คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6320

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6320/2531

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 35, 202, 225

ดังที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษา โจทก์ฎีกา ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยไม่ค้าน เมื่อศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งประทับฟ้องโจทก์ ตามคำร้องพอแปลได้ว่าโจทก์มีความประสงค์ขอถอนฎีกา ศาลฎีกาอนุญาตให้ถอนฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6265

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6265/2531

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 575, 582 พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ม. 52 ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน

ในคดีเดิมที่จำเลยขออนุญาตต่อศาลแรงงานกลางเพื่อเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้าง จำเลยอ้างเหตุแห่งการเลิกจ้างว่าโจทก์แจ้งคุณสมบัติในใบสมัครงานเป็นเท็จทำให้จำเลยเข้าใจผิดในคุณสมบัติของโจทก์ว่า โจทก์ลาออกจากงานที่เคยทำ ต่อมาจำเลยทราบว่าโจทก์ออกจากงานโดยถูกเลิกจ้างเพราะขาดงานเกิน 3 วันติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผลสมควร เหตุที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงไม่ต้องด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 47 จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ และในคดีเดิมศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ได้กำหนดว่าให้เลิกจ้างตั้งแต่เมื่อใด ทั้งการพิจารณาคำร้องขออนุญาตเลิกจ้างโจทก์ดังกล่าวก็เพียงแต่พิจารณาว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะให้เลิกจ้างโจทก์ได้หรือไม่ เช่นนี้เมื่อจำเลยได้รับอนุญาตจากศาลแรงงานกลางให้เลิกจ้างโจทก์ได้แล้ว จำเลยต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนการเลิกจ้างโจทก์ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 582 เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าจำเลยจึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6263

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6263/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 149

จำเลยที่ 2 เป็นตำรวจได้จับกุมผู้เสียหายในข้อหาเล่นการพนันสลากกินรวบ จำเลยที่ 1 เป็นตำรวจประจำสถานีเดียวกันแต่ไม่ได้ร่วมจับกุมและมิใช่พนักงานสอบสวนได้เรียกเงินจากผู้เสียหายกับพวกนำไปให้จำเลยที่ 2 เพื่อให้ปล่อยผู้เสียหายไป และจำเลยที่ 2ได้รับเงินจากฝ่ายผู้เสียหายแล้วได้ปล่อยตัวผู้เสียหายไปไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย อันเป็นการกระทำโดยมิชอบต่อหน้าที่แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับคดีที่จำเลยที่ 2 จับกุมผู้เสียหายมาโดยตรง จึงเป็นเรื่องปฏิบัตินอกหน้าที่ ถือได้ว่าเป็นเพียงการสนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ของจำเลยที่ 2 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6252

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6252/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 80, 336

จำเลยกระชากกระเป๋าถือแบบสะพายที่ผู้เสียหายสะพาย อยู่จนสายสะพาย หลุดจากไหล่ แต่ผู้เสียหายแย่งกระเป๋ากลับคืนมาได้ในทันทีทันใด กระเป๋ายังไม่หลุดไปจากความครอบครองของผู้เสียหายแม้กระเป๋าจะอยู่ที่มือของจำเลยตอนกระชากก็เป็นการกระทำในขั้นมุ่งหมายจะให้กระเป๋าหลุดจากไหล่ผู้เสียหายเท่านั้น จำเลยยังมิได้ยึดถือกระเป๋าของผู้เสียหายไว้ในความครอบครองของตน การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดขั้นพยายามวิ่งราวทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6244

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6244/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 340 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 213, 225

จำเลยมีอาวุธปืนและลูกระเบิดติดตัวไปในการปล้นทรัพย์และขู่ว่าจะใช้หากเจ้าทรัพย์ขัดขืน โดยไม่ได้ยิงปืนหรือใช้วัตถุระเบิดทำให้เกิดระเบิดขึ้นแต่อย่างใด เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรคสี่ และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6212/2531

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 75, 79

กระบวนพิจารณาที่ศาลได้กระทำไปภายหลังจากที่พนักงานเดินหมายปิดหมายนัดสืบพยานจำเลยตามคำสั่งศาลยังภูมิลำเนาของทนายจำเลยและตัวจำเลย เนื่องจากไม่มีบุคคลใดยอมรับหมายแทนต้องถือว่าชอบแล้ว จำเลยจะอ้างในภายหลังว่าความจริงทนายจำเลยและตัวจำเลยมิได้มีภูมิลำเนาตามที่ปรากฏโดยที่มิได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ศาลทราบไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6185

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6185/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 157, 162

จำเลยได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยนายทะเบียนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการรับแจ้งการย้ายเข้า ได้กรอกข้อความเพิ่มชื่อศ. ลงในสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน โดยไม่มีใบแจ้งการย้ายออกถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่เมื่อการเพิ่มเติมทะเบียนบ้านดังกล่าว จำเลยมิได้กระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำไปโดยทุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 แต่การที่จำเลยเพิ่มชื่อ ศ. ลงในสำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าวโดยระบุว่าย้ายมาจากบ้านเลขที่ 20/1 เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายและลงชื่อรับรองไว้ ซึ่งเป็นความเท็จ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการรับรองเป็นหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้งดังบัญญัติไว้ในมาตรา 162(2) แห่งประมวลกฎหมายอาญา และการที่จำเลยเพิ่มชื่อ ศ. เข้าในทะเบียนบ้านดังกล่าวโดยลงชื่อกำกับไว้เป็นการรับรองข้อเท็จจริงในเอกสารนั้นว่าเป็นความจริงตามที่จำเลยระบุเพิ่มเติมไว้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จดังบัญญัติไว้ในมาตรา 162(4) แห่งประมวลกฎหมายอาญา ด้วย แม้จำเลยจะกระทำไปโดยไม่ทุจริต และไม่เกิดความเสียหาย ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6239

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6239/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 318, 319

ผู้เสียหายอายุ 15 ปีเศษ ไปอยู่กับญาติซึ่งบ้านอยู่ใกล้กันไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้เสียหายทะเลาะกับมารดา หรือมารดานำไปฝากก็ไม่ถือว่าพ้นจากอำนาจปกครองของมารดา การที่ญาติของผู้เสียหายอนุญาตให้ผู้เสียหายไปเอาหม้อยากับจำเลย แล้วจำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหาย แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจยินยอมก็ถือไม่ได้ว่าได้รับความยินยอมเห็นชอบจากมารดาผู้เสียหาย และทำให้กระทบกระเทือนต่ออำนาจปกครองของมารดาผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเสียจากมารดาเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6145

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6145/2531

พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ม. 5, 10

นายจ้างมีอำนาจที่จะกำหนดเงื่อนไขหรือหลักเกณฑ์ในการจ่ายรางวัลพิเศษให้แก่ลูกจ้างเป็นอย่างไรก็ได้ จำเลยออกประกาศกำหนดการให้รางวัลพิเศษเพิ่มแก่พนักงานเพื่อตอบสนองในความร่วมมือของพนักงานที่ทำให้ประสบความสำเร็จ บริษัทฯ จึงเพิ่มรางวัลพิเศษให้แก่พนักงานเท่ากับ 0.8 เท่าของเงินเดือน โดยจะจ่ายให้ด้วยการโอนเข้าบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ของพนักงานในวันที่ 31 พฤษภาคม 2531มีความหมายว่า จำเลยจะจ่ายรางวัลพิเศษเพิ่มให้แก่ผู้ที่ยังเป็นพนักงานของจำเลยอยู่ในวันที่จำเลยใช้ประกาศดังกล่าวเท่านั้นและประกาศนี้ไม่ได้กำหนดให้มีผลถึงพนักงานที่ออกจากงานไปก่อนแล้วหรือใช้บังคับย้อนหลังไปถึงปี 2530 แม้จำเลยจะพิจารณาจ่ายรางวัลพิเศษเพิ่มจากผลงานในรอบปี 2530 ก็ไม่ทำให้โจทก์ทั้งสองซึ่งเกษียณอายุพ้นจากการเป็นพนักงานของจำเลยไปก่อนที่จำเลยจะประกาศใช้ประกาศดังกล่าวมีสิทธิได้รับรางวัลพิเศษเพิ่มจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6143

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6143/2531

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 40, 86 วรรคสอง, 87 (1), 88

การไต่สวนคำร้อง ของ จำเลยซึ่งอ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมนั้น เป็นเพียงการไต่สวนเพื่อให้ทราบว่าโจทก์ทั้งสองผิดสัญญาประนีประนอมยอมความดังที่จำเลยกล่าวอ้างหรือไม่เท่านั้น พยานหลักฐานในชั้นนี้จึงไม่ใช่พยานหลักฐานที่สนับสนุนข้ออ้างข้อเถียงในประเด็นแห่งคดีที่พิพาทกันตามคำฟ้องและคำให้การ จึงไม่ตกอยู่ในบังคับที่จะต้องยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันไต่สวนไม่น้อยกว่าสามวันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคแรก ในระหว่างสืบพยานจำเลยตามคำร้องขอจำเลยที่กล่าวหาว่าโจทก์ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ไม่ปรากฏว่าโจทก์ขอเลื่อนการพิจารณาแม้แต่ครั้งเดียว ทนายโจทก์เพิ่งขอเลื่อนการพิจารณาครั้งแรก ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในชั้นไต่สวนคำร้องดังกล่าวโดยอ้างว่า ทนายโจทก์ป่วยและมีใบรับรองแพทย์มาแสดงด้วย ถือได้ว่าทนายโจทก์มีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนและตามพฤติการณ์ไม่ปรากฏว่าโจทก์ประวิงคดี

« »
ติดต่อเราทาง LINE