คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2522
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2522
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 426
ในคดีที่โจทก์ถูกบิดาของผู้ตายฟ้องให้รับผิดร่วมกับจำเลยในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยกระทำไปในทางการที่จ้างและโจทก์ผู้ซึ่งเป็นนายจ้างต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมด้วยดอกเบี้ยและใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนให้บิดาของผู้ตายไปแล้วค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งศาลสั่งให้ใช้แทนเนื่องจากโจทก์ต่อสู้คดีและเป็นฝ่ายแพ้คดีนั้น ไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนอันเป็นผลโดยตรงจากการกระทำละเมิด จึงไล่เบี้ยให้จำเลยชดใช้ให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 426 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2522
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 227, 425 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 248
โจทก์ทำสัญญาใช้สถานีบริการขายน้ำมันของบริษัทอ. ในสัญญาดังกล่าวระบุไว้ว่าในกรณีทรัพย์สินของบริษัทฯ ได้รับความเสียหายเนื่องจากความจงใจหรือประมาทเลินเล่อของโจทก์ลูกจ้างของโจทก์หรือบุคคลอื่น โจทก์ต้องรับผิดชอบออกค่าซ่อมแซมหรือชดใช้ราคาทรัพย์สินนั้น ตามสัญญาข้อนี้เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นแก่สถานีบริการดังกล่าวบริษัทฯ ได้จัดการซ่อมและโจทก์ได้ออกเงินค่าซ่อมให้แก่บริษัทฯ ไปแล้ว โจทก์ย่อมเข้าสู่ฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยผู้ซึ่งจะต้องรับผิดในความเสียหายนั้นให้ชำระเงินที่จ่ายไปแล้วนั้นได้
ทุนทรัพย์ที่จะถือเป็นหลักว่าฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่นั้นต้องถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันมาในศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2522
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 225, 226
ข้อที่อ้างขึ้นใหม่ในศาลฎีกาว่าพบเอกสารอันเป็นข้ออ้างใหม่ตามภาพถ่ายท้ายฎีกา ไม่เป็นข้อที่ศาลฎีกาจะรับพิจารณา และการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งไว้ จึงฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2522
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 173 วรรคสอง (1)
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 คนเดียว กระทำละเมิดเข้าทำนาของโจทก์ในปีการทำนา พ.ศ.2519 คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างพิจารณา แล้วโจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกเข้ามาแย่งไถและหว่านข้าวทำนาอันเป็นการละเมิดในปี พ.ศ.2520 ซึ่งเป็นการละเมิดคนละคราวต่างหากจากกัน(ทั้งในชั้นตรวจรับคำฟ้อง ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นการทำละเมิดต่อเนื่องเรื่อยมา อันจะพึงถือว่าเป็นการทำละเมิดคราวเดียวกัน) จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นคำฟ้องเรื่องเดียวกัน ฟ้องโจทก์ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2522
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 344
จำเลยให้การต่อสู้คดีขอหักกลบลบหนี้ค่าน้ำมันของโจทก์กับค่ากระแสไฟฟ้าของจำเลย โจทก์เบิกความว่าโจทก์เป็นลูกหนี้ ค่ากระแสไฟฟ้าของจำเลยได้หักกลบลบหนี้กันแล้วคงเป็นหนี้ตามจำนวนที่ฟ้อง ดังนี้เป็นที่หนี้ที่โจทก์ปฏิเสธจึงมีข้อต่อสู้ หักกลบลบกันไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2522
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 249 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 291, 420, 443, 446
ปัญหาที่ว่าเมื่อโจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 หรือปลดหนี้ให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 2 ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2นั้น มิใช่ปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ค่าเสียหายที่ขาดรายได้ตามปกติ เป็นค่าเสียหายเกี่ยวกับตัวเงินที่โจทก์ต้องขาดไป เพราะไม่สามารถประกอบการงานได้ในระหว่างที่ต้องรักษาตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 ส่วนค่าเสียหายในการเจ็บป่วยก็คือค่าที่โจทก์ต้องเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย เป็นค่าสินไหมทดแทนความเสียหายอย่างอื่นที่มิใช่เป็นตัวเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446 ไม่ใช่ค่าเสียหายอย่างเดียวกัน ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายทั้งสองอย่างนี้ให้แก่โจทก์ได้ไม่เป็นการซ้ำซ้อนกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2522
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 164
ยืมโคไปใช้ อายุความเรียกโคคืนหรือใช้ราคามีกำหนด 10 ปี ตาม มาตรา164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2522
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 7, 164
จำเลยสั่งจ่ายเช็คแล้วนำไปขายลดแก่ธนาคาร เช็คนั้นเก็บเงินไม่ได้ โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาขายลด อายุความ10 ปี ตาม มาตรา164 ดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปีตามสัญญาขายลด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2522
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 172, 182, 183, 226, 249 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 537, 538
คำสั่งศาลที่ให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์จำเลย เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 8 และพิพากษาเมื่อวันที่ 24 เดือนเดียวกัน แต่จำเลยก็มิได้โต้แย้งไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าว ทั้งปัญหานี้มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนอันศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ ค่าเช่าเดือนละ 200 บาทครบกำหนดอายุการเช่าตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากตึกที่เช่า จำเลยได้รับแล้วแต่ไม่ออก ทำให้โจทก์เสียหาย จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลย ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่า โจทก์ยินยอมอนุญาตให้จำเลยปลูกครัวในที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่นอกอาคารที่เช่าได้หนึ่งหลัง ถ้าโจทก์ต้องการที่ดินในส่วนนั้นเมื่อใดจำเลยจะรื้อถอนครัวออกทันที ถ้าจำเลยผิดสัญญาคือไม่รื้อไปโจทก์จะเลิกสัญญาเช่าทันที ดังนี้ หามีผลทำให้สัญญาเช่าเดิมกลายเป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2522
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 182 ประมวลกฎหมายที่ดิน
ศาลชี้สองสถานกะประเด็นไว้ 2 ข้อว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องให้เพิกถอนการอายัดที่ดินหรือไม่ และฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ แล้วโจทก์จำเลยแถลงข้อเท็จจริงที่รับกัน ถือว่าสละประเด็นข้อพิพาทที่ศาลกะไว้เดิม เมื่อจำเลยมีส่วนได้เสียในที่ดินโดยอ้างว่าโจทก์ปลอมหนังสือมอบอำนาจของจำเลยโอนขายที่ดินแก่โจทก์ จำเลยจึงอายัดที่ดินได้ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา83