คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2531
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6035/2531
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 352
โจทก์ร่วมมอบสร้อยคอทองคำให้จำเลยไปขาย จำเลยจะขายได้ราคาสูงเท่าใดก็เป็นเรื่องของจำเลย แต่จำเลยต้องนำเงิน 3,500 บาทมาคืนให้โจทก์ร่วม ดังนี้ กรณีมิใช่จำเลยได้รับมอบหมายสร้อยไว้แทนโจทก์ร่วม แต่เป็นการขายเชื่อสร้อยคอทองคำให้จำเลย เมื่อจำเลยไม่คืนหรือชำระราคาสร้อยคอทองคำให้โจทก์ก็เป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6034/2531
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 56, 341
การที่จำเลยหลอกลวงโจทก์โดยการนำชี้ว่าที่ดินของจำเลยอยู่ติดถนน ทั้ง ๆ ที่จำเลยแบ่งขายที่ดินส่วนที่อยู่ติดถนนให้แก่บุคคลอื่นไปก่อนแล้ว เป็นเหตุให้โจทก์หลงเชื่อจึงซื้อที่ดินของจำเลย ซึ่งหากโจทก์ทราบว่าที่ดินของจำเลยไม่ติดถนน โจทก์ก็จะไม่ซื้อที่ดินของจำเลย แม้โจทก์จะไม่ได้นำสืบว่าราคาที่ดินที่โจทก์ชำระแก่จำเลยนั้นสูงกว่าราคาที่ดินแปลงที่โจทก์ซื้อมาเท่าใด โจทก์ก็ได้รับความเสียหายเพราะได้ชำระราคาแก่จำเลยโดยหลงเชื่อว่าที่ดินอยู่ติดถนน การกระทำของจำเลยจึงครบองค์ประกอบเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341จำเลยอายุ 73 ปี โจทก์เองก็มีส่วนประมาทอยู่บ้าง พฤติการณ์และเหตุผลแห่งรูปคดีมีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6031/2531
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 56, 327, 328, 329
จำเลยที่ 1 เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์มีข้อความว่า"พรรคไหนเอ่ยที่คนในพรรคพัวพันกับการค้าเฮโรอีนระหว่างประเทศจนต้องแก้ปัญหาด้วยการปลิดชีพตัวเองลาโลก" ข้อความดังกล่าวทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ว่าหมายถึงพรรค ป. และ ด. สามีโจทก์ ดังนี้จำเลยที่ 1 มีเจตนาใส่ความผู้ตายโดยการโฆษณาด้วยเอกสารอันน่าจะเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตายและบุตรเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังจากผู้อื่นได้ มิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์และผู้โฆษณาย่อมต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามกฎหมาย จำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อน ถ้าจะรอการลงโทษไว้ย่อมจะเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งให้จำเลยที่ 1 ต้องระมัดระวังความประพฤติของตน ซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่สังคมมากกว่าที่จะลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 มิใช่ผู้เขียนแต่รับผิดในฐานะบรรณาธิการ ผู้พิมพ์และผู้โฆษณาจำเลยทั้งสองไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน พฤติการณ์และเหตุผลแห่งรูปคดีมีเหตุสมควรรอการลงโทษเพื่อให้โอกาสจำเลยทั้งสองกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5916/2531
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 95 (2) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 15, 227
คำบอกเล่าของผู้ตายนั้นก่อนที่จะรับฟังต้องปรากฎว่าในเวลาที่ผู้ตายต้องพูดเช่นนั้น ผู้ตายคิดว่าตนจะตายไม่มีหวังจะรอดชีวิต แต่โจทก์ไม่ได้สืบข้อความนี้ จึงฟังลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5979/2531
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 366, 587
จำเลยตกลงจ้างโจทก์ในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงจากภรรยาจำเลยในประเทศไทยว่า จำเลยจะถูกฟ้องข้อหาให้สินบนเจ้าพนักงานหรือไม่ และขอคำแนะนำทางด้านกฎหมาย ถ้าจำเป็นก็ให้ตั้งทนายความสู้คดี โดยกำหนดจำนวนเงิน 20,000 บาท เป็นค่าจ้างเหมาในกิจการดังกล่าว การที่โจทก์สืบสวนข้อเท็จจริงให้คำปรึกษาและแนะนำแก่จำเลย เมื่อไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าคู่กรณีต่างตกลงคิดค่าจ้างกันเป็นรายชั่วโมงหรือโจทก์แจ้งจำเลยขอคิดค่าจ้างนอกเหนือจากเงินจำนวน 20,000 บาทเป็นพิเศษ ต้องถือว่าจำเลยตกลงจ้างโจทก์กระทำการในวงเงิน 20,000 บาท โจทก์ไม่อาจเรียกร้องเอาเงินค่าใช้จ่ายอย่างอื่นนอกวงเงินที่จำเลยกำหนด แม้เพื่อใช้จ่ายในกิจการดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5980/2531
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 231, 253 (3) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 57 (3) ประมวลรัษฎากร ม. 12 ทวิ, 35 ทวิ
เมื่อจำเลยตกลงยอมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามที่ได้รับประกันภัยไว้แล้ว แม้ต่อมาจำเลยจะได้รับแจ้งจากกรมสรรพากรมิให้ชำระเงินแก่โจทก์ เนื่องจากโจทก์ยังมีหนี้ค้างชำระค่าภาษีอากรอยู่ก็ตาม แต่คำสั่งของกรมสรรพากรดังกล่าวมิใช่เป็นคำสั่งศาลที่แจ้งให้จำเลยงดชำระหนี้แก่โจทก์ ทั้งหนี้ค่าภาษีอากรเป็นบุริมสิทธิสามัญ มิใช่บุริมสิทธิพิเศษเหนือทรัพย์ที่เอาประกันอันกรมสรรพากรจะเรียกร้องเอากับจำเลยผู้ประกันได้กรณีเช่นนี้จำเลยจึงไม่อาจขอให้ศาลเรียกกรมสรรพากรเข้ามาเป็นจำเลยร่วมหรือปฏิเสธจำนวนหนี้ที่จำเลยยอมรับผิดนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6029/2531
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 83, 289 (4)
จำเลยทั้งสองกับพวกใช้รถยนต์เป็นพาหนะไปที่บ้านผู้ตายโดยจำเลยที่ 2 แสร้ง ทำเป็นพ่อค้าเร่ขายจักรเย็บผ้า จำเลยที่ 1กวักมือเรียกผู้ตายให้ออกจากบ้านแล้วยิงผู้ตาย ในขณะที่จำเลยที่ 2ถือปืนคุ้มกันแล้วจำเลยทั้งสองขึ้นรถหลบหนีไปด้วยกัน ดังนี้เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำโดยมีการเตรียมอาวุธ ยานพาหนะและวางแผนไว้ก่อนแล้ว การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6021/2531
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 164
สัญญาซื้อขายที่กำหนดชำระราคาเป็นงวด และจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่างวดรวม 2 งวดติดต่อกันอันเป็นผลให้สัญญาสิ้นสุดลงตามเงื่อนไขแห่งสัญญาแล้วนั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายโดยคิดตามจำนวนค่างวดที่จำเลยยังค้างชำระทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่สัญญาเลิกกัน ย่อมเป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องจากการผิดสัญญา ซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความการใช้สิทธิเรียกร้องไว้ต่างหาก จึงต้องใช้บทบัญญัติทั่วไปอันมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6015/2531
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 226, 227
ลำพังคำเบิกความของพยานที่เคยถูกฟ้องเป็นจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ของผู้เสียหายรายเดียวกันมาก่อน เป็นคำซัดทอดของผู้ที่ร่วมกระทำผิดด้วยกัน ไม่พอรับฟังลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6011/2531
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 352
โจทก์ซื้อที่ดินพร้อมบ้านจากผู้มีชื่อโดยให้จำเลยลงชื่อรับโอนที่ดินและบ้านแทนโจทก์ แต่จำเลยมิได้เข้าไปครอบครองที่ดินและบ้านดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้นแม้จำเลยจะโอนที่ดินและบ้านของโจทก์ให้ผู้อื่นไป การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352