คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3277

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3277/2531

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 205, 240

ในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายในฐานะเป็นทายาทของผู้ตายซึ่งกระทำละเมิดต่อโจทก์ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเหตุที่โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 เป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย และผู้ตายมีทรัพย์มรดกตกทอดแก่ทายาทอย่างใดหรือไม่ แม้โจทก์จะอุทธรณ์เฉพาะปัญหาดังกล่าว เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของผู้ตายไม่เป็นละเมิดโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็อาจยกฟ้องโจทก์โดยเหตุดังกล่าวได้โดยไม่จำต้องวินิจฉัยความรับผิดของจำเลยตามข้ออุทธรณ์ของโจทก์แต่อย่างใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3275

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3275/2531

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 88, 179, 180, 184 วรรคสอง, 188 (4) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1711, 1713

ในคดีร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านแล้วประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188(4)บังคับให้ต้องดำเนินคดีไปตามบทบัญญัติว่าด้วยคดีอันมีข้อพิพาท เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านในวันที่ 22 มิถุนายน 2527 ศาลจะต้องกำหนดวันสืบพยานขึ้นใหม่เพื่อเปิดโอกาสให้คู่ความได้ยื่นบัญชีระบุพยานตามกฎหมายเสียก่อน จะถือเอาวันนัดไต่สวนเดิมคือวันที่ 25 มิถุนายน 2527 เป็นวันสืบพยานหาได้ไม่ ดังนี้ในวันที่ 25 มิถุนายน 2527 อันเป็นวันนัดไต่สวนไว้เดิมผู้คัดค้านจึงยังมีสิทธิที่จะเสนอคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำคัดค้านต่อศาลได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3249/2531

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 5, 153, 537, 569

การที่จำเลยทำสัญญาเช่าที่พิพาทจากเจ้าของเดิมเมื่อวันที่4 มีนาคม 2508 มีกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2525 เป็นต้นไป นั้นถือว่าเป็นสัญญาเช่าที่มีเงื่อนเวลาเริ่มต้นเมื่อได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วย่อมสมบูรณ์ใช้บังคับได้ แม้โจทก์รับโอนที่พิพาทมาก่อนถึงกำหนดวันเริ่มต้นแห่งสัญญาเช่าก็ต้องรับมาทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนที่มีต่อผู้เช่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3271

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3271/2531

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 30, 39 (1), 43 ประมวลกฎหมายอาญา ม. 357

ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรและมีคำขอให้จำเลยคืนทรัพย์สินหรือใช้ราคาแทนผู้เสียหายด้วย แม้ผู้เสียหายจะเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการก็ตามเมื่อจำเลยถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์และโจทก์ร่วมย่อมระงับไป และคำขอให้คืนทรัพย์สินหรือใช้ราคาย่อมตกไปด้วย จึงต้องจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3269

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3269/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 1 (6), 339 วรรคสาม

จำเลยกับพวกใช้ยากดประสาทอย่างแรงใส่ลงในกาแฟให้ผู้เสียหายดื่ม เมื่อผู้เสียหายดื่มแล้วสิ้นสติไปแทบจะทันทีแล้วจำเลยกับพวกได้ลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป ผู้เสียหายฟื้นคืนสติที่โรงพยาบาลหลังจากเวลาล่วงไปประมาณ 12 ชั่วโมงดังนี้ แม้ผู้เสียหายจะไม่ได้รับอันตรายแก่กายอย่างหนึ่งอย่างใดก็ถือได้ว่าเป็นอันตรายแก่จิตใจของผู้เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3262

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3262/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 289 (4) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 227

จำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุทะเลาะกันในตอนเช้าเนื่องจากจำเลยไปจับปลาที่หน้าวัด ผู้ตายเข้าห้ามปราม ต่อมาเวลากลางคืนจำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองของบิดายิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ระยะเวลาที่เกิดเหตุกับที่ทะเลาะวิวาทห่างกัน เหตุทะเลาะวิวาทก็ไม่ร้ายแรงถึงกับจะเอาชีวิตกัน เมื่อไม่ปรากฏจากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยได้วางแผนเตรียมการเพื่อจะฆ่าผู้ตายมาก่อนดังนี้ไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3192/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 59 วรรคสี่, 291

จำเลยขับรถบรรทุกสิบล้อบรรทุกหินและทรายหนัก 13 ตัน ผ่านทางแยกทางร่วม สองข้างทางเป็นร้านค้า และบ้านคนอยู่อาศัย ทั้งมีเด็ก ๆ กำลังวิงเล่นอยู่ ด้วยความเร็วประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มิได้ลดความเร็วลงเลย เป็นการขับรถโดยประมาท แม้เด็กชาย ส. ผู้ตายวิ่งตัดหน้ารถจำเลยในระยะ 40 เมตร แต่ถ้าจำเลยไม่ขับรถเร็ว เมื่อจำเลยเห็นผู้ตายวิ่งข้ามถนนในระยะ40 เมตร จำเลยย่อมหยุดรถได้ทัน การที่จำเลยขับรถชนผู้ตายถึงแก่ความตายจึงเป็นผลโดยตรงจากความประมาทของจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3254

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3254/2531

ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2515 พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ม. 52

นายจ้างกำหนดให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา โดยกรมแรงงานมีคำสั่งอนุมัติแล้ว นายจ้างจึงประกาศกำหนดให้ลูกจ้างปฏิบัติงานตอนกลางคืนเวลา 20 นาฬิกา ถึง 8 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น หากลูกจ้างไม่มาปฏิบัติงานและไม่แจ้งล่วงหน้า ให้ถือว่าลูกจ้างผู้นั้นขาดงานและละทิ้งหน้าที่ ดังนี้ลูกจ้างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามประกาศ เมื่อลูกจ้างไม่ปฏิบัติงานล่วงเวลาโดยไม่แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบล่วงหน้าย่อมผิดข้อบังคับ ลูกจ้างจะอ้างว่าเป็นสิทธิที่จะไม่ปฏิบัติงานล่วงเวลาหาได้ไม่ และการละทิ้งหน้าที่เป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายประมาณ 600,000 บาท ถือว่าลูกจ้างกระทำผิดเป็นกรณีร้ายแรงและเป็นการจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3252

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3252/2531

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 142

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยปลูกบ้านเลขที่7/29 ลงบนที่ดินแปลงที่จำเลยเช่า ส่วนคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 7 ออกไป ซึ่งแม้เลขที่บ้านจะไม่ตรงกับที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องก็ตาม แต่ไม่ปรากฏว่าบ้านที่จำเลยปลูกในที่ดินที่เช่านั้นมีหลังอื่นอีก จึงย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่า บ้านที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องก็คือบ้านหลังที่โจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนออกไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ทั้งการที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านที่ปลูกในที่ดินที่เช่าออกไปนั้น ไม่จำเป็นต้องระบุเลขที่บ้านก็มีผลบังคับได้อยู่แล้ว เพราะเมื่อจำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในที่ดินที่เช่าแล้ว จำเลยก็ต้องขนย้ายทรัพย์สินของจำเลยทั้งหมดออกไปรวมทั้งบ้านที่ปลูกไว้ด้วย ดังนั้นคำพิพากษาที่ให้รื้อบ้านเลขที่ 7/29 ของจำเลยออกไปจากที่ดินที่เช่าจึงหาเป็นการพิพากษาเกินคำขอไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3232

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3232/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 72

ก่อนเกิดเหตุ ก. และบุตรกับจำเลยทั้งสองทะเลาะวิวาทและชกต่อยทำร้ายร่างกายกันอันเป็นการสมัครใจวิวาท แล้ว ก.ใช้ปืนไล่ยิงจำเลยที่ 1 แต่ไม่ถูกซึ่งเป็นเหตุที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกลับบ้านเอาปืนไปยิงเข้าไปในร้านของ ก.ถูก ว. ได้รับบาดเจ็บ จำเลยทั้งสองจะอ้างว่าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำไปโดยบันดาลโทสะหาได้ไม่.

« »
ติดต่อเราทาง LINE