ายจำเลยก่อนจำเลยก็ชอบที่จะป้องกันได้ตามกฎหมาย แต่เนื่องจากจำเลยทราบอยู่แล้วว่าผู้ตายชอบด่าและทำร้ายคนในบ้าน ทั้งผู้ตายมีอายุมากและยังเมาสุรา จำเลยอาจกระทำการใดเพื่อป้องกันโดยไม่จำต้องรุนแรงจนถึงกับเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายก็ได้ การที่จำเลยใช้ขวดตีผู้ตายตรงบริเวณที่สำคัญของร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายนั้น จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4494

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4494/2531

ประมวลรัษฎากร ม. 30 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ม. 112 ทวิ พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2503 ม. ,

สินค้าน้ำมันก๊าดไม่มีกลิ่นชื่อว่าเอ็กซอน ดี 60 ที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักร เป็นสินค้าอยู่ในประเภทพิกัดประเภทที่27.10 ข. การที่จำเลยแจ้งการประเมินภาษีสินค้าดังกล่าวว่าอยู่ในประเภทพิกัดที่ 27.10 ฉ. และเรียกเก็บอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มจากโจทก์จึงไม่ชอบ การอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลแม้จะเป็นการเรียกเก็บต่อเนื่องเพื่อเชื่อมโยงอยู่กับการเรียกเก็บอากรขาเข้าก็ไม่มีบทกฎหมายใดสนับสนุนให้อุทธรณ์การประเมินต่ออธิบดีกรมศุลกากรแทนได้ การที่โจทก์โต้แย้งการประเมินไว้ต่ออธิบดีกรมศุลกากรภายใน 30 วันนับแต่ได้รับแจ้งการประเมินจึงไม่ถือว่าเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านการประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 แต่ต้องถือว่าในส่วนเกี่ยวกับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านการประเมินตามประมวลรัษฎากร โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลเพื่อให้เพิกถอนการประเมินในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลคงฟ้องให้เพิกถอนการประเมินได้เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับอากรขาเข้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4487

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4487/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 339

จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะแล่นตามหลังรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายและจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์เข้าชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายอย่างแรงจนเสียหลักล้มลงแล้วจำเลยที่ 1 ซึ่งนั่งซ้อนท้ายได้กระชากสร้อยคอทองคำที่คอผู้เสียหายไป การกระทำของจำเลยทั้งสองถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ จึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4485

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4485/2531

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 158 (5)

ฟ้องของโจทก์ไม่บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับวันกระทำผิดศาลจะเอาข้อเท็จจริงในฟ้องแต่ละวรรคซึ่งเป็นข้อเท็จจริงคนละตอนมาประกอบกันเพื่อจะให้เข้าใจเอาเองว่าเกิดเหตุระหว่างวันเวลาใดหาได้ไม่ ฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ชอบที่จะยกฟ้องของโจทก์เสีย

« »
ติดต่อเราทาง LINE