คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2545

คำสั่งคำร้องที่ 93

คำสั่งคำร้องที่ 93/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 249, 309 ทวิ

ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด โดยอ้างว่าราคาที่ขายทอดตลาดได้เป็นราคาที่ต่ำเกินไป จึงเป็นการยื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำพิพากษายืน ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ จึงไม่รับฎีกา

จำเลยที่ 2 เห็นว่า จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด เนื่องจากจำเลยที่ 2 ไม่ได้รับประกาศขายทอดตลาดจึงไม่ทราบวันนัดขายทอดตลาด จึงเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ไม่ได้มาดูแลการขายทอดตลาด และไม่ได้ติดต่อนำผู้ที่จะเข้าประมูลซื้อทรัพย์ไปทำการประมูลแข่งขันราคาให้สูงขึ้น ไม่ใช่เป็นกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง จึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ และฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ว่าการส่งประกาศขายทอดตลาดครั้งที่ 3 และที่ 4 ให้จำเลยที่ 2 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การขายทอดตลาดจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นปัญหาข้อกฎหมายสมควรที่จะได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 ด้วย

หมายเหตุ โจทก์และผู้คัดค้านยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1256 ตำบลบ่อน้ำร้อน อำเภอกันตัง จังหวัดตรังของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาด เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา โดยนางสมใจชัยวิริยะกุล เป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้

จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ส่งประกาศขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 2 ทราบโดยชอบ ทำให้จำเลยที่ 2 ไม่มีโอกาสคัดค้านการประมูลของผู้เข้าประมูลที่เสนอราคาต่ำไป การขายทอดตลาดจึงไม่ชอบ ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดและระงับการโอนให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์

ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 72)

จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 74)

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้แจ้งวันนัดขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 2 ทราบโดยชอบ เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ไม่มีโอกาสคัดค้านการประมูลของผู้เข้าประมูลที่เสนอราคาต่ำไปนั้น แม้ถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งกระบวนการในการบังคับคดี มิใช่โต้แย้งเรื่องการขายทอดตลาดทรัพย์ในราคาต่ำเกินควร ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 2 ยอมรับว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีนำหมายแจ้งวันนัดขายทอดตลาดไปส่งที่บ้านของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 มีชื่อในทะเบียนบ้านหลังดังกล่าวและพักอาศัยในขณะยื่นคำร้องนี้ บุตรสาวของจำเลยที่ 2 รับหมายแจ้งวันนัดขายทอดตลาดไว้แทน แต่มิได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบ ต่อมาจำเลยที่ 2 ย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ก็มิได้ย้ายทะเบียนบ้านและมิได้แจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบด้วย ดังนี้ ย่อมไม่มีเหตุที่จำเลยที่ 2 จะกล่าวอ้างได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้แจ้งวันนัดขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 2 ทราบโดยชอบฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

คำสั่งคำร้องที่ 87

คำสั่งคำร้องที่ 87/2545

พระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 ม. 7

ความว่า เนื่องจากโจทก์ในคดีนี้ได้โอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดที่มีต่อจำเลยให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์พ.ศ. 2541 มาตรา 7 ผู้ร้องในฐานะผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวมีความประสงค์ขอเข้าสวมสิทธิในการดำเนินคดีแทนโจทก์ โปรดมีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นโจทก์แทนโจทก์เดิมด้วย

หมายเหตุ จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้ว ไม่ค้าน (อันดับ 75-77)

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 300,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ฯลฯ

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา (อันดับ 60)

คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา

ผู้ร้องยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 69)

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลโดยจดทะเบียนเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 และรับโอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดในคดีนี้จากโจทก์เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2544 ผู้ร้องย่อมเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกำหนดดังกล่าว อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิแทนโจทก์ได้ตามคำร้อง

คำสั่งคำร้องที่ 81

คำสั่งคำร้องที่ 81/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108, 219

ความว่า ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยที่ 2 ชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยขอใช้หลักประกันเดิม

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นจำคุกจำเลยที่ 2 ไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ทั้งจำเลยที่ 2 ยังมิได้ยื่นฎีกาในปัญหาใด ๆ ต่อศาลชั้นต้น ในชั้นนี้จึงไม่เห็นสมควรอนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 2 ชั่วคราวในระหว่างฎีกา ให้ยกคำร้อง

คำสั่งคำร้องที่ 85

คำสั่งคำร้องที่ 85/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 23

ความว่า จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกรณียื่นฎีกาพ้นกำหนดเวลาที่ศาลอนุญาตให้ขยายฎีกาแล้ว ไม่อาจจะอนุญาตให้ฎีกาในวันนี้ได้ จึงไม่รับฎีกาของจำเลย

จำเลยเห็นว่า จำเลยไม่มีเจตนาที่จะยื่นฎีกาของจำเลยให้พ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลขยายให้ แต่เป็นเพราะความไม่ละเอียดของทนายจำเลยที่เห็นตัวเลขวันที่ที่ศาลมีคำสั่งวันที่ 2 เป็นวันที่ 7 จึงได้นำฎีกามายื่นต่อศาลในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2544ดังกล่าว และจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ส่งฎีกาของจำเลยไปให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 อนุญาตให้ฎีกาตามลำดับแต่ศาลชั้นต้นกลับมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุที่จะส่งไปให้ผู้พิพากษาเพื่อมีคำสั่ง คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงคลาดเคลื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้ส่งคำร้องของจำเลยไปให้ผู้พิพากษาที่จำเลยกล่าวไว้ในคำร้องของจำเลย ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2544 เพื่อลงลายมือชื่ออนุญาตฎีกา และรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป

หมายเหตุ โจทก์ยังมิได้รับสำเนาคำร้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง เป็นการกระทำผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แต่มีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 5 ปี

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน

จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว(อันดับ 89,88 แผ่นที่ 3)

จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 92)

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยยื่นฎีกา พร้อมคำร้องขอให้อนุญาตฎีกา แต่ฎีกาและคำร้องของจำเลยดังกล่าวยื่นเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยาย ฉะนั้นไม่ว่าผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งอย่างไร ศาลชั้นต้นย่อมสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยอยู่แล้ว เพราะเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ที่จำเลยอ้างว่ายื่นฎีกาหลังพ้นกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายเพราะทนายจำเลยเห็นตัวเลขวันที่ในคำสั่งของศาลชั้นต้นผิดไปนั้นเป็นความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลยเอง มิใช่เหตุสุดวิสัยรับฟังไม่ได้ คำสั่งศาลชั้นต้นชอบแล้ว ยกคำร้อง

คำสั่งคำร้องที่ 67

คำสั่งคำร้องที่ 67/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นรวมพิจารณากับคดีอีกสำนวนหนึ่ง โดยเรียกจำเลยคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 9 ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์

คำสั่ง

อนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ตีราคาค่าประกันแปดแสนบาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป

คำสั่งคำร้องที่ 83

คำสั่งคำร้องที่ 83/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยขอใช้หลักประกันเดิม

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว ไม่เห็นสมควรจะให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้อง

คำสั่งคำร้องที่ 82

คำสั่งคำร้องที่ 82/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยขอใช้หลักประกันเดิม

คำสั่ง

พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา และพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ยังไม่มีเหตุสมควรปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวระหว่างฎีกา จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง

คำสั่งคำร้องที่ 65

คำสั่งคำร้องที่ 65/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์

คำสั่ง

อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ตีราคาประกันหกแสนบาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป

คำสั่งคำร้องที่ 78

คำสั่งคำร้องที่ 78/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า ผู้ประกันยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 9 ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ตีราคาค่าประกันห้าแสนบาทถ้วน ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป

คำสั่งคำร้องที่ 77

คำสั่งคำร้องที่ 77/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108, 119 ทวิ

ความว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว จำเลยถูกฟ้องในข้อหามียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย กับต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้องและพิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยเคยถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมาหลายครั้ง แสดงว่าจำเลยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ยาเสพติดนั้นเป็นภัยร้ายแรงต่อมวลมนุษย์ สังคมและประเทศชาติ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยนั้น ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย

« »
ติดต่อเราทาง LINE