คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2523

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2523

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 132

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ของสมาคมเรื่องการเลือกตั้งนายกและกรรมการของสมาคม ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีการประชุมใหญ่อีกที่ประชุมใหญ่ได้มีมติเลือกตั้งนายกและกรรมการของสมาคมใหม่นายกและกรรมการของสมาคมชุดที่ผู้ร้องขอให้ศาลเพิกถอนหมดสภาพไป จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลอุทธรณ์จะพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ร้องต่อไปศาลอุทธรณ์มีอำนาจมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2523

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1375, 1381

จำเลยขายฝากที่ดินให้โจทก์ ระหว่างขายฝากโจทก์ยินยอมให้จำเลยเข้าทำประโยชน์ในที่ดินโดยอาศัยสิทธิโจทก์ จำเลยมิได้ใช้สิทธิไถ่ที่พิพาทภายในเวลาที่กำหนดจนที่พิพาทหลุดเป็นของโจทก์ แต่จำเลยก็ยังครอบครองที่พิพาทโดยร่วมทุนกับโจทก์ปลูกยาสูบต่อมาอีก จึงถือว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ โจทก์บอกให้จำเลยทำสัญญาเช่าที่พิพาท จำเลยไม่ยอมทำสัญญาเช่าโดยอ้างว่าได้ชำระเงินค่าไถ่ถอนที่พิพาทแล้ว แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยยังมิได้ชำระเงินค่าไถ่ถอนเพียงแต่การที่จำเลยไม่ยอมทำสัญญาเช่าที่พิพาทจากโจทก์ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2523

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 248

หนี้ตามฟ้องเป็นหนี้สองประเภท คือมูลหนี้ค่าซื้อขายรถยนต์ ซึ่งผู้อื่นเป็นหนี้กับหนี้ที่จำเลยเคยยืมเงินโจทก์ค้างชำระอยู่เดิม นำมารวมทำไว้เป็นสัญญากู้ฉบับเดียวกันให้จำเลยเป็นลูกหนี้ทั้งหมด แม้ทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าหนี้ที่รวมทำไว้เป็นสัญญากู้สมบูรณ์เฉพาะหนี้ส่วนที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ หนี้อีกประเภทหนึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย จึงเป็นการแก้มาก โจทก์ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2523

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 45 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 74, 79 พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 119 วรรคหนึ่ง

ผู้ร้องมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ถือได้ว่าบ้านแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 45 การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งหนังสือทวงหนี้และหนังสือเตือนให้ผู้ร้องชำระหนี้ไปที่บ้านแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นการชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74,79 แล้ว

ผู้ร้องได้รับหนังสือทวงหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยชอบแล้วแต่มิได้ปฏิเสธหนี้ดังกล่าวภายในกำหนด ถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้กองทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ตามจำนวนที่แจ้งไปเป็นการเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 119 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2523

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 61, 62

เมื่อปรากฏว่าตัวความได้ถึงแก่กรรมไปแล้วก่อนยื่นฎีกา 1 วัน และใบแต่งทนายที่ให้อำนาจทนายลงชื่อในฎีกาที่ยื่นนั้นก็ลงวันที่ไว้หลังจากที่ตัวความถึงแก่กรรมแล้วทนายความจึงไม่สามารถอาศัยใบแต่งทนายนั้นลงชื่อในฎีกาได้ ฎีกาที่ยื่นจึงไม่เป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 488

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 488/2523

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 369, 1600, 1737

สัญญามีใจความว่า เจ้าของที่ดินให้จำเลยสร้างอาคารในที่ดินแล้วเรียกค่าก่อสร้างจากผู้เช่าอาคารอาคารที่สร้างขึ้นยอมให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้สร้าง สัญญานี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนแม้ต่อมาผู้ให้สร้างจะตายตามกฎหมายหรือโดยสภาพก็ไม่ใช่เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้ สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาย่อมตกทอดยังทายาท ทายาทต้องผูกพันตามสัญญานั้น ผู้จัดการมรดกถูกฟ้องตามสัญญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2523

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 2 (4), 219

ผู้เสียหายในความผิดฐานบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ไม่จำต้องเป็นเจ้าของ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้น ผู้ครอบครองดูแลรักษาทรัพย์ก็เป็นผู้เสียหายมีอำนาจ ฟ้องคดีได้

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทที่ศาลชั้นต้นวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี แต่ไม่แก้กำหนดโทษ โจทก์จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2523

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 168 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 46, 51 วรรคสาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 86 วรรคสาม, 87 (2)

โจทก์ขอส่งสำเนาคำพิพากษาคดีอาญาเป็นพยานหลักฐานภายหลังที่โจทก์แถลงต่อศาลว่าหมดพยานแล้ว แต่เป็นคำพิพากษาซึ่งศาลลงโทษจำเลยฐานบุกรุกอันเป็นมูลคดีนี้ซึ่งโจทก์ก็ได้กล่าวอ้างผลของคำพิพากษาและหมายเลขคดีอาญานั้นมาในฟ้องแล้ว จำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธ จึงถือว่าจำเลยรับข้อเท็จจริงนั้นแล้ว โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องนำสืบเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนั้นอีก แต่เมื่อโจทก์อ้างส่งและศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลย่อมมีอำนาจที่จะรับสำเนาเอกสารดังกล่าวไว้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86วรรคสาม 87(2)

เมื่อคดีอาญาดังกล่าวศาลฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำผิดฐานบุกรุกตึกแถวพิพาท คดีถึงที่สุดแล้ว การพิพากษาคดีนี้ซึ่งเป็นคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามคดีอาญานั้น

คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาซึ่งจำเลยถูกฟ้องฐานบุกรุกและถูกลงโทษเสร็จเด็ดขาดแล้วก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ สิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องคดีแพ่งย่อมมีกำหนดอายุความ10 ปี ตามมาตรา 168 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา51วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2523

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 292

ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากบ้านของโจทก์ ระหว่างบังคับคดีโจทก์ตกลงจะขายบ้านพิพาทให้จำเลย และได้รับเงินค่าบ้านไปบางส่วนดังนี้ ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นแต่เพียงสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทยังคงเป็นของโจทก์อยู่ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ตกลงยินยอมให้จำเลยอยู่ในบ้านพิพาทต่อไปเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล โจทก์ก็มีสิทธิขอให้ศาลบังคับคดีต่อไปได้ ถ้าจำเลยเห็นว่าโจทก์ผิดสัญญา ก็ชอบที่จะว่ากล่าวเอากับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก หาถือเป็นเหตุให้งดบังคับคดีไว้ได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2523

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 8, 437, 1367

จำเลยเป็นผู้จำหน่ายและครอบครองกระแสไฟฟ้าซึ่งพาดสายไปตามถนน มีหน้าที่ ๆ จะต้องระมัดระวังมิให้สายไฟฟ้าชำรุดบกพร่องอันจะเกิดอันตรายแก่ประชาชน เมื่อจำเลยละเลยไม่ตรวจตราดูแลแก้ไขให้สายไฟฟ้าอยู่ในสภาพดีอยู่ตลอดเวลาจนเกิดมีการตายเพราะถูกกระแสไฟฟ้า จึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัย จำเลยจึงต้องรับผิด

« »
ติดต่อเราทาง LINE