คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2523

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2523

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 237, 247

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องห้ามผู้คัดค้านเกี่ยวข้อง และเนื่องจากระหว่างพิจารณาคู่ความตกลงในเรื่องค่าเสียหายเพราะขาดผลประโยชน์จากการทำนาของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเงินปีละ 5,400 บาท จึงให้ผู้คัดค้านใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ร้องปีละ 5,400 บาทดังที่ตกลงกันศาลอุทธรณ์แก้เป็นว่า ให้ที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องเท่านั้น ส่วนนอกนั้นผู้ร้องมิได้มีคำขอไว้ศาลชั้นต้นไปพิพากษาให้จึงไม่ชอบ

ผู้ร้องมิได้ฎีกา จะขอมาในคำแก้ฎีกาให้ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ตนได้ค่าเสียหายปีละ 5,400บาทหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2523

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 130, 355, 361 วรรคสอง, 680 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 85, 93, 172

จำเลยที่ 1 ไปติดต่อขอซื้อเชื่อน้ำมันจากโจทก์ โจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อแต่ต้องมีธนาคารค้ำประกันจำเลยที่ 2 ออกหนังสือค้ำประกันการชำระราคาค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์และมอบให้ บ. รับไป ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 นำหนังสือค้ำประกันมีลายมือชื่อผู้ค้ำประกันปลอมไปมอบให้โจทก์ โจทก์เข้าใจว่าเป็นหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงของจำเลยที่ 2 จึงให้จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อน้ำมันไปต่อมา บ. นำหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงไปคืนจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สอบถามไปยังโจทก์ โจทก์แจ้งว่าหนังสือค้ำประกันของจำเลยยังอยู่ที่โจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่ชำระราคาน้ำมัน โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าว ดังนี้ เมื่อโจทก์กล่าวมาในฟ้องแจ้งชัดขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันฉบับที่แท้จริง จำเลยที่ 2 ก็รับว่าได้ออกหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริง แก่โจทก์ทั้งโจทก์ยังได้อ้างส่งหนังสือค้ำประกันฉบับนั้นเป็นพยานต่อศาลในชั้นพิจารณาด้วย แม้โจทก์จะคัดสำเนาหนังสือค้ำประกันฉบับที่จำเลยที่ 1 นำมามอบแก่โจทก์อันเป็นสัญญาค้ำประกันปลอม ซึ่งมีข้อความตรงกันกับหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงแนบมาท้ายฟ้อง ก็หามีผลให้เข้าใจว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันปลอมไม่ถือได้ว่าการฟ้องคดีของโจทก์มีหลักฐานการค้ำประกันเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680วรรคท้ายแล้ว

โดยที่หนังสือค้ำประกันข้อ 1 มีข้อความว่า "ตามที่นายป๊วยเคี้ยวแซ่ก้วย สำนักงานเลขที่ ฯลฯ จะซื้อน้ำมันจากบริษัท ฯ ไปจำหน่าย ธนาคารขอเข้ารับภาระค้ำประกันชำระเงินดังกล่าว ภายในวงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน)" และข้อ 3 มีข้อความว่า"หนังสือค้ำประกันฉบับนี้ให้มีผลบังคับได้ สำหรับการส่งมอบสินค้าของบริษัท ฯ ทุกอย่างซึ่งได้กระทำกันระหว่างวันที่ 1 เดือนมีนาคม พ.ศ.2515 ถึงวันที่ 1 เดือนกันยายน 2515" อันเป็นเรื่องจำเลยที่ 2 แสดงเจตนาผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์ตกลงขายและส่งมอบน้ำมันแก่จำเลยที่ 1 ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว สัญญาค้ำประกันย่อมเกิดขึ้นมีผลผูกพันจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันกับจำเลยที่ 1 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2523)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2523

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 368, 797, 820, 845

เอกสารมีใจความสำคัญว่า จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกันขอมอบที่ดินให้แก่นายณรงค์ (จำเลยที่ 3)ไปขายในวงเงิน 400,000 บาท ไม่รวมถึงสิ่งปลูกสร้างหากขายได้เกินกว่านี้ ส่วนที่เกินให้เป็นของผู้ขายจำเลยทั้งสองขอมอบสิทธิในการขายโดยให้เวลาภายใน 3 เดือน พ้นกำหนดนี้แล้วผู้ขายไม่มีสิทธิ ถ้ามีคนมาซื้อภายในเวลาที่กำหนดให้นี้ เป็นสิทธิของจำเลยที่ 3ผู้เดียว และข้อเท็จจริงได้ความว่า ก่อนจำเลยที่ 3 จะไปขอให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำหนังสือเอกสารนี้ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้เคยติดต่อกับจำเลยที่ 3ให้ช่วยขายที่พิพาทมาก่อนแล้ว แสดงว่าจำเลยที่ 1และที่ 2 ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 ขายที่พิพาทได้อย่างเต็มที่ ไม่มีข้อความตอนใดในเอกสารดังกล่าวที่ส่อแสดงว่าจำเลยทั้งสองตกลงให้จำเลยที่ 3 เป็นนายหน้าโดยจะให้ค่าบำเหน็จเพื่อชี้ช่องให้จำเลยทั้งสองได้เข้าทำสัญญาซื้อขายที่พิพาท เมื่อจำเลยที่ 3 ไปทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทให้โจทก์ภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทนจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นตัวการย่อมมีความผูกพันตามสัญญานั้น

การตั้งตัวแทนให้ขายที่ดิน ไม่ใช่เป็นเรื่องมอบอำนาจให้ไปทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินอันจะต้องใช้แบบพิมพ์ใบมอบอำนาจของกรมที่ดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2523

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 132, 167, 229

เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเพราะโจทก์ทิ้งฟ้อง (โดยมิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม) โจทก์ต้องอุทธรณ์คำสั่งศาลเกี่ยวกับเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีการที่โจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลเมื่อล่วงเลยอายุอุทธรณ์แล้วไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่คืนค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์แต่อย่างใดโจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2523

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 23, 88

การไต่สวนคำร้องที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่สามารถนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนจำเลยมาวางศาลภายในกำหนดเวลาเพราะเหตุสุดวิสัยนั้น เป็นการไต่สวนเพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงว่า โจทก์มิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมไปวางศาลภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้เป็นเพราะเหตุสุดวิสัยหรือไม่เท่านั้น มิใช่เป็นการสืบพยานตามประเด็นในคำฟ้องและคำให้การ และเป็นเรื่องของศาลจึงไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2523

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 887

คดีฟังไม่ได้ว่าผู้เอาประกันภัยรถยนต์มีนิติสัมพันธ์กับผู้ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยอันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในการละเมิดของผู้ขับผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดด้วย

การที่โจทก์จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยโดยตรงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรคสอง นั้นต้องเป็นกรณีที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบตาม มาตรา 887 วรรคแรกเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2523

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 35 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 56

บุคคลผู้เสมือนไร้ความสามารถนั้นทำนิติกรรมเองได้สิ่งทุกสิ่งทุกอย่าง เว้นแต่จะต้องด้วยข้อจำกัดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 35 ซึ่งผู้เสมือนไร้ความสามารถจะทำได้เฉพาะเมื่อผู้พิทักษ์ให้ความยินยอมเท่านั้น ผู้พิทักษ์มีอำนาจหน้าที่เพียงแต่ให้ความยินยอมหรือไม่แก่ผู้เสมือนไร้ความสามารถในกิจการที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่มีบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ให้อำนาจผู้พิทักษ์ฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถ ผู้พิทักษ์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2523

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 290, 83

จำเลยกับพวกเคยมีสาเหตุกับผู้ตายมาก่อน ก่อนเกิดเหตุจำเลยกับพวกที่ร่วมกันทำร้ายผู้ตายได้เดินมาพบกับผู้ตายด้วยกัน เมื่อพวกของจำเลยเข้าชกต่อยเตะทำร้ายผู้ตายจำเลยก็เข้าร่วมทำร้ายด้วย หลังจากเกิดเหตุแล้วจำเลยกับพวกก็หลบหนีไปพร้อมกัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยกับพวก ที่จะร่วมกันทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แม้จำเลยจะได้ทำร้ายผู้ตายไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็ตาม เมื่อการตายของผู้ตายเกิดจากการแทงทำร้ายของพวกจำเลย ก็ย่อมถือว่าจำเลยร่วมเป็นตัวการในความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893/2523

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 90

ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งปล่อยตัวผู้ร้องจากการควบคุมของเจ้าพนักงานที่มีความเห็นว่าผู้ร้องเป็นบุคคลซึ่งเป็นภัยต่อสังคมเมื่อปรากฏว่าระหว่างการไต่สวนของศาลชั้นต้น ผู้ร้องได้รับการปล่อยตัวไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไต่สวนต่อไป หากผู้ร้องเห็นว่าการกระทำของผู้คัดค้านเป็นเหตุให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายโดยผิดกฎหมายอย่างไรก็ชอบที่ผู้ร้องจะต้องว่ากล่าวกันเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2523

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 219

ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด 2 กระทง รวม โทษ แต่ละ กระทง และ ลด แล้ว คง จำคุก 6 เดือน ปรับ 1,500 บาท รอการลงโทษ จำคุก ไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น จำคุก 6 เดือน โดย ไม่รอการลงโทษ ดังนี้ ต้องห้าม ฎีกา ใน ปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

« »
ติดต่อเราทาง LINE