คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2531
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6015/2531
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 226, 227
ลำพังคำเบิกความของพยานที่เคยถูกฟ้องเป็นจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ของผู้เสียหายรายเดียวกันมาก่อน เป็นคำซัดทอดของผู้ที่ร่วมกระทำผิดด้วยกัน ไม่พอรับฟังลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6011/2531
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 352
โจทก์ซื้อที่ดินพร้อมบ้านจากผู้มีชื่อโดยให้จำเลยลงชื่อรับโอนที่ดินและบ้านแทนโจทก์ แต่จำเลยมิได้เข้าไปครอบครองที่ดินและบ้านดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้นแม้จำเลยจะโอนที่ดินและบ้านของโจทก์ให้ผู้อื่นไป การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6007/2531
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 202 วรรคสอง, 213
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ข้อหาลักทรัพย์และยกฟ้องจำเลยที่ 1 โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ข้อหารับของโจรส่วนจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง ระหว่างพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 ขอถอนอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์อนุญาตดังนี้คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 ย่อมถึงที่สุด เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 และไม่ปรากฏว่าเหตุที่ยกฟ้องนั้นเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ด้วย ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจหยิบยกเอาอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ถอนแล้วมาวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5983/2531
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 582 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 90, 142 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 ม. 45
จำเลยตกลงจ่ายเงินเดือนให้โจทก์เดือนละ 2 ครั้ง ในวันที่ 16และวันที่ 30 หรือ 31 ของเดือนซึ่งเป็นวันสิ้นเดือน จำเลยเลิกจ้างโจทก์ ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2531 ซึ่งเป็นวันสิ้นเดือนโดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้า จึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจนถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปข้างหน้าคือวันที่ 16 มีนาคม 2531 โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงินจำนวนหนึ่งแก่โจทก์ แม้จำเลยจะมิได้ให้การปฏิเสธในเรื่องจำนวนเงินที่โจทก์ขอก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้รับเป็นจำนวนน้อยกว่าที่ขอมา ศาลแรงงานก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาให้เพียงเท่าที่โจทก์มีสิทธิได้ จำเลยนำสืบพยานเอกสารโดยไม่ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานสามวัน แต่ศาลแรงงานกลางเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเพื่อให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดี จึงรับฟังเอกสารดังกล่าวโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 45 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้ใช้ในการพิจารณาคดีแรงงานโดยเฉพาะ จึงหาขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 วรรคแรกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5973/2531
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 80, 288
จำเลยใช้ไม้ไผ่กลมตันมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เซนติเมตรยาว 1 เมตร ตีผู้เสียหายถึง 10 ครั้ง ผู้เสียหายถูกตีที่ศีรษะด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายจนกะโหลกศีรษะหลังร้าวสมองกระทบกระเทือนสลบไปนานประมาณ 5 ชั่วโมง แสดงว่าจำเลยตีโดยแรง ประกอบกับขณะที่ตีผู้เสียหายจำเลยพูดว่าถ้าตีไม่ตายจะยิงซ้ำให้ตาย และหลังจากผู้เสียหายสลบ จำเลยยังถือไม้ไผ่เข้าไปและพูดว่าจะตีให้ตายอีกหลายครั้งแต่มีคนห้ามไว้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3077/2531
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 4, 613 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ม. 27
โจทก์ส่งของออกนอกราชอาณาจักรโดยมิได้เสียภาษีอันเป็นการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 27เป็นเหตุให้จำเลยผู้ขนส่งไม่อาจออกใบตราส่งให้โจทก์ได้การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยไม่ออกใบตราส่งให้จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5963/2531
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 192
ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหาย ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด ดังนี้จะลงโทษจำเลยฐานร่วมกันพยายามฆ่าไม่ได้เพราะข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง แต่ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดได้เพราะการใช้เป็นการยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5928/2531
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 609, 610, 616 พระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ.2477 พระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2519 ไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ.2524
การสื่อสารแห่งประเทศไทย จำเลยที่ 1 รับฝากสินค้าอัญมณีจำพวกทับทิมและไพลินเจียระไนจากส. ซึ่งส่งเป็นพัสดุไปรษณีย์อากาศประเภทพัสดุไปรษณีย์ธรรมดา ไปยังผู้รับปลายทางที่สหรัฐอเมริกาเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคแรกที่บัญญัติให้ต้องบังคับตามพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทยพ.ศ. 2519 พระราชบัญญัติไปรษณีย์ พุทธศักราช 2477 และไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ. 2524 ซึ่งเป็นกฎหมายและข้อบังคับที่ใช้อยู่ในขณะที่มีการฝากส่งไปรษณีย์ดังกล่าว ดังนั้น เมื่อ ส. มิได้จัดส่งพัสดุภัณฑ์ในประเภทพัสดุไปรษณีย์รับประกันและต่อมาพัสดุไปรษณีย์ดังกล่าวสูญหายไป ส. จึงมีสิทธิเพียงได้รับชดใช้ค่าเสียหายตามอัตราการชดใช้ค่าเสียหายในประเภทพัสดุไปรษณีย์ธรรมดาตามที่กำหนดไว้ในภาคผนวกของไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ. 2524 จำเลยที่ 1จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 522 บาท จำเลยที่ 1จะอ้างไม่ต้องรับผิดเนื่องจากมีข้อตกลงพัสดุไปรษณีย์ระหว่างการไปรษณีย์สหรัฐอเมริกาและการไปรษณีย์แห่งประเทศไทยตามไปรษณีย์นิเทศข้อ 393.6 และคำสั่งการสื่อสารแห่งประเทศไทยที่ 175/2525 เช่นนั้นไม่ได้ เพราะข้อตกลงดังกล่าวแม้จะทำขึ้นโดยอำนาจจากบทบัญญัติของกฎหมายแต่ก็หามีผลเช่นเดียวกันกับกฎหมายไม่เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ได้แจ้งให้ ส.ทราบว่าพัสดุไปรษณีย์ถึงสหรัฐอเมริกาชิ้นนี้หากสูญหายจะไม่ได้รับชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยที่ 1 จะยกเอาเหตุดังกล่าวมาเป็นข้อยกเว้นความรับผิดหาได้ไม่ การขนไปรษณีย์ภัณฑ์ในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว จำนำบทบัญญัติเรื่องรับขนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 4 หมวด 1 มาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 1 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5899/2531
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 172 พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 ม. 51, 79
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 79 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172วรรคสองด้วย คำร้อง ของ ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่า กรรมการตรวจคะแนนลงคะแนนเอง ลงชื่อแทนผู้มีสิทธิลงคะแนนที่ไม่มาใช้สิทธิไม่จดหมายเลขกับสถานที่ออกบัตรประจำตัวประชาชนในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งและที่จดไว้ก็ไม่ตรงกับความจริง การนับคะแนนของคณะกรรมการทุกหน่วยเลือกตั้งไม่ตรงต่อความเป็นจริงที่ปรากฏในบัตรเลือกตั้งโดยอ่านบัตรเลือกตั้งหมายเลขของผู้ร้องเป็นหมายเลขอื่นทำให้คะแนนของผู้ร้องลดลงคณะกรรมการตรวจคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งกรอกคะแนนลงในแบบรายงานแสดงผลของการนับคะแนนไม่ตรงกับความเป็นจริงและไม่ตรงกับคะแนนที่อ่านได้โดยลดคะแนนของผู้ร้องแล้วเพิ่มคะแนนให้แก่ผู้สมัครหมายเลขอื่นและนายอำเภอในเขตเลือกตั้งซึ่งมีหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน รวมคะแนนของผู้ร้องผิดไปจากความจริงโดยลดคะแนนของผู้ร้องลงและบวกคะแนนเพิ่มให้แก่ผู้สมัครหมายเลขอื่นนั้นเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม เพราะไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใด ของหน่วยเลือกตั้งที่เท่าใด ของอำเภอใดเป็นผู้กระทำเช่นนั้นและที่อ้างว่ากรรมการตรวจคะแนนและนายอำเภอในเขตเลือกตั้งรวมคะแนนผิดไปจากความจริงนั้น ความจริงมีจำนวนเท่าใดก็ไม่ปรากฏ ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งและส่อแสดงว่าเป็นการคาดคะเนเอาเอง จึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ดีไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5927/2531
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 90
การส่งสำเนาเอกสารให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 ในกรณีที่มีการระบุพยานเพิ่มเติม หมายถึงให้ส่งสำเนาเอกสารนั้นให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันที่ทำการสืบพยานเอกสารนั้นไม่น้อยกว่าสามวัน มิใช่ก่อนวันทำการสืบพยานครั้งแรก