คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2518

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2518

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 156 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1608, 1754, 1755

โจทก์ทั้งสองขอฟ้องอย่างคนอนาถา เมื่อโจทก์ที่ 2 มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1 ฟ้องแทน การที่โจทก์ที่ 1 แต่ผู้เดียวได้สาบานตัว จึงถือได้ว่าสาบานตัวแทนโจทก์ที่ 2 ด้วย

เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ผู้อื่นแล้วทายาทโดยธรรมจึงถูกตัดมิได้รับมรดก ย่อมไม่อยู่ในฐานะเป็นทายาท จะอ้างอายุความ 1 ปีมาใช้ต่อผู้รับพินัยกรรมไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1378

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1378/2518

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 142, 161

คำร้องให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินระบุเนื้อที่ประมาณ 243 ตารางวา แต่ได้ความตามแผนที่วิวาทเกินออกไปอีก 40 ตารางวา ศาลพิพากษาให้ตามที่ได้ความ ไม่เป็นการเกินคำขอ

ค่าใช้จ่ายในการทำแผนที่วิวาท ซึ่งศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินทำตามที่คู่ความตกลงกัน เป็นค่าฤชาธรรมเนียมตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ซึ่งศาลสั่งให้เป็นพับแก่โจทก์ผู้แพ้คดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2518

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 368, 378, 453

จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดแปลงหนึ่งร่วมกันกับผู้มีชื่ออีก 5 คน ต่อมาจำเลยกับผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมได้ขอแบ่งแยกโฉนดเป็นของแต่ละคน และได้ตกลงกันตัดถนนทางด้านทิศเหนือของที่ดินที่ขอแบ่งแยกแต่ละแปลงไปออกยังถนนพหลโยธิน โจทก์ได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินส่วนของจำเลยจากจำเลยและวางมัดจำไว้ โดยระบุในข้อสัญญาว่า ในกรณีที่มีการทำถนนร่วมกัน ทุกฝ่ายได้ตกลงกันว่า ผู้ที่มีที่ดินร่วมกันจะสละที่ดินให้เป็นสาธารณะ และช่วยกันลงทุนทำถนนร่วมกัน ในกรณีทำคอถนนเชื่อมกับถนนพหลโยธินทุกฝ่ายจะต้องลงทุนร่วมกันโดยเฉลี่ยทุนทรัพย์เท่ากัน ดังนี้ข้อสัญญาดังกล่าวเพียงแต่กล่าวว่า ผู้ที่มีที่ดินร่วมกันจะสละที่ดินทำถนนและลงทุนทำถนนกับคอถนน เชื่อมกับถนนพหลโยธินโดยเฉลี่ยทุนทรัพย์เท่าๆ กัน ไม่มีทางที่จะแปลไปได้ว่า จำเลยตกลงรับผิดชอบทำถนนตลอดสายเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นซึ่งมิได้ตกลงทำสัญญา และไปจดทะเบียนให้เป็นถนนสาธารณะด้วย ดังนั้น การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งสละที่ดินทำถนนแล้ว แต่ยังไม่ยอมให้ทำคอถนนในที่ดินส่วนของผู้นั้นไปเชื่อมกับถนนพหลโยธิน จึงถือมิได้ว่าจำเลยผิดสัญญา เมื่อโจทก์ปฏิเสธไม่ยอมรับซื้อที่ดินตามสัญญา โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยชอบที่จะริบมัดจำเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2518

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 187 ประมวลรัษฎากร

ก่อนพิพากษา ศาลอาจพิจารณาต่อไปอีกได้ จึงให้ผู้อ้างปิดอากรแสตมป์ในเอกสารให้ถูกต้องก่อนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2518

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1438, 1439

หญิงสมัครใจแต่งงานอยู่กินกับชายได้ปีเศษ โดยต่างไม่นำพาต่อการจดทะเบียนสมรส ดังนี้ จะอ้างว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดสัญญาหมั้นมิได้ หญิงจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าทดแทนเพื่อการเสียความบริสุทธิ์ของตนจากชาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2518

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 391, 572

กรณีที่ถือได้ว่าผู้เช่าและเจ้าของทรัพย์สินมีเจตนาเลิกสัญญาเช่าซื้อต่อกัน คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 เงินที่ผู้เช่าชำระให้แก่เจ้าของทรัพย์สินเป็นค่าเช่าไปแล้วนั้นต้องหักค่าที่ผู้เช่าได้ใช้หรือได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินที่เช่าซื้อออกเสียก่อน ที่เหลือจึงคืนแก่ผู้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2518

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1401, 1385 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 142

ผู้ซื้อที่ดินนับเวลาใช้ทางเดินเป็นภารจำยอมรวมกับที่ผู้ขายที่ดินใช้มาก่อนเป็นเวลาเกิน 10 ปี จึงได้สิทธิโดยอายุความได้

ฟ้องขอให้เปิดทางภารจำยอมยาวประมาณ 50 เมตร ได้ความตามแผนที่วิวาทที่ทำในการพิจารณาคดีว่ายาว 56 เมตรศาลพิพากษาให้เปิดทางตามที่พิจารณาได้ความ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2518

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 288, 289

จำเลยจะไปตัดไม้ไผ่ ผู้ตายห้าม เกิดทะเลาะกัน จำเลยจึงกลับไปเอาปืนจากบ้านมาพบผู้ตายอีก แต่มิได้ยิงผู้ตายในทันที ได้พูดกับผู้ตายเรื่องไม้ไผ่ ว่าเขายกให้มึงหรือ และยังพูดต่อไปอีก 2-3 คำ รูปคดียังไม่ชี้ชัดลงไปว่า จำเลยมาพบผู้ตายเพื่อจะใช้ปืนยิงให้ตาย การที่กลับเปลี่ยนใจใช้ปืนยิงในภายหลังน่าจะเป็นเพราะผู้ตายเฉยไม่ยอมพูดทำความเข้าใจกับจำเลย ทำให้เกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้าแล้วยิงผู้ตายในขณะนั้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2518

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 49, 901 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 4 (2)

จำเลยมีภูมิลำเนาเดิมอยู่จังหวัดศรีสะเกษ จำเลยย้ายไปรับราชการจังหวัดร้อยเอ็ด แต่ยังออกเช็คที่ศรีสะเกษ ถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาที่ศรีสะเกษด้วย โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดตามเช็คที่ศาลศรีสะเกษได้

จำเลยลงลายมือชื่อในเช็คให้ภริยากรอกข้อความไปกู้เงินโจทก์ จำเลยต้องรับผิดตามเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2518

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 572

ข้อสัญญาในสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ว่า แม้รถสูญหายโดยเหตุสุดวิสัย ผู้เช่าซื้อก็จะชำระค่าเช่าซื้อจนครบ ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ใช้บังคับได้

« »
ติดต่อเราทาง LINE