จากเหตุการณ์ข่าวดัง เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา  กรณีหญิงประสบอุบัติเหตุรุนแรงที่ปลายทางเลื่อน ทำให้ขาซ้ายตั้งแต่เหนือหัวเข่าลงไปติดอยู่ในทางเลื่อนถึงขั้นขาขาด และจากการให้สัมภาษณ์ของผู้โดยสารท่านหนึ่งที่เดินอยู่นอกทางเลื่อนเผยนาทีสยองว่า “ขณะผู้บาดเจ็บยืนอยู่บนทางเลื่อนจะสุดทางอยู่แล้ว ทางเลื่อนทำงานผิดปกติสะดุดติดขัด ทำให้หญิงผู้บาดเจ็บและกระเป๋าเดินทางล้มลงไปด้วยกัน ขาข้างซ้ายถูกดูดลงไปติดอยู่ใต้ทางเลื่อนร้องขอความช่วยเหลือด้วยความตกใจ แต่ระบบทางเลื่อนยังไม่หยุดทำงานทันที ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าเจ้าหน้าที่จะมาตัดการทำงานทางเลื่อน”โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณทางเลื่อนที่ 2 ระหว่างสะพานเทียบเครื่องบินหรืองวงช้าง 4 และ 5 ขาออก อาคาร 2 ท่าอากาศยานดอนเมือง ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม. ซึ่งเป็นข่าวที่สะเทือนใจและสร้างความหวาดระแวงในการใช้ทางเลื่อนหรือบันไดเลื่อนให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก

ประเด็นที่น่าคิด คือเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่น่าสลดใจแบบนี้แล้ว...

ในทางกฎหมายผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทน (ค่าเสียหาย) จากใครได้บ้าง ?

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับทางเลื่อนหรือบันไดเลื่อนกันก่อนว่ามีความเป็นมาอย่างไร และมีลักษณะการทำงานอย่างไรบ้าง บันไดเลื่อนมีการใช้งานครั้งแรกในศตวรรษที่ 19 โดยใช้ชื่อว่า Escalator ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาละตินที่เป็นคำผสมระหว่าง Elevator และ Scala และในประเทศไทยมีการใช้งานบันไดเลื่อนครั้งแรกที่กรุงเทพมหานคร โดยห้างสรรพสินค้าไทยไดมารูราชประสงค์ ในช่วงปี พ.ศ. 2507 โดยกลไกทำงานของบันไดเลื่อนหรือทางเลื่อน จะเริ่มจากมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งทำหน้าที่ขับเพลาที่มีจานเฟืองติดอยู่ให้หมุน ลักษณะคล้ายจาน และโซ่จักรยานเพื่อไปขับขั้นบันได และราวมือจับไปพร้อม ๆ กัน โดยปลายทั้งสองข้างของขั้นบันไดเลื่อนจะมีล้อหมุนติดอยู่ เมื่อขั้นบันไดเลื่อนเคลื่อนไปจนสุดทางก็จะม้วนตัวลงไปด้านล่าง แล้วเคลื่อนวงกลับไป แบบนี้เรื่อย ๆ

 อ่านตัวอย่างจริงจากผู้ปรึกษาบนเว็บไซต์เกี่ยวกับ ค่าสินไหมทดแทน

เมื่อพิจารณาตามกฎหมายแล้ว 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วางหลักไว้ว่า

 “บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล บุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง” และวรรคสองกำหนดว่า “ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงบุคคลผู้มีไว้ในครอบครองของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้นด้วย”

ดังจะเห็นได้ว่ากฎหมายกำหนดให้บุคคลผู้มีไว้ในครอบครองต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย

 ดั้งนั้น กรณีตามข่าวที่ปรากฏนั้น ท่าอากาศยานซึ่งเป็นผู้ครอบครอง จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหาย

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้ทางเลื่อนหรือบันไดเลื่อน เราควรจะต้องใช้ความระมัดระวังให้ดี โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวอย่างเคร่งครัดกันนะครับ

อ่านบทความ " บันไดเลื่อนกินคน ผู้เสียหายเรียกค่าเสียหายอะไรได้บ้าง (EP.2) " ได้ที่