ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ใช้อย่างไรไม่ผิดกฎหมาย_ อ่านก่อนพลาด!.png
เผยแพร่เมื่อ: 2025-02-19

สวัสดีครับ ผมเป็นแอดมินและนักเขียนของ Legardy แพลตฟอร์มที่รวมทนายความจากทั่วประเทศไทย ซึ่งมีคนมาถามคำถามเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ภาพยนตร์บ่อยมาก โดยเฉพาะเรื่อง “ภาพยนตร์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทไหน?” บางคนคิดว่าหนังที่ซื้อมาเป็นของตัวเอง ดูกี่รอบก็ได้ จะคัดลอกไปให้เพื่อนดูก็ไม่ผิด บางคนเข้าใจว่าแค่ตัดฉากหนังไปลงโซเชียลคงไม่เป็นไร แต่สุดท้ายกลับโดนฟ้องแบบไม่รู้ตัว

คำถามที่หลายคนสงสัยก็คือ "ถ้าฉันซื้อหนังแล้ว ฉันเป็นเจ้าของไหม?" "ตัดคลิปจากหนังลง TikTok หรือ Facebook จะโดนอะไรหรือเปล่า?" หรือ "ทำไมบางหนังหมดลิขสิทธิ์แล้ว แต่บางเรื่องยังถูกฟ้อง?" วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน

ถ้าคุณอ่านบทความนี้จบ รับรองว่าคุณจะเข้าใจแบบทะลุปรุโปร่งว่า “ภาพยนตร์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทไหน?” ใช้อย่างไรไม่ผิด และจะไม่พลาดเหมือนกรณีที่เคยมีคนโดนจับเพราะเข้าใจผิดเรื่องลิขสิทธิ์

 

ภาพยนตร์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทไหน? ใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง?

ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ใช้อย่างไรไม่ผิดกฎหมาย_ อ่านก่อนพลาด! (2).png

ปุ่มอ่านเพิ่มเติม
ท่านสามารถอ่านคำปรึกษาจริงได้ที่นี่ อ่านเพิ่มเติม

พอพูดถึง "ทรัพย์สินทางปัญญา" หลายคนอาจจะนึกถึง สิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า หรือ ลิขสิทธิ์ แต่ภาพยนตร์ล่ะ? จริง ๆ แล้วมันเป็นทรัพย์สินประเภทไหน? ถ้าคุณเป็นคนสร้างหนัง คุณถือสิทธิ์ในหนังหรือไม่? หรือจริง ๆ แล้วมันเป็นของค่ายหนัง?

เวลาพูดถึงภาพยนตร์ในเชิงกฎหมาย มันไม่ได้มีแค่ "ตัวหนัง" เท่านั้นที่มีสิทธิ์คุ้มครอง เพราะในหนังหนึ่งเรื่องมีองค์ประกอบมากมายที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา เช่น บทภาพยนตร์ เพลงประกอบ การออกแบบฉาก โลโก้ และตัวละคร!

ภาพยนตร์จัดเป็นงานลิขสิทธิ์ (Copyright) หรือไม่?

คำตอบคือ "ใช่!"

ตาม พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4 (ipthailand.go.th) กำหนดไว้ชัดเจนว่า "ภาพยนตร์ถือเป็นงานที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์" เพราะมันเป็น งานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ และแสดงออกในรูปแบบของภาพและเสียงที่บันทึกไว้

พูดง่าย ๆ ก็คือ หนังที่คุณดูในโรงภาพยนตร์ หรือสตรีมมิ่งบน Netflix ไม่ใช่ของคุณ คุณแค่ "เช่าหรือได้รับสิทธิ์ในการรับชม" เท่านั้น

ใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในภาพยนตร์?

ตรงนี้แหละที่หลายคนเข้าใจผิด! เจ้าของลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้กำกับหรือโปรดิวเซอร์

ตาม มาตรา 15 ของ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (ipthailand.go.th) กำหนดว่า ผู้สร้างสรรค์ผลงานหรือผู้ว่าจ้างเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยอัตโนมัติ

ตัวอย่างสถานการณ์ A
นาย A เป็นผู้กำกับ และนาย B เป็นโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง นาย A คิดว่าเขาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งหมดเพราะเขากำกับหนัง แต่จริง ๆ แล้วนาย B ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์และให้เงินทุนสร้าง อาจเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หลัก!

ตัวอย่างสถานการณ์ B
นักแสดง C ถ่ายหนังเรื่องหนึ่ง และต้องการตัดฉากของตัวเองไปใช้โปรโมทตัวเองโดยไม่ขออนุญาตจากบริษัทผู้สร้าง ผลปรากฏว่าบริษัทฟ้องกลับ เพราะ "ลิขสิทธิ์ในภาพยนตร์เป็นของบริษัท ไม่ใช่ของนักแสดง"

ฎีกาที่เกี่ยวข้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8452/2547 (m.facebook.com)
กรณีนี้ โจทก์เป็นผู้ประพันธ์นวนิยายและเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในต้นฉบับ แต่เมื่อลิขสิทธิ์ถูกขายให้ผู้สร้างภาพยนตร์แล้ว ผู้แต่งไม่มีสิทธิ์ในการนำไปใช้เองอีก

สรุป: ภาพยนตร์เป็นของใครกันแน่?

  1. ถ้าคุณเป็นคนกำกับหนัง ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เสมอไป
  2. เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริง มักจะเป็นผู้ว่าจ้างหรือบริษัทที่ให้ทุนสร้าง
  3. นักแสดงไม่มีสิทธิ์นำฉากของตัวเองไปใช้โดยพลการ เพราะมันอยู่ในลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์

 


 

การละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์: กฎหมายว่าอย่างไร?

คุณเคยแชร์คลิปหนังลงโซเชียลไหม? หรือเคยเห็นเพื่อนที่อัดหนังจากโรงไปโพสต์บน Facebook แล้วคิดว่า "แค่ตัดบางส่วนเอง คงไม่เป็นไรหรอก" หรือบางคนอาจเคยดาวน์โหลดหนังเถื่อนมาดูโดยไม่ได้คิดอะไร

บอกเลยว่า อันตรายมากกว่าที่คิด!

ตัดคลิปหนัง แชร์ลง TikTok ผิดลิขสิทธิ์ไหม?

คำตอบคือ "ผิด!" ถ้าทำโดยไม่ได้รับอนุญาต

ตาม พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 27 (ipthailand.go.th) การทำซ้ำหรือดัดแปลงผลงานโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าคุณ ตัดฉากสำคัญจากหนังดัง แล้วโพสต์ลง TikTok หรือ Shorts เพื่อเรียกยอดวิว คุณอาจถูกแจ้งลบวิดีโอ หรือในกรณีร้ายแรงกว่านั้น สตูดิโอสามารถฟ้องร้องได้!

โหลดหนังเถื่อน ดูผ่านเว็บละเมิดลิขสิทธิ์ ผิดไหม?

ผิดกฎหมายแน่นอน!

มาตรา 28 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (ipthailand.go.th) ระบุว่าการเผยแพร่ต่อสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการละเมิดสิทธิ์

และที่สำคัญ แม้แต่การดูผ่านเว็บเถื่อน ก็ถือว่ามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการละเมิดลิขสิทธิ์! เพราะเงินจากโฆษณาที่คุณเห็นในเว็บเหล่านี้มักจะเป็นรายได้หลักที่ทำให้วงจรหนังเถื่อนยังอยู่ได้

ฎีกาที่เกี่ยวข้อง:
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4794/2545 (deka.in.th) ระบุว่าการครอบครองหรือจำหน่ายสื่อบันทึกภาพยนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดทางอาญา

รีวิวหนัง พูดถึงเนื้อหาหนัง ผิดลิขสิทธิ์ไหม?

ขึ้นอยู่กับว่ารีวิวแบบไหน!

ถ้าคุณแค่ พูดถึงหนัง วิจารณ์ หรือเล่าเนื้อหาบางส่วนแบบมีการวิเคราะห์ แบบนี้มักจะอยู่ในขอบเขตของ "Fair Use" หรือข้อยกเว้นตามมาตรา 32 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (ipthailand.go.th)

แต่ถ้าคุณ สปอยล์เนื้อหาทั้งเรื่องแบบละเอียด ตัดฉากสำคัญมาฉายเต็ม ๆ หรือพากย์เสียงใหม่ให้ดูตลก ๆ แบบนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะละเมิดลิขสิทธิ์

สรุป: อะไรผิด อะไรไม่ผิด?

  1. ตัดฉากจากหนังแล้วแชร์ = ผิด ถ้าไม่ได้รับอนุญาต
  2. ดาวน์โหลดหนังเถื่อน ดูผ่านเว็บละเมิดลิขสิทธิ์ = ผิดกฎหมายแน่นอน
  3. รีวิวหนังแบบพูดถึง วิจารณ์ = ได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย

 


 

📌 มีปัญหาด้านลิขสิทธิ์? Legardy มีทนายที่สามารถให้คำแนะนำได้!

การบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษ: ละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ เสี่ยงแค่ไหน?

ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ใช้อย่างไรไม่ผิดกฎหมาย_ อ่านก่อนพลาด! (3).png

หลายคนคิดว่า "ก็แค่โหลดหนังมาดูเอง ไม่น่าจะผิดอะไร" หรือ "แค่แชร์ฉากหนังลงโซเชียล ใคร ๆ ก็ทำกัน ไม่เห็นมีใครโดนจับ" แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และมีบทลงโทษที่ร้ายแรงกว่าที่คิด

ในอดีตอาจจะไม่มีการบังคับใช้กฎหมายเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ทุกวันนี้ สตูดิโอและบริษัทผู้สร้างหนังมีระบบตรวจจับอัตโนมัติที่สามารถตรวจพบการละเมิดลิขสิทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว

ละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ผิดกฎหมายอะไร? มีโทษอย่างไร?

การละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์อยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งระบุโทษสำหรับการละเมิดลิขสิทธิ์ไว้อย่างชัดเจน

  • มาตรา 27 → ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ภาพยนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาต (ipthailand.go.th)
  • มาตรา 28 → ห้ามเผยแพร่ต่อสาธารณชน เช่น อัพโหลดลง YouTube หรือฉายในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • มาตรา 69 → ระบุบทลงโทษสำหรับการละเมิดลิขสิทธิ์ โทษปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือถ้าทำเพื่อการค้า โทษจำคุกสูงสุด 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่างการบังคับใช้กฎหมายจริง

1️⃣ กรณีคนที่อัดหนังจากโรงแล้วปล่อยลงอินเทอร์เน็ต

มีกรณีที่ผู้ชมแอบใช้กล้องมือถืออัดภาพยนตร์จากโรง แล้วอัปโหลดลงเว็บไซต์เถื่อน ผลสุดท้ายถูกจับ และถูกสั่งปรับเงินหลายแสนบาท

ฎีกาที่เกี่ยวข้อง:
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4794/2545 (deka.in.th) ระบุว่า "การครอบครองหรือจำหน่ายภาพยนตร์ละเมิดลิขสิทธิ์ ถือเป็นความผิดทางอาญา"

2️⃣ กรณีเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนถูกปิด

หลายปีที่ผ่านมา เว็บไซต์ดูหนังเถื่อนชื่อดังหลายแห่งถูกดำเนินคดี บางเว็บถูกสั่งปิดถาวร บางเว็บเจ้าของโดนจับและถูกปรับเงินจำนวนมหาศาล

ดูหนังจากเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ คนดูผิดด้วยไหม?

หลายคนคิดว่า "ผิดแค่คนอัปโหลด ไม่เกี่ยวกับคนดู" แต่ในความเป็นจริง การสนับสนุนเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของวงจรอาชญากรรมนี้

แม้ปัจจุบัน กฎหมายไทยยังไม่มีมาตราที่ระบุชัดเจนว่าการ "ดู" หนังเถื่อนผิดกฎหมาย แต่บางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและเยอรมนี คนดูหนังเถื่อนก็ถือว่าผิดกฎหมายเช่นกัน

สรุป: เสี่ยงแค่ไหน ถ้าละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์?

  1. ตัดคลิปหนังลงโซเชียล = มีสิทธิ์โดนลบ + โดนฟ้อง
  2. ดาวน์โหลดหนังเถื่อน ดูผ่านเว็บเถื่อน = สนับสนุนการละเมิดลิขสิทธิ์ มีโอกาสถูกดำเนินคดี
  3. อัดหนังจากโรงแล้วปล่อยลงอินเทอร์เน็ต = ผิดกฎหมายเต็ม ๆ เสี่ยงโดนปรับหลักแสนถึงหลักล้าน
  4. เว็บดูหนังเถื่อน ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัย คนสร้างเว็บอาจถูกจับเมื่อไหร่ก็ได้

 

 

📌 ไม่แน่ใจว่ากฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครองอะไรบ้าง? Legardy มีทีมทนายที่สามารถช่วยคุณได้!

วิธีใช้ภาพยนตร์อย่างถูกกฎหมาย ไม่ต้องกลัวโดนลิขสิทธิ์ฟ้อง!

คุณอาจจะเคยเจอปัญหานี้ อยากใช้ฉากหนังสักฉากในคอนเทนต์ของตัวเอง แต่กลัวละเมิดลิขสิทธิ์ หรือ อยากฉายหนังในร้านกาแฟ แต่ไม่แน่ใจว่าผิดกฎหมายไหม?

ความจริงก็คือ คุณสามารถใช้ภาพยนตร์ได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ต้องรู้ว่า กฎหมายลิขสิทธิ์เปิดช่องให้ใช้งานในบางเงื่อนไข และต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง

1. รีวิวหนัง ทำยังไงให้ปลอดภัย?

คำตอบ: พูดถึงได้ แต่ห้ามใช้ฉากหนังแบบเต็ม ๆ

ตาม มาตรา 32 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (ipthailand.go.th) การใช้ภาพยนตร์เพื่อการวิจารณ์หรือศึกษาวิจัย สามารถทำได้โดยไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

แต่ต้องระวัง!

  • ห้ามใช้ฉากจากหนังเต็ม ๆ เช่น นำฉากสำคัญมาตัดต่อรวมกัน
  • ต้องมีการวิเคราะห์ ไม่ใช่แค่ฉายหนังทั้งเรื่องแล้วพูดเสริม
  • ห้ามนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต

📌 ตัวอย่างที่ถูกต้อง: YouTuber ที่ทำคอนเทนต์รีวิวหนังแบบเล่าเรื่องโดยใช้ภาพตัวอย่างเล็ก ๆ และใส่ความเห็นลงไป

📌 ตัวอย่างที่ผิด: เอาหนังทั้งเรื่องมาพากย์เสียงใหม่แล้วอัปโหลดขึ้น YouTube

2. ตัดฉากหนังไปใช้ ต้องทำยังไง?

คำตอบ: ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน

แม้ว่าจะใช้แค่ไม่กี่วินาที แต่ถ้าคุณใช้ฉากหนังไปทำกำไร เช่น ตัดคลิปไปลง TikTok หรือโฆษณา คุณอาจถูกฟ้องได้

✅ ทางออกที่ถูกต้อง:

  • ติดต่อขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์
  • ใช้ฉากที่เป็น Public Domain หรือมี Creative Commons License
  • ใช้ "Fair Use" อย่างระมัดระวัง (ต้องเป็นเชิงศึกษา วิจารณ์ หรือข่าวสารเท่านั้น)

3. ฉายหนังในร้านอาหาร ร้านกาแฟ ต้องขออนุญาตไหม?

คำตอบ: ต้องขออนุญาต เว้นแต่จะเป็นกรณีศึกษา หรือฉายเพื่อการกุศลโดยไม่คิดค่าเข้าชม

ตาม มาตรา 28 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (ipthailand.go.th) การเผยแพร่ภาพยนตร์ในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

📌 กรณีที่ถูกกฎหมาย:

  • ฉายหนังเพื่อการศึกษา เช่น ในห้องเรียน หรือสัมมนา
  • ฉายหนังที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ เช่น ใช้บริการฉายหนังแบบลิขสิทธิ์ถูกต้อง

📌 กรณีที่ผิดกฎหมาย:

  • เปิดหนังให้ลูกค้าดูในร้านโดยไม่ขออนุญาต
  • เปิดหนังเพื่อดึงดูดลูกค้า โดยใช้แผ่นที่ซื้อมาเอง

4. ถ้าซื้อแผ่นหนังหรือดูสตรีมมิ่งมาแล้ว เรามีสิทธิ์อะไรบ้าง?

คำตอบ: คุณมีสิทธิ์ "รับชม" แต่ไม่มีสิทธิ์ทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่

✅ ทำได้:

  • ดูเองที่บ้าน
  • แชร์ให้คนในครอบครัวดู

❌ ทำไม่ได้:

  • นำไปฉายในที่สาธารณะ
  • อัปโหลดลงอินเทอร์เน็ต
  • ตัดคลิปจากหนังแล้วเผยแพร่ต่อ

📌 ฎีกาที่เกี่ยวข้อง:
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2536 (deka.in.th) กรณีมีผู้ประกอบการนำภาพยนตร์ที่มีลิขสิทธิ์ไปฉายในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ถูกฟ้องร้องและต้องจ่ายค่าปรับ

สรุป: ใช้ภาพยนตร์แบบไหนไม่ผิดกฎหมาย?

  1. รีวิวหนัง → พูดถึงได้ แต่ห้ามใช้ฉากแบบเต็ม ๆ
  2. ตัดฉากจากหนังไปใช้ → ต้องขออนุญาต หรือใช้เฉพาะกรณีศึกษา
  3. ฉายหนังในร้านอาหาร หรือที่สาธารณะ → ต้องขออนุญาตก่อน
  4. ซื้อหนังมาแล้ว → ดูเองได้ แต่ห้ามเผยแพร่ต่อ

 


 

📌 สงสัยเรื่องลิขสิทธิ์ภาพยนตร์? Legardy มีทนายเฉพาะทางคอยให้คำปรึกษา!

บทสรุป: สุดท้ายแล้ว หนังเป็นของใคร? และต้องใช้อย่างไรให้ไม่ผิดกฎหมาย

หลังจากอ่านมาทั้งหมด คำถามที่ยังค้างอยู่ในใจของหลายคนอาจจะเป็น "สุดท้ายแล้ว หนังเป็นของใครกันแน่?" หรือ "ฉันสามารถใช้ภาพยนตร์ในแบบที่ต้องการได้หรือไม่?"

คำตอบคือ ภาพยนตร์ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใครจะใช้ได้อิสระ แต่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีเจ้าของลิขสิทธิ์ควบคุมอยู่ ถ้าคุณใช้ไม่ถูกต้อง มีโอกาสถูกฟ้องร้องและเสียค่าปรับเป็นเงินจำนวนมาก

1. สรุปสิทธิ์ของเจ้าของภาพยนตร์

ตาม พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 15 (ipthailand.go.thเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการควบคุมและใช้ผลงานของตนเอง

📌 สิ่งที่เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถควบคุมได้:

  • ใครมีสิทธิ์เผยแพร่และทำซ้ำ
  • ใครสามารถนำภาพยนตร์ไปใช้เชิงพาณิชย์
  • ใครสามารถดัดแปลงหรือสร้างสรรค์ผลงานใหม่จากภาพยนตร์เดิม

📌 สิ่งที่คนทั่วไปมีสิทธิ์ทำ:

  • ดูภาพยนตร์ที่ซื้อหรือสตรีมมิ่งมาโดยถูกกฎหมาย
  • ใช้ภาพยนตร์ในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต เช่น เพื่อการศึกษา หรือวิจารณ์

2. อะไรที่ใช้ได้ และอะไรที่ผิดกฎหมาย?

📌 สิ่งที่ทำได้แบบถูกกฎหมาย:

  • ซื้อแผ่น DVD หรือดูผ่านสตรีมมิ่ง และรับชมส่วนตัว
  • ใช้ฉากบางส่วนเพื่อการศึกษา หรือวิจารณ์
  • ฉายภาพยนตร์ที่เป็น Public Domain

📌 สิ่งที่ผิดกฎหมาย และเสี่ยงโดนฟ้อง:

  • ดาวน์โหลดหนังเถื่อนจากอินเทอร์เน็ต
  • แชร์ฉากจากหนังลงโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • นำภาพยนตร์ไปฉายในที่สาธารณะเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

ฎีกาที่เกี่ยวข้อง:
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4794/2545 (deka.in.thการครอบครองหรือจำหน่ายภาพยนตร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ถือเป็นความผิดทางอาญา และมีโทษปรับหรือจำคุก

3. ทิศทางของกฎหมายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ในอนาคต

ในยุคปัจจุบัน ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เข้มงวดขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะสตูดิโอและผู้ผลิตภาพยนตร์ใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจจับการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น

  • YouTube มีระบบ Content ID ที่สามารถตรวจจับและบล็อกวิดีโอที่ละเมิดลิขสิทธิ์
  • Netflix และ Disney+ ใช้เทคโนโลยีเพื่อป้องกันการแชร์บัญชี และจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาในบางประเทศ
  • หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายใหม่ที่ครอบคลุมการละเมิดลิขสิทธิ์ทางดิจิทัล

📌 อนาคตอาจมีการปรับปรุงกฎหมายให้เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์บนแพลตฟอร์มออนไลน์

4. คำแนะนำสุดท้าย: ใช้ภาพยนตร์อย่างไรให้ปลอดภัย?

หากคุณเป็นนักรีวิวหนัง:

  • ใช้เนื้อหาบางส่วนเพื่อวิเคราะห์เท่านั้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้ฉากสำคัญแบบเต็ม ๆ

หากคุณต้องการฉายหนังในที่สาธารณะ:

  • ขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน

หากคุณต้องการใช้ฉากจากภาพยนตร์เพื่อโฆษณาหรือคอนเทนต์ส่วนตัว:

  • ตรวจสอบว่ามีการคุ้มครองลิขสิทธิ์หรือไม่
  • ใช้เฉพาะฉากที่เป็น Public Domain หรือได้รับอนุญาต

บทส่งท้าย: สุดท้ายแล้ว หนังเป็นของใคร?

คำตอบก็คือ หนังเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์!

แม้เราจะเป็นคนซื้อแผ่นหนัง ดูผ่านสตรีมมิ่ง หรือจ่ายเงินเข้าไปดูในโรง แต่ เราไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์นั้น เรามีสิทธิ์แค่ "รับชม" เท่านั้น

การใช้ภาพยนตร์อย่างถูกต้องไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่รู้กฎหมาย และใช้อย่างมีขอบเขต

 


📌 สงสัยเรื่องลิขสิทธิ์ภาพยนตร์? Legardy มีทนายเฉพาะทางคอยให้คำปรึกษา!

ปุ่มอ่านเพิ่มเติม
ปรึกษาทนายกับ Legardy ฟรี ปรึกษาเลย

 

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
sanook ข่าวสด มติชน spring
cta
ปรึกษาทนาย 24 ชั่วโมง
“ ได้รับคำตอบทันที ! “
ติดต่อเราทาง LINE