คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2525
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 274/2525
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 582 พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน
แม้การเลิกจ้างของจำเลยจะมิใช่เป็นการเลิกจ้างอันไม่เป็นธรรมก็ตาม ก็หาเป็นเหตุให้จำเลยไม่ ต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกเลิกจ้างล่วงหน้าและเงินอื่น ๆ ตามข้อบังคับของจำเลยไม่
โจทก์ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ขอให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานหรือมิฉะนั้นให้จ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกเลิกจ้างล่วงหน้าและค่าเสียหายให้โจทก์คณะกรรมการยกคำร้องของโจทก์เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจยื่นคำร้อง โดยมิได้วินิจฉัยปัญหาว่าจำเลยต้องจ่ายเงินต่าง ๆ นั้นให้โจทก์หรือไม่ จึงถือไม่ได้ว่าคณะกรรมการมีคำสั่งว่าจำเลยไม่ต้องจ่ายเงินดังกล่าวให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2525
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ม. 34
ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 34 วรรคท้าย ที่กำหนดหลักเกณฑ์ของการปิดงานว่านายจ้างต้องแจ้งเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่ง คือลูกจ้างทราบล่วงหน้าอย่างน้อยยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่รับแจ้งนั้น มิได้หมายความว่านายจ้างต้องแจ้งการปิดงานแก่ลูกจ้างผู้แจ้งข้อเรียกร้องเป็นรายตัว การที่นายจ้างแจ้งการปิดงานต่อผู้แทนลูกจ้างเพียงคนเดียว ย่อมถือได้ว่านายจ้างได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 34 วรรคท้ายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272/2525
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522
เมื่อจำเลยให้การรับว่าได้เลิกจ้างโจทก์แล้ว การที่ ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ จึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ถูกต้องและคดียังมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์มีสิทธิอะไรบ้าง เมื่อถูกเลิกจ้าง ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยดังกล่าวและให้ศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2525
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ม. ,
เงินช่วยเหลือค่าครองชีพที่โจทก์ได้รับเป็นส่วนหนึ่งของเงินเดือนที่จำเลยจ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงาน จึงเป็นค่าจ้างที่ต้องนำมารวมเพื่อคำนวณบำเหน็จตามข้อบังคับของจำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2525
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2515
การที่ลูกจ้างขอลาออกจากงานก่อนครบเกษียณอายุ 2 เดือนมิใช่การเลิกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน นายจ้างไม่จำต้องจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267 - 268/2525
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ม. , พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ม. 41
เมื่อปรากฏว่าค่าเสียหายที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์สั่งให้จำเลยชำระแก่โจทก์ ในกรณีเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมแยกเป็นค่าชดเชย ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน 6 เดือน ค่าที่ไม่บอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 1 เดือน และค่าเสียหายเท่ากับระยะเวลาที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์พิจารณาคำร้องอีก 3เดือน ประกอบกับตามใบรับเช็คที่โจทก์เซ็นรับก็ระบุว่า โจทก์ยอมรับว่าในค่าเสียหายนั้นมีเงินค่าชดเชยและเงินค่าสินจ้างเนื่องจากเลิกจ้างรวมอยู่ด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ได้รับเงินค่าชดเชยไปถูกต้องแล้ว โจทก์ไม่อาจเรียกร้องจากจำเลยอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2525
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 135 (3)
ในคดีล้มละลาย เจ้าหนี้บางรายได้ถอนคำขอรับชำระหนี้ไปสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้หมดสิ้นไป สำหรับเจ้าหนี้ที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้รายที่ไม่มีข้อโต้แย้ง ลูกหนี้ได้ชำระหนี้ให้เจ้าหนี้รับไปครบถ้วนแล้ว ส่วนรายที่ลูกหนี้ยังมีข้อโต้แย้งปฏิเสธความรับผิดอยู่ ลูกหนี้ก็ได้ทำสัญญาและจัดให้มีธนาคารมาค้ำประกันไว้ต่อศาลว่าจะใช้เงินให้เจ้าหนี้เต็มจำนวน พร้อมด้วยค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่ผู้ล้มละลายจะต้องรับผิดตามคำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว กรณีถือได้ว่าหนี้สินของบุคคลล้มละลายได้ชำระเต็มจำนวนแล้ว ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2525
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 218 พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยลงโทษปรับจำเลย 2,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนด 5 ปีนั้น คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255 - 256/2525
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 172, 173, 177 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 76 พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ม. 87
ฟ้องของโจทก์จะถูกต้องสมบูรณ์หรือเคลือบคลุมนั้น อยู่ที่ตัวฟ้องของโจทก์การที่จำเลยจะได้รับสำเนาฟ้องครบถ้วนหรือไม่หาทำให้ฟ้องที่ถูกต้องสมบูรณ์กลายเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไปไม่
การกระทำโดยสหภาพแรงงานกับการกระทำโดยกรรมการสหภาพแรงงานนั้นไม่เหมือนกัน เพราะการกระทำโดยสหภาพแรงงานอาจเป็นการกระทำโดยมติของกรรมการอันมีเสียงข้างมากตามจำนวนที่กำหนดไว้ในระเบียบโดยที่กรรมการบางคนอาจไม่เห็นด้วย และคัดค้านการกระทำของสหภาพแรงงานนั้นก็เป็นได้ฉะนั้นการกระทำใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้างนั้น เป็นความรับผิดชอบของกรรมการผู้กระทำแต่ละคนไป ผู้ใดมิได้ร่วมกระทำด้วยก็หาต้องรับผิดชอบแต่ประการใดไม่
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามจำนวนวันและเป็นเงินตามบัญชีรายละเอียดท้ายฟ้อง จำเลยยื่นบัญชีแสดงรายการวันเริ่มเข้าทำงาน อัตราค่าจ้าง และรายได้อื่น ๆ ของโจทก์ซึ่งบางรายการก็ตรงกับบัญชีของโจทก์อันเป็นการรับรองว่าถูกต้องบางรายการก็ไม่ตรงหรือไม่มี เท่ากับปฏิเสธว่าไม่ถูกต้อง สำหรับรายการเงินค่าวันหยุดพักผ่อนประจำปี จำเลยมิได้ระบุไว้ในบัญชี คงกล่าวไว้ในคำร้องที่ส่งบัญชีต่อศาลอันถือเป็นคำให้การว่านอกเหนือจากนั้นถือว่าปฏิเสธความถูกต้องทั้งสิ้น เพราะยังคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริง จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธจำนวนวันและเงินค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี โจทก์จึงไม่ต้องนำสืบในข้อนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2525
พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2456 ม. 3 (3) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 46
คดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้องในข้อหาคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยไม่รับอนุญาต ได้ถึงที่สุดโดยศาลวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นบุคคลผู้ได้กำเนิดในราชอาณาจักรไทย โจทก์ย่อมได้สัญชาติไทย เช่นนี้ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีแพ่งขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่สั่งเพิกถอนสัญชาติไทยของโจทก์โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบ ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46