คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2522
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2522
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 148
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์ขอแบ่งทรัพย์มรดก แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล และศาลพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่า โจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมในการแต่งตั้งทนายความ และในการที่ทนายความไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวในคดีก่อนสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมไม่มีผลผูกพันโจทก์ ดังนี้ ประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยในคดีนี้ มิใช่ประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3183/2522
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 702 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 289, 290
เดิมโจทก์ขอให้บังคับคดีนำยึดและขายทอดตลาดที่ดินซึ่งจำเลยทั้งสองจำนองกับโจทก์เพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าเงินขายทอดตลาดไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษา จึงขอให้ยึดที่ดินโฉนดที่ 9096 และ 9097 ซึ่งจำเลยที่ 1 จำนองไว้กับโจทก์เช่นกันมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้ครบถ้วน ปรากฏว่าตามสัญญาจำนองที่ดินทั้งสองโฉนดนั้นจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์รวมดอกเบี้ยด้วยเป็นเงิน 609,924.58 บาทศาลชั้นต้นอนุญาต และเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองโฉนดดังกล่าวได้เงิน 1,290,000 บาท เมื่อหักหนี้บุริมสิทธิให้โจทก์ก่อนแล้ว ยังมีเงินเหลือที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นจะร้องขอเข้าเฉลี่ยในเงินที่เหลือนี้ได้ ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้ส่วนที่เกินบุริมสิทธิของโจทก์คือขอเฉลี่ยเงินที่เหลือจากการชำระหนี้แก่โจทก์ โดยขอรับเฉลี่ยในฐานะเจ้าหนี้สามัญซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาถึงที่สุดให้ผู้ร้องได้เข้าเฉลี่ยหนี้อย่างเจ้าหนี้สามัญ ดังนี้ ผู้ร้องจะมาอ้างขึ้นใหม่ว่าจะขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ หรือเจ้าหนี้จำนองอันดับ 2 ก่อนเจ้าหนี้สามัญในภายหลังอีกหาได้ไม่ ต้องฟังว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ในฐานะบุริมสิทธิ จะเฉลี่ยหนี้โดยหักหนี้บุริมสิทธิของโจทก์เงินที่เหลือเอาชำระหนี้บุริมสิทธิของผู้ร้อง และเมื่อมีเงินเหลือจากการชำระหนี้บุริมสิทธิของผู้ร้องแล้ว จึงนำไปเฉลี่ยเป็นหนี้สามัญระหว่างโจทก์กับผู้ร้องหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2522
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 329
สัสดีอำเภอแนะนำให้บุตรจำเลย ยื่นคำร้องขอใช้นามสกุลของมารดา ก่อนรับขึ้นทะเบียนทหาร โดยเสียค่าธรรมเนียม 52 บาท จำเลยไม่ยอม และให้ข่าวหนังสือพิมพ์ลงโฆษณาว่าสัสดีไถเงิน เป็นหมิ่นประมาท โดยไม่ใช่แสดงความคิดเห็นป้องกันตนโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2522
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 165 (1), 193, 587 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 142 (5) พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 14, 94 (1), 153
จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ทำการโฆษณาสินค้าและภาพยนตร์ซึ่งเป็นการจ้างทำของ หนี้รายนี้จึงมีอายุความให้ฟ้องร้องได้ภายในกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา165(1) เมื่อนับจากวันที่หนี้รายนี้เกิดขึ้นถึงวันที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายเนื่องจากค้างชำระสินจ้างดังกล่าวเป็นเวลาเกินสองปีแล้ว หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องจึงขาดอายุความ
คดีล้มละลายจำเลยไม่จำต้องให้การสู้คดีเช่นคดีแพ่งสามัญจึงไม่มีประเด็นอย่างใดเกิดขึ้น. การพิจารณาคดีล้มละลายผิดแผกแตกต่างกับการพิจารณาคดีแพ่งสามัญ เพราะพระราชบัญญัติล้มละลายเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนมีผลในทางตัดสิทธิและเสรีภาพของผู้ที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ศาลจึงต้องพิจารณาเอาความจริงตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ว่าคดีมีเหตุที่ควรหรือไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือไม่ฉะนั้น แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าหนี้ตามฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ จึงเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตามมาตรา 94(1) ถือได้ว่าเป็นเหตุที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายตามมาตรา 14 ดังกล่าวศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2522
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 538, 569
การเช่าที่ดินเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัยโดยตกลงเช่ากันตลอดชีวิตผู้เช่านั้น ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 538 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 ที่บัญญัติว่าผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินซึ่งให้เช่าย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนที่มีต่อผู้เช่านั้น มาตรานี้ใช้บังคับเฉพาะการเช่าที่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามมาตรา 538 เท่านั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยเช่าจากเจ้าของเดิมโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือข้อตกลงที่เจ้าของเดิมให้จำเลยเช่าตลอดชีวิตจึงไม่ผูกพันโจทก์ผู้ซื้อที่พิพาทจากเจ้าของเดิม จำเลยจึงไม่อาจยกหรืออ้างสิทธิตามมาตรา 569 มาต่อสู้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2522
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 15, 39 (2), 222 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 240 (3) พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ม. 3
คดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่อไปได้
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม เมื่อเช็คขึ้นเงินไม่ได้ผู้จัดการของโจทก์ร่วมตกลงให้จำเลยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ๆ ละ 10,000 บาท จำเลยได้ชำระเงินบ้างแล้ว แต่ยังไม่ครบจำนวนตามเช็คต่อมาจำเลยขอผ่อนชำระเดือนละ 5,000 บาท โจทก์ร่วมไม่ยอมดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์ร่วมผ่อนผันการชำระเงินทางแพ่งเท่านั้น การที่โจทก์ร่วมมิได้คืนเช็คให้จำเลย ย่อมแสดงเจตนาของโจทก์ร่วมที่ไม่ประสงค์จะให้คดีอาญาระงับ ถือไม่ได้ว่ามีการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายสิทธินำคดีอาญามาฟ้องหาระงับไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3166 - 3167/2522
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 36
ผู้ร้องมอบเรือให้ลูกจ้างควบคุมเรือทำการประมง ลูกจ้างนำเรือไปทำการประมงในที่หวงห้าม ฝ่าฝืน พระราชบัญญัติการประมง ผู้ร้องอ้างว่าไม่รู้เห็นเป็นใจ ในการที่ลูกจ้างทำผิดขอรับเรือคืนมิให้ริบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3150/2522
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 341, 335
การที่ผู้เสียหายเอาเงินออกมาเพื่อร่วมทำธนบัตรปลอมด้วยความเชื่อตามที่จำเลยกับพวกหลอกลวง โดยผู้เสียหายยังครอบครองยึดถือธนบัตรเหล่านั้นอยู่ แล้วจำเลยกับพวกได้ใช้อุบายเอาธนบัตรเหล่านั้นของผู้เสียหายไป โดยผู้เสียหายมิได้ส่งมอบให้นั้นเป็นการกระทำผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2371/2522
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 326 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 2 (7), 121
ผู้เสียหายในคดีหมิ่นประมาทได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนผู้รับคำร้องทุกข์ได้ทำการสอบสวนปากคำผู้เสียหายและพยานอีกปากหนึ่ง โดยยังไม่ได้ทำบันทึกการมอบคดีและลงบันทึกประจำวัน พนักงานสอบสวนผู้นั้นก็ได้ย้ายไปรับราชการที่อื่นต่อมาพนักงานสอบสวนคนใหม่มาทำการสอบสวนต่อจึงได้ทำบันทึกการมอบคดีและบันทึกประจำวันขึ้นดังนี้ หาทำให้การสอบสวนที่ได้กระทำไปแล้วนั้นเสียไปไม่ เพราะเมื่อผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนผู้รับคำร้องทุกข์ย่อมมีอำนาจทำการสอบสวนได้แล้วโดยไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121 วรรคสอง โจทก์ซึ่งมีอำนาจฟ้อง
จำเลยพูดถึงผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงทำงานอยู่ที่สำนักงานที่ดินอำเภอว่ากระหรี่ที่ดิน คำว่า "กระหรี่" หมายความว่าหญิงนครโสเภณีหรือหญิงค้าประเวณี แม้จำเลยจะไม่ได้กล่าวรายละเอียดว่าค้าประเวณีกับใครประพฤติสำส่อนในทางเพศกับใครบ้างก็เพียงพอที่จะถือว่าเป็นคำหมิ่นประมาทแล้ว
ผลของการใส่ความผู้อื่นน่าจะทำให้เขาเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังหรือไม่นั้นศาลมีอำนาจวินิจฉัยเองได้ไม่จำต้องอาศัยคำเบิกความของพยาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2522
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 80, 288, 297
จำเลยได้ยิงปืนออกไป 3 นัดติด ๆ กันในขณะที่ชุลมุนแย่งปืนกับผู้เสียหาย กระสุนปืนนัดหนึ่งถูกที่แก้มขวาบริเวณขากรรไกรของผู้เสียหาย นัดหนึ่งถูกฝาระเบียงด้านในอีกนัดหนึ่งทะลุพื้นกระดาน ดังนี้ เห็นว่าในสถานการณ์เช่นนี้จำเลยย่อมไม่มีโอกาสเลือกยิงผู้เสียหายให้ถูกที่อวัยวะสำคัญได้ เมื่อผู้เสียหายฟุบลงกับพื้นแล้ว จำเลยยังมีกระสุนอยู่ในรังเพลิงปืนอีก 2 นัดจำเลยย่อมมีโอกาสยิงซ้ำได้ จำเลยก็หาได้ฉวยโอกาสนั้นเลือกยิงผู้เสียหายซ้ำอีกไม่ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297