คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2523
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2523
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 56, 58
จำเลยเคยถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 500บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 1 ปี ภายในระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้นั้น จำเลยกระทำผิดคดีนี้อีก ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 1 ปี การที่ศาลกำหนดโทษจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้ในคดีก่อน ก็เท่ากับว่าจำเลยยังมิได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 การบวกโทษที่รอไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังตามมาตรา 58 ใช้เฉพาะกรณีที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกในคดีหลังเท่านั้น หาใช่เป็นบทบังคับว่า ถ้าจำเลยทำความผิดขึ้นอีกภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษ จะต้องลงโทษจำคุกในคดีหลังเสมอไปเพื่อบวกโทษที่รอไว้ดังฎีกาของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2523
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 157
ตามฟ้องว่า จำเลยเป็นตำรวจตั้งด่านตรวจรถ การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่หน้าที่ของจำเลย เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เสียหายแก่ผู้ขับขี่รถ การกระทำตามฟ้องดังนี้เป็นการกระทำนอกหน้าที่ ไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2523
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 326, 328
จำเลยลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์มีข้อความสำคัญว่าโจทก์จ่ายเช็คจำนวน 1 ล้านบาทให้แก่ธนาคาร ถึงกำหนดปรากฏว่าเช็คไม่มีเงินธนาคารแจ้งตำรวจขอให้จับโจทก์ดำเนินคดี ตามข้อความดังกล่าวย่อมเป็นที่เข้าใจว่าโจทก์มีฐานะการเงินไม่ดีไม่น่าเชื่อถือ การลงข่าวของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีและประกอบการค้าโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงทั้งเรื่องที่โจทก์จ่ายเช็คไม่มีเงินและถูกธนาคารแจ้งความเป็นเรื่องส่วนตัวของโจทก์ ไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงานของโจทก์ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีอันจะถือได้ว่าเป็นประโยชน์แก่ประชาชนจำเลยจะอ้างว่าข่าวนั้นเป็นความจริงเพื่อมิให้ต้องรับผิดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 156 วรรคสี่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ บัญญัติเฉพาะเพื่ออนุญาตให้ผู้ขอนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมในประเด็นว่า ผู้ขอเป็นคนยากจนเท่านั้นหาได้ให้สิทธิแก่ผู้ขอที่จะขอให้ศาลพิจารณาใหม่ในประเด็นว่า คดีของผู้ขอมีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์ด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2523
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1349
ที่ดินที่โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมและตกลงจะทำการแบ่งแยกนั้น ส่วนของโจทก์อยู่ติดแม่น้ำ ส่วนของจำเลยอยู่ติดถนนจึงไม่มีความจำเป็นที่โจทก์จะผ่านที่ดินส่วนของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะกรณีที่จะใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคสอง บังคับต้องเป็นกรณีที่มีทางออกถึงทางสาธารณะแต่การออกไปสู่ทาง สาธารณะมีสิ่งอื่นตามที่ กฎหมายกำหนดไว้ขวางกั้นจึงจะมีทางจำเป็นผ่านที่ดินแปลงอื่นไปสู่ทางสาธารณะได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 90, 125, 172 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 172
หนังสือที่โจทก์อ้างว่าจำเลยมีถึงโจทก์ให้ไปเก็บเงินเป็นเพียงพยานหลักฐานซึ่งโจทก์กล่าวแสดงมาในคำฟ้องเพื่อสนับสนุนข้ออ้างของตนเท่านั้น โจทก์ไม่จำเป็นต้องแนบต้นฉบับหนังสือดังกล่าวมาท้ายฟ้องด้วย และไม่จำเป็นต้องแสดงข้อความและรายละเอียดของหนังสือมาในคำฟ้อง เพราะโจทก์จะต้องส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน และจำเลยมีสิทธิคัดค้านการนำเอกสารดังกล่าวมาสืบดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90,125 ตามลำดับได้อยู่แล้ว
การที่ผู้แทนของบริษัทจำเลยได้มีบันทึกให้พนักงานเก็บเงินของโจทก์กลับมาเก็บเงินใหม่ เพราะบริษัทจำเลยยังไม่ส่งเงินมาให้นั้น เป็นการยอมรับว่าบริษัทจำเลยเป็นหนี้อยู่จริง ถือได้ว่าผู้แทนของบริษัทจำเลย ได้ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัย ตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้น และอายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2523
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 76, 164, 420 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 172
เจ้าพนักงานที่ดินไม่ตรวจโฉนดตามที่มีโอกาสตรวจ จึงไม่ทราบว่า โฉนดปลอม เป็นประมาทเลินเล่อทำให้เจ้าของที่ดินเสียหาย กรมที่ดิน ต้องรับผิดในการกระทำของผู้แทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 แต่ไล่เบี้ยเอาจากเจ้าพนักงานที่ดินได้ กรณีไม่ใช่ละเมิด มีอายุความ 10 ปีตามมาตรา 164
โจทก์บรรยายข้อเท็จจริงแสดงสภาพแห่งข้อหาชัดแจ้งและข้ออ้าง ที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว การจะปรับข้อเท็จจริงด้วยบทกฎหมายใดเป็น หน้าที่ของศาล ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 142 (5), 183, 249
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานและกำหนดประเด็นหน้าที่นำสืบ โดยมิได้กำหนดประเด็นค่าเสียหายไว้ ซึ่งเป็นการกำหนดประเด็นหน้าที่นำสืบขาดตกบกพร่อง เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของตนโดยการคัดค้านหรือโต้แย้ง เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งทักท้วงประเด็นและหน้าที่นำสืบก็ต้องเป็นไปตามที่ศาลกำหนด
การที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นเรื่องค่าเสียหายไว้แต่กลับพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเกี่ยวกับค่าเสียหายให้ จึงเป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นที่กำหนดไว้ไม่ชอบด้วยมาตรา 183 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และแม้ปัญหาข้อนี้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในฎีกาและมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2523
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 319
จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายอายุ 14 ปี ไปจากบิดาและพัก ค้างคืนตามโรงแรมและในสถานที่ต่าง ๆ หลายคืนติดต่อกัน บางคืนจำเลยที่ 1 ก็พักห้องเดียวกับผู้เสียหายและได้กระทำชำเราผู้เสียหายด้วยนั้นถือได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกพรากผู้เสียหายไปเสียจากบิดาเพื่อการอนาจาร แม้ผู้เสียหายจะเต็มใจไปด้วยก็ไม่พ้นผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 183 ประมวลรัษฎากร
หนังสือรับสภาพหนี้มิได้ปิดอากรแสตมป์ใช้เป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่แม้จำเลยมิได้ให้การไว้ ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
ตามประมวลรัษฎากรเฉพาะใบรับรองหนี้ที่บริษัทสมาคมคณะบุคคลหรือองค์การทำต้องปิดอากรแสตมป์ ใบรับรองหนี้ที่บุคคลธรรมดาทำไม่ต้อง ปิดอากรแสตมป์ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานได้