คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2545

คำสั่งคำร้องที่ 71

คำสั่งคำร้องที่ 71/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 218 วรรคหนึ่ง

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาจำเลย

จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่าพยานหลักฐานโจทก์มีเหตุอันควรสงสัย จึงต้องยกผลประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลยนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดรับฎีกาของจำเลยในข้อดังกล่าวไว้พิจารณาต่อไป

หมายเหตุ โจทก์รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 87)

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297ลงโทษจำคุก 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยก

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 82 แผ่นที่ 2)

จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 87)

คำสั่ง

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน และดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าวที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

คำสั่งคำร้องที่ 70

คำสั่งคำร้องที่ 70/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 219

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของโจทก์ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงมีคำสั่งให้รับฎีกาไปโดยผิดหลง จึงให้เพิกถอนคำสั่งรับฎีกาเป็นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ที่ว่า การที่จำเลยโอนที่ดินของตนไปเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่น เป็นการเบียดบังซ่อนเร้น ทำให้โจทก์เสียเปรียบและไม่สามารถบังคับคดีเอากับจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย โปรดรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป

หมายเหตุ จำเลยยังมิได้รับสำเนาคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้กำหนด 2 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 77)

โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 86)

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยมีกำหนด 6 เดือนศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีโจทก์ฎีกาว่าขอให้ศาลฎีกาไม่ให้รอการลงโทษแก่จำเลย จึงเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจ ในการกำหนดโทษของศาล ส่วนฎีกาของโจทก์ที่ว่าจำเลยไม่ผ่อนชำระหนี้ตามข้อตกลงในคดีแพ่งแก่โจทก์ทั้งโอนทรัพย์สินของตนไปเป็นของบุคคลอื่น โจทก์ไม่สามารถบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์ของจำเลยนั้น ก็เป็นเรื่องการผิดนัดไม่ชำระหนี้ในทางแพ่งไม่ได้เกี่ยวพันกับการกระทำความผิดในคดีนี้ ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว

คำสั่งคำร้องที่ 66

คำสั่งคำร้องที่ 66/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 5 ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์

คำสั่ง

อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ตีราคาค่าประกันสี่แสนบาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป

คำสั่งคำร้องที่ 50

คำสั่งคำร้องที่ 50/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยขอใช้หลักประกันเดิม

คำสั่ง

พิเคราะห์ตามพฤติการณ์แห่งคดี ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพและศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยขั้นต่ำแล้ว ไม่มีเหตุสมควรที่จะปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา ไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง

คำสั่งคำร้องที่ 47

คำสั่งคำร้องที่ 47/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยขอใช้หลักประกันเดิม

คำสั่ง

พิเคราะห์ถึงความหนักเบาแห่งข้อหาแล้ว ในชั้นนี้ยังไม่สมควรให้ปล่อยจำเลยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง แจ้งเหตุไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวให้จำเลยทราบโดยเร็ว

คำสั่งคำร้องที่ 64

คำสั่งคำร้องที่ 64/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยผู้ประกัน ขอใช้หลักประกันเดิม

คำสั่ง

อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างฎีกา ตีราคาค่าประกันสองแสนบาทถ้วนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป

คำสั่งคำร้องที่ 63

คำสั่งคำร้องที่ 63/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยขอใช้หลักประกันเดิม

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้วจำเลยยังไม่ได้ยื่นฎีกา จึงไม่มีเหตุให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกาให้ยกคำร้อง แจ้งคำสั่งไม่ปล่อยชั่วคราวให้จำเลยทราบโดยเร็ว

คำสั่งคำร้องที่ 62

คำสั่งคำร้องที่ 62/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว ตามคำร้องของจำเลยยังไม่มีเหตุสมควรที่จะปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ใช้ดุลพินิจชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

คำสั่งคำร้องที่ 60

คำสั่งคำร้องที่ 60/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า ผู้ประกันยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 9 ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์

คำสั่ง

พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 9 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

คำสั่งคำร้องที่ 59

คำสั่งคำร้องที่ 59/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 106, 107, 108

ความว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 6 ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์

คำสั่ง

พิเคราะห์ข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ยังไม่มีเหตุสมควรปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำสั่งไม่อนุญาตนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

« »
ติดต่อเราทาง LINE