คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1774

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1774/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1237

การที่บริษัทจำกัดทำผิดวัตถุประสงค์ของบริษัท ก็ไม่ใช่เหตุที่จะปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1237 ที่จะให้ศาลสั่งเลิกบริษัทได้ และแม้บริษัทจะเริ่มประกอบการค้าเกิน 1 ปี นับแต่วันจดทะเบียนบริษัทก็ตามแต่มาตรา 1237 มิได้เป็นบทบังคับให้ศาลสั่งเลิกบริษัท เพียงแต่บัญยัติให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจว่าสมควรสั่งให้เลิกบริษัทหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเงินค่าหุ้นที่ผู้ถือหุ้นชำระให้บริษัทจำเลยด้วยเงินสดและเช็คส่วนใหญ่ โจทก์ที่ 8ซึ่งเป็นกรรมการรักษาเงินเป็นคนเก็บรักษาและไม่ยอมมอบให้บริษัทจำเลยดังนั้น ที่บริษัทจำเลยไม่เริ่มทำการค้าภายใน 1 ปี อาจเป็นเพราะบริษัทจำเลยไม่มีทุนดำเนินการค้า จึงยังไม่สมควรที่จะสั่งเลิกบริษัทจำเลย

แม้บริษัทจำเลยจะขาดทุนมาทุกปะ แต่เมื่อรวมยอดขาดทุนแล้วก็เพียงร้อยละ 12 ขแงจำนวนทุนทั้งหมด และเหตุที่ขาดทุนเป็นเพราะโจทก์ที่ 8 กับบริษัทจำเลยมีข้อพิพาทฟ้องร้องกัน และเงินค่าหุ้นส่วนใหญ่อยู่ที่โจทก์ที่ 8ซึ่งไม่ให้ความร่วมมือโดยกักเงินค่าหุ้นไว้ เมื่อบริษัทจำเลยเรียกให้ชำระค่าหุ้นฝ่ายโจทก์ก็ไม่ยอมชำระ บริษัทจำเลยจึงไม่มีทุนดำเนินการค้าได้เต็มที่ อย่างไรก็ดีบริษัทจำเลยได้ซื้อหุ้นของบริษัทอื่นเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแสดงว่าบริษัทจำเลยยังมุ่งประกอบการค้าเพื่อให้ได้ผลกำไรอยู่ และมีลุ่ทางจะทำกำไรได้จึงย่อมไม่สมควรจะเลิกบริษัทจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1863

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1863/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 438

รถจำเลยที่ 2 ออกจากทางโทต้องระวังให้รถจำเลยที่ 1 ในทางเอกผ่านไปก่อน แต่รถในทางเอกก็ต้องชะลอความเร็วลง รถทั้งสองชนกันในทางเอก รถในทางเอกเลยไปชนรถโจทก์เสียหาย รถทั้งสองต้องร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ศาลให้รถจำเลยที่ 1 รับผิดหนึ่งในสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1847

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1847/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 168, 882, 887

รถยนต์คันที่โจทก์เอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยได้ชนกับรถยนต์ของบริษัท ร. เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2517 โจทก์มาฟ้องคดีขอให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2521 พ้นกำหนดสองปีนับแต่วันวินาศภัย ฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความตามมาตรา 882 การที่โจทก์ได้ถูกบริษัท ร.ฟ้องและศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บริษัท ร.เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2520 นั้น ไม่ทำให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาประกันภัยจะเพิ่งมาตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาดังกล่าวเพราะสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยเกิดขึ้นนับแต่วันวินาศภัยจึงจะนำอายุความตามมาตรา 168 มาใช้บังคับในกรณีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 418

กรณีคืนที่ดินที่ครอบครองตามคำพิพากษาให้คืน จำเลยรับคืนตามสภาพที่เป็นอยู่ และไม่ปรากฏว่าพ้นวิสัยที่จะทำให้คืนสภาพเดิมได้จำเลยไม่โต้แย้งค่าที่โจทก์ดัดแปลงที่ดินให้ดีขึ้น ไม่ว่าโจทก์สุจริตหรือทุจริต จำเลยก็ต้องใช้ค่าที่ทำให้ที่ดินดีขึ้นนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1861

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1861/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 657

พนักงานของภัตตาคารรับรถยนต์และกุญแจรถจากผู้มากินอาหารในภัตตาคาร ขับรถไปจอดในที่จอดรถซึ่งเป็นถนนสาธารณะหน้าภัตตาคารแล้วเก็บกุญแจไว้ที่แผงเก็บกุญแจรถ มีใบรับฝากให้โจทก์ไว้ โจทก์กินอาหารแล้วออกมา รถหายไปแล้วเป็นการฝากทรัพย์ ไม่ได้ความว่าจำเลยใช้ความระวังเสมือนการเก็บรักษารถของจำเลยเอง จำเลยต้องรับผิดใช้ราคารถแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 699, 702, 744

สัญญาจำนองคดีนี้เป็นการจำนองที่ดินเพื่อประกันการทำงานและหนี้สินของ อ. ในอนาคต ไม่มีกำหนดเวลา มีลักษณะเป็นการประกันเพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราวไม่มีจำกัดเวลาเป็นคุณแก่เจ้าหนี้ ผู้ค้ำประกันอาจเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 699 และสัญญาจำนองรายการนี้ก็มิได้มีข้อตกลงว่า ผู้จำนองจะต้องผูกพันประกันหนี้ตามสัญญาตลอดไป ดังนั้น ถ้าผู้จำนองได้บอกกล่าวเลิกสัญญานั้นแก่เจ้าหนี้แล้ว ผู้จำนองย่อมมีสิทธิที่จะชำระหนี้ซึ่งมีอยู่เพื่อให้สัญญาจำนองระงับสิ้นไปได้ เมื่อโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้จำนองขอชำระหนี้โดยแจ้งความประสงค์เลิกประกันหนี้รายนี้ต่อไป และได้มีการชำระหนี้ซึ่งมีอยู่ในขณะนั้นแล้ว สัญญาจำนองย่อมระงับสิ้นไป จำเลยต้องจดทะเบียนถอนจำนองให้โจทก์ ไม่มีเหตุที่โจทก์จะต้องนำเงินสดมาวางแทนการจำนอง และเมื่อสัญญาจำนองมิได้มีข้อตกลงว่าผู้จำนองจะต้องรับผิดเกี่ยวกับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน จึงไม่ผูกพันโจทก์ที่จะต้องรับผิดเกี่ยวกับเงินชดเชยดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369/2522

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 177, 173, 185 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 916

ตามคำให้การของจำเลยว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์โดยมีเงื่อนไขว่า โจทก์จะไปขึ้นเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อ ว. โอนกิจการอู่ซ่อมรถยนต์ให้แก่จำเลย เพราะจำเลยออกเช็คเพื่อใช้หนี้แทน ป. น้องชายของจำเลย แต่จำเลยกลับนำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่พ.เจ้าหนี้คนหนึ่งของป.โดยพ. ได้ทราบข้อตกลงและเงื่อนไขดังกล่าว ต่อมา ว. ไม่ยอมโอนอู่ซ่อมรถยนต์ให้จำเลยจำเลยจึงแจ้งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินแล้ว พ. กลับโอนเช็คพิพาทให้แก่โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉลเพื่อให้โจทก์นำเช็คมาฟ้องจำเลย ซึ่งเป็นเรื่องจำเลยต่อสู้ว่าพ. ผู้ทรงคนก่อนโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ผู้ทรงคนปัจจุบันด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ข้อนำสืบของจำเลยดังกล่าวจึงนอกประเด็นพิพาท รับฟังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 599

งานที่ทำบกพร่องไม่เป็นไปตามสัญญา ผู้ว่าจ้างต้องใช้ค่าจ้างที่หักค่าเสียหายออกแล้วแก่ผู้รับจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 112, 115, 303, 306, 537, 564

โจทก์เช่าที่ดินจากกรมการศาสนาแล้วให้จำเลยปลูกบ้านถึงกำหนดแล้วจำเลยไม่ยอมออก โจทก์ในฐานะคู่สัญญาย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่เช่าได้จำเลยจะต่อสู้ว่า กรมการศาสนาเจ้าของที่พิพาทได้บอกเลิกสัญญาเช่าที่ทำไว้กับโจทก์เพราะโจทก์ผิดสัญญาให้เช่าช่วง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยหาได้ไม่

การที่โจทก์เช่าที่พิพาทจากกรมการศาสนาแล้วถูกบอกเลิกสัญญาเช่าโจทก์จึงตกลงกับจำเลยสละสิทธิการเช่าในภายหน้า เพื่อให้จำเลยไปติดต่อขอเช่าจากกรมการศาสนาเองโดยตรง โดยโจทก์ขอรับเงินจากจำเลยเป็นค่าสละสิทธิจำนวนหนึ่งนั้น ข้อตกลงนี้ไม่ใช่เรื่องโอนสิทธิการเช่าหรือโอนสิทธิเรียกร้องและไม่มีกฎหมายบังคับให้ทำตามแบบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 215, 1367

จำเลยรับรถไถของโจทก์ไปรับจ้างไถนาหักใช้หนี้ที่โจทก์เป็นลูกหนี้จำเลย ลูกจ้างของจำเลยลักรถไปจากการครอบครองของจำเลยจำเลยต้องรับผิดใช้ราคารถแก่โจทก์

« »
ติดต่อเราทาง LINE