คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2545
คำสั่งคำร้องที่ 85/2545
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 23
ความว่า จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกรณียื่นฎีกาพ้นกำหนดเวลาที่ศาลอนุญาตให้ขยายฎีกาแล้ว ไม่อาจจะอนุญาตให้ฎีกาในวันนี้ได้ จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า จำเลยไม่มีเจตนาที่จะยื่นฎีกาของจำเลยให้พ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลขยายให้ แต่เป็นเพราะความไม่ละเอียดของทนายจำเลยที่เห็นตัวเลขวันที่ที่ศาลมีคำสั่งวันที่ 2 เป็นวันที่ 7 จึงได้นำฎีกามายื่นต่อศาลในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2544ดังกล่าว และจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ส่งฎีกาของจำเลยไปให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 อนุญาตให้ฎีกาตามลำดับแต่ศาลชั้นต้นกลับมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุที่จะส่งไปให้ผู้พิพากษาเพื่อมีคำสั่ง คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงคลาดเคลื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้ส่งคำร้องของจำเลยไปให้ผู้พิพากษาที่จำเลยกล่าวไว้ในคำร้องของจำเลย ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2544 เพื่อลงลายมือชื่ออนุญาตฎีกา และรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังมิได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง เป็นการกระทำผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แต่มีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 5 ปี
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว(อันดับ 89,88 แผ่นที่ 3)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 92)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยยื่นฎีกา พร้อมคำร้องขอให้อนุญาตฎีกา แต่ฎีกาและคำร้องของจำเลยดังกล่าวยื่นเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยาย ฉะนั้นไม่ว่าผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งอย่างไร ศาลชั้นต้นย่อมสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยอยู่แล้ว เพราะเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ที่จำเลยอ้างว่ายื่นฎีกาหลังพ้นกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายเพราะทนายจำเลยเห็นตัวเลขวันที่ในคำสั่งของศาลชั้นต้นผิดไปนั้นเป็นความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลยเอง มิใช่เหตุสุดวิสัยรับฟังไม่ได้ คำสั่งศาลชั้นต้นชอบแล้ว ยกคำร้อง
คำสั่งคำร้องที่ 67/2545
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108
ความว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นรวมพิจารณากับคดีอีกสำนวนหนึ่ง โดยเรียกจำเลยคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 9 ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์
คำสั่ง
อนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ตีราคาค่าประกันแปดแสนบาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป
คำสั่งคำร้องที่ 83/2545
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108
ความว่า ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยขอใช้หลักประกันเดิม
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ไม่เห็นสมควรจะให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้อง
คำสั่งคำร้องที่ 82/2545
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108
ความว่า ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยขอใช้หลักประกันเดิม
คำสั่ง
พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา และพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ยังไม่มีเหตุสมควรปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวระหว่างฎีกา จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
คำสั่งคำร้องที่ 65/2545
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108
ความว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์
คำสั่ง
อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ตีราคาประกันหกแสนบาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป
คำสั่งคำร้องที่ 78/2545
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108
ความว่า ผู้ประกันยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 9 ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ตีราคาค่าประกันห้าแสนบาทถ้วน ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป
คำสั่งคำร้องที่ 77/2545
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108, 119 ทวิ
ความว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยถูกฟ้องในข้อหามียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย กับต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้องและพิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยเคยถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมาหลายครั้ง แสดงว่าจำเลยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ยาเสพติดนั้นเป็นภัยร้ายแรงต่อมวลมนุษย์ สังคมและประเทศชาติ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยนั้น ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย
คำสั่งคำร้องที่ 76/2545
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108
ความว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ตีราคาค่าประกันสามแสนบาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป
คำสั่งคำร้องที่ 75/2545
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 42
ความว่า เนื่องจากจำเลยถึงแก่ความตายแล้ว ผู้ร้องเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายมีความประสงค์ขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลย เพื่อดำเนินคดีต่อไป
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 7820 ตำบลวัดชลอ (บางกรวยฝั่งใต้) อำเภอบางกรวย(บางใหญ่) จังหวัดนนทบุรี ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 5,000 บาท นับตั้งแต่วันที่15 สิงหาคม 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา (อันดับ 58 แผ่นที่ 2)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
ผู้ร้องยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นสอบผู้ร้องแล้วยืนยันว่าจำเลยถึงแก่ความตายจริงและเป็นสามีของจำเลยตามกฎหมาย ทนายโจทก์ไม่ค้าน (อันดับ 65,69)
คำสั่ง
อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยผู้มรณะได้ตามคำร้อง
คำสั่งคำร้องที่ 72/2545
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108
ความว่า ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยขอใช้หลักประกันเดิม
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวในระหว่างฎีกาตีราคาประกันหกแสนบาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป