“มาตรา 468 หรือ “ป.พ.พ. มาตรา 468” คืออะไร?
“มาตรา 468” หรือ “ป.พ.พ. มาตรา 468 “ คือ หนึ่งในมาตราของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ ถ้าในสัญญาไม่มีกำหนดเงื่อนเวลาให้ใช้ราคาไซร้ ผู้ขายชอบที่จะยึดหน่วงทรัพย์สินที่ขายไว้ได้จนกว่าจะใช้ราคา “
3 ตัวอย่างจริงของการใช้” มาตรา 468” หรือ “ป.พ.พ. มาตรา 468 ” ในประเทศไทย
1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4519/2530
โจทก์ซื้อรถคันพิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยชำระราคาบางส่วนและได้กรรมสิทธิในรถคันพิพาทแล้ว แต่โจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ยึดรถไปเพราะโจทก์ยังชำระราคารถคันดังกล่าวไม่ครบตามสัญญา และหนี้นั้นถึงกำหนดชำระแล้วจำเลยที่ 1 ซึ่งครอบครองรถคันพิพาทอยู่โดยชอบด้วยกฎหมายย่อมมีสิทธิยึดหน่วงรถคันดังกล่าวไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 และมาตรา 468
ฎีกาอื่นที่เกี่ยวข้องแยกตามกฎหมายและมาตรา
ป.พ.พ. ม. 241, ม. 468
2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2513
การที่จำเลยรับทรัพย์ไปจากโจทก์ร่วมก็เพื่อหวังจะเอาไปขายหากำไรอีกต่อหนึ่ง จำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องทำการขายตามคำสั่งของโจทก์ร่วมจำเลยจะขายเกินราคาหรือต่ำกว่าราคาที่โจทก์ร่วมกำหนดไว้ก็ทำได้ เพียงแต่ว่าเมื่อขายได้แล้ว ต้องส่งราคาแก่โจทก์ร่วมตามที่กำหนดกันไว้เท่านั้น การครอบครองทรัพย์ของจำเลยในลักษณะเช่นนี้จึงมิใช่ครอบครองทรัพย์ในฐานตัวแทนโจทก์ร่วม หากแต่ครอบครองโดยอาศัยอำนาจแห่งสัญญาที่โจทก์ร่วมกับจำเลยมีนิติสัมพันธ์ต่อกันเมื่อจำเลยบิดพลิ้วไม่ส่งเงินที่ขาย ก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นทั้งโจทก์ก็สืบไม่ได้ว่า จำเลยได้เบียดบังตัวทรัพย์ไว้โดยทุจริต จึงหาใช่เป็นการผิดทางอาญาฐานยักยอกทรัพย์ตามฟ้องไม่
ฎีกาอื่นที่เกี่ยวข้องแยกตามกฎหมายและมาตรา
ป.อ. ม. 352
ป.พ.พ. ม. 112, ม. 453, ม. 468, ม. 797, ม. 1367
3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2513
การที่จำเลยรับทรัพย์ไปจากโจทก์ร่วมก็เพื่อหวังจะเอาไปขายหากำไรอีกต่อหนึ่ง จำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องทำการขายตามคำสั่งของโจทก์ร่วมจำเลยจะขายเกินราคาหรือต่ำกว่าราคาที่โจทก์ร่วมกำหนดไว้ก็ทำได้เพียงแต่ว่าเมื่อขายได้แล้ว ต้องส่งราคาแก่โจทก์ร่วมตามที่กำหนดกันไว้เท่านั้น การครอบครองทรัพย์ของจำเลยในลักษณะเช่นนี้จึงมิใช่ครอบครองทรัพย์ในฐานตัวแทนโจทก์ร่วม หากแต่ครอบครองโดยอาศัยอำนาจแห่งสัญญาที่โจทก์ร่วมกับจำเลยมีนิติสัมพันธ์ต่อกันเมื่อจำเลยบิดพลิ้วไม่ส่งเงินที่ขาย ก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นทั้งโจทก์ก็สืบไม่ได้ว่าจำเลยได้เบียดบังตัวทรัพย์ไว้โดยทุจริต จึงหาใช่เป็นการผิดทางอาญาฐานยักยอกทรัพย์ตามฟ้องไม่
ฎีกาอื่นที่เกี่ยวข้องแยกตามกฎหมายและมาตรา
ป.อ. ม. 352
ป.พ.พ. ม. 112, ม. 453, ม. 468, ม. 797, ม. 1367