สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 227, 425 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 248

โจทก์ทำสัญญาใช้สถานีบริการขายน้ำมันของบริษัทอ. ในสัญญาดังกล่าวระบุไว้ว่าในกรณีทรัพย์สินของบริษัทฯ ได้รับความเสียหายเนื่องจากความจงใจหรือประมาทเลินเล่อของโจทก์ลูกจ้างของโจทก์หรือบุคคลอื่น โจทก์ต้องรับผิดชอบออกค่าซ่อมแซมหรือชดใช้ราคาทรัพย์สินนั้น ตามสัญญาข้อนี้เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นแก่สถานีบริการดังกล่าวบริษัทฯ ได้จัดการซ่อมและโจทก์ได้ออกเงินค่าซ่อมให้แก่บริษัทฯ ไปแล้ว โจทก์ย่อมเข้าสู่ฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยผู้ซึ่งจะต้องรับผิดในความเสียหายนั้นให้ชำระเงินที่จ่ายไปแล้วนั้นได้

ทุนทรัพย์ที่จะถือเป็นหลักว่าฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่นั้นต้องถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันมาในศาลชั้นต้น

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ตั้งสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่อำเภอเมืองนครราชสีมาโดยโจทก์ได้เช่าสถานีบริการจากบริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2518 ลูกจ้างของจำเลยขณะปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างได้ขับรถบรรทุกพ่วงบรรทุกรถแทรกเตอร์เข้าไปเพื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิงในสถานีบริการดังกล่าวของโจทก์ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้หลังคารถแทรกเตอร์ซึ่งบรรทุกอยู่บนรถพ่วงของจำเลยเฉี่ยวหลังคาปั๊มน้ำมัน ทำให้หลังคา เสาและตัวปั๊มน้ำมันเสียหาย บริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด ได้จัดการซ่อมแซมทรัพย์สินดังกล่าวสิ้นค่าใช้จ่ายไป 22,800 บาท ตามสัญญาเช่าข้อ 5 โจทก์ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจำนวนนี้ โจทก์จึงได้ชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้แก่บริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด โจทก์จึงได้รับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวนี้ และการที่ปั๊มน้ำมันของโจทก์เสียหายทำให้โจทก์ขาดรายได้จากการขายน้ำมันระหว่างหยุดซ่อมแซม กำไรสุทธิอย่างน้อยวันละ 500 บาท เป็นเวลา 93 วัน เป็นเงิน 46,500 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น69,300 บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนนี้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่าเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกพ่วงตามฟ้องจริง แต่ผู้ขับรถบรรทุกดังกล่าวไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลย โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย หากแต่บริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด ผู้เป็นเจ้าของสถานีบริการเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง โจทก์ไม่เสียหายมากอย่างที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ใช้เวลาซ่อมไม่เกิน10 วัน ค่าซ่อมไม่เกิน 5,000 บาท โจทก์ไม่ได้รับช่วงสิทธิจากบริษัทเอสโซ่ฯและไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย27,600 บาท (ค่าซ่อม 22,600 บาท ค่าเสียหาย 5,000 บาท ) พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เสร็จ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีนี้ปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องหรือไม่ และจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพียงใด

ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์ตั้งสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่อำเภอเมืองนครราชสีมา โดยโจทก์ได้ทำสัญญาว่าด้วยการดำเนินการสถานีบริการกับบริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด ตามเอกสารหมาย จ.2ครั้นวันที่ 8 เมษายน 2518 ลูกจ้างจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้ขับรถยนต์บรรทุกพ่วงบรรทุกรถแทรกเตอร์ในทางการที่จ้างเข้าไปในบริเวณสถานีบริการดังกล่าวเพื่อเติมน้ำมัน แต่ด้วยความประมาทเลินเล่อของคนขับหลังคารถแทรกเตอร์ได้เฉี่ยวหลังคาสถานีบริการทำให้เสาหลังคาสถานีพังลงมาทับปั๊มหรือที่เติมน้ำมันเสียหาย บริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัดต้องเสียค่าซ่อมหลังคาสถานีปั๊มน้ำมันเป็นเงิน 22,800 บาท โจทก์ได้ชดใช้เงินจำนวนนี้ให้บริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด ตามสัญญาเอกสาร จ.2ข้อ 5 แล้ว

ประเด็นแรกที่ว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะสัญญาเอกสารหมาย จ.2 เป็นสัญญาให้โจทก์เป็นผู้บริการขายน้ำมันแทนบริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด เสมือนหนึ่งเป็นตัวแทนเมื่อเกิดการเสียหายขึ้น บริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด เท่านั้นเป็นผู้เสียหายไม่ใช่โจทก์ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามสัญญาเอกสาร จ.2 ข้อ 5 ปรากฏข้อความว่า "ในกรณีที่ทรัพย์สินของบริษัท (บริษัทเอสโซ่ฯ) ได้รับความเสียหายเนื่องจากความจงใจหรือความประมาทเลินเล่อของผู้ดำเนินการ (โจทก์) หรือลูกจ้างของของผู้ดำเนินการหรือบุคคลอื่น ผู้ดำเนินการต้องรับผิดชอบออกค่าซ่อมแซมหรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่บริษัททันทีเมื่อทวงถาม" ฉะนั้น ตามสัญญาข้อ 5 นี้เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นแก่สถานีบริการที่โจทก์ดำเนินกิจการอยู่ตามสัญญาดังกล่าว บริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด ได้จัดการซ่อมและโจทก์ได้ออกเงินค่าซ่อมให้แก่บริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด ไปเสร็จแล้วเช่นนี้ โจทก์ย่อมเข้าสู่ฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินจำนวนที่จ่ายไปแล้วได้ โจทก์จะเป็นตัวแทนของบริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด ด้วยหรือไม่ก็หาใช่เป็นข้อสำคัญไม่ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสอง

สำหรับประเด็นเรื่องค่าเสียหายว่าจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายต่อโจทก์เพียงใดนั้น โจทก์โต้แย้งในคำแก้ฎีกาของโจทก์ว่า ค่าเสียหายจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่ถึง 50,000 บาท ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าทุนทรัพย์ที่จะถือเป็นหลักว่าฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่นั้น ต้องถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันมาในศาลชั้นต้น คดีนี้ทุนทรัพย์กว่า 50,000 บาท แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาต้องกันให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ไม่เกิน 50,000 บาท ก็ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

ส่วนจำนวนค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องรับผิดนั้น พิเคราะห์แล้วรูปคดีมีเหตุผลเชื่อได้ว่าโจทก์มีกำไรจากการขายน้ำมันอย่างน้อยวันละ 500 บาทการซ่อมอาคารสถานีบริการและตัวปั๊มจำเป็นจะต้องใช้เวลา น้ำมันเป็นวัตถุไวไฟเมื่อมีการใช้ไฟฟ้าเชื่อมเหล็กอาจเกิดอัคคีภัยขึ้นได้ ที่โจทก์จำเป็นต้องหยุดขายน้ำมันจึงเห็นว่าเป็นการสมควร ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ขาดรายได้ไปวันละ 500 บาท โดยคิดให้ 10 วัน เป็นเงิน5,000 บาท นับว่าเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว ไม่มีเหตุแก้ไขเป็นอย่างอื่น ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ห้างหุ้นส่วนจำกัดนครยนต์ราชสีมา จำเลย - ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก.การช่าง กับพวก

ชื่อองค์คณะ ขจร หะวานนท์ พิสัณห์ ลีตเวทย์ จรัญ สำเร็จประสงค์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE