ลิขสิทธิ์คืออะไร_ ใช้ผิดโดนฟ้อง! อ่านก่อนจะสาย.png
เผยแพร่เมื่อ: 2025-02-12

"ถ้าผมแต่งเพลงเอง แต่มีคนเอาไปร้องใน TikTok ได้ล้านวิว ผมจะทำอะไรได้บ้าง?"
"ผมวาดรูปเอง แต่เจอร้านเอาไปพิมพ์ขาย ถ้าผมไม่เคยจดลิขสิทธิ์ ผมทำอะไรได้ไหม?"

นี่คือคำถามที่ผมเห็นบ่อยมากจากผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม Legardy คนจำนวนไม่น้อยยังคิดว่า "ลิขสิทธิ์" เป็นเรื่องไกลตัว ทั้งที่ความจริงมันอยู่รอบตัวเราทุกวัน ตั้งแต่เพลงที่ฟัง หนังที่ดู ไปจนถึงงานออกแบบที่เราสร้างขึ้นเอง

 

ปุ่มอ่านเพิ่มเติม
ท่านสามารถอ่านคำปรึกษาจริงได้ที่นี่ อ่านเพิ่มเติม

 

งานที่มีลิขสิทธิ์คืออะไร?

ลิขสิทธิ์คืออะไร_  ใช้ผิดโดนฟ้อง! อ่านก่อนจะสาย.png

งานที่มีลิขสิทธิ์ก็คือ "งานสร้างสรรค์" ที่กฎหมายรับรองว่าเป็นของผู้สร้างสรรค์ โดยที่ ไม่ต้องจดทะเบียน แค่คุณสร้างงานขึ้นมา มันก็ได้รับการคุ้มครองโดยอัตโนมัติ ลิขสิทธิ์จะให้สิทธิ์เจ้าของในการควบคุมว่าใครจะทำซ้ำ แก้ไข หรือเผยแพร่งานนั้นต่อสาธารณะ

ถ้าไม่มีลิขสิทธิ์จะเกิดอะไรขึ้น?

ลองนึกภาพว่า คุณแต่งเพลงขึ้นมาเอง แล้ววันหนึ่งมีนักร้องดังนำไปร้องแล้วปล่อยเป็นซิงเกิลใหม่โดยไม่ให้เครดิตคุณ ถ้ากฎหมายลิขสิทธิ์ไม่มีอยู่ คุณก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรเลย แต่เพราะลิขสิทธิ์มีอยู่ กฎหมายจึงให้สิทธิ์คุณในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หรือให้เขาหยุดใช้ผลงานของคุณ

📌 มาตรากฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ตาม มาตรา 6 ของ พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า งานที่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ ได้แก่

งานวรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ และงานอื่น ๆ ในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ

อธิบายง่าย ๆ คือ ถ้างานของคุณ ถูกสร้างขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ของคุณเอง ไม่ใช่แค่คัดลอกงานคนอื่น มันก็ถือว่ามีลิขสิทธิ์

ลิขสิทธิ์, สิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า ต่างกันยังไง?

หลายคนสับสนระหว่าง ลิขสิทธิ์ (Copyright), สิทธิบัตร (Patent) และเครื่องหมายการค้า (Trademark) ซึ่งจริง ๆ แล้วทั้งสามสิ่งนี้คุ้มครอง "ทรัพย์สินทางปัญญา" แต่แตกต่างกัน

  • ลิขสิทธิ์ คุ้มครอง งานสร้างสรรค์ เช่น หนังสือ เพลง ภาพวาด ภาพยนตร์ และซอฟต์แวร์
  • สิทธิบัตร คุ้มครอง การประดิษฐ์และนวัตกรรม ที่มีความใหม่และเป็นประโยชน์ เช่น เทคโนโลยีใหม่ หรือกระบวนการผลิตใหม่
  • เครื่องหมายการค้า คุ้มครอง ชื่อสินค้า โลโก้ หรือสัญลักษณ์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่น โลโก้ของแบรนด์ดังต่าง ๆ

ถ้าคุณวาดรูปแล้วมีคนเอาไปใช้โดยไม่ขออนุญาต คุณต้องใช้ลิขสิทธิ์
ถ้าคุณคิดค้นอุปกรณ์ใหม่ ๆ แล้วไม่อยากให้ใครลอก คุณต้องขอสิทธิบัตร
ถ้าคุณเปิดร้านแล้วอยากกันคนลอกชื่อร้าน คุณต้องจดเครื่องหมายการค้า

 

งานที่มีลิขสิทธิ์ต้องเป็นแบบไหน? งานอะไรบ้างที่ได้รับการคุ้มครอง?

"แค่ถ่ายรูปเล่น ๆ แล้วโพสต์ลงโซเชียล แบบนี้มีลิขสิทธิ์ไหม?"
"แต่งกลอนสั้น ๆ ในแคปชันโพสต์เฟซบุ๊ก ถือว่าเป็นงานลิขสิทธิ์หรือเปล่า?"

คำถามแนวนี้ผมเห็นบ่อยมากในกระทู้บน Legardy หลายคนคิดว่าการมีลิขสิทธิ์ต้อง "ไปจด" หรือ "ต้องเป็นผลงานระดับมืออาชีพ" เท่านั้น แต่ความจริงไม่ใช่เลย ลิขสิทธิ์เกิดขึ้นทันทีที่คุณสร้างงานขึ้นมา ไม่ว่าคุณจะเป็นนักแต่งเพลง นักเขียนกราฟิก หรือแค่คนธรรมดาที่ชอบถ่ายรูป

 

งานที่มีลิขสิทธิ์ ต้องมีคุณสมบัติอะไร?

งานสร้างสรรค์จะได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ โดยอัตโนมัติ ตราบใดที่งานนั้น...

✅ เป็นงานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของคุณเอง ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ
✅ อยู่ในรูปแบบที่จับต้องได้หรือบันทึกได้ เช่น เขียนลงกระดาษ ถ่ายเป็นภาพ หรือบันทึกเป็นไฟล์เสียง
✅ เป็นประเภทของงานที่กฎหมายรับรอง

💡 แปลว่าอะไร?
ถ้าคุณ "คิด" เนื้อเพลงขึ้นมาในหัว มันยังไม่ถือว่ามีลิขสิทธิ์ แต่ถ้าคุณเขียนมันลงกระดาษหรืออัดเสียงไว้ มันจะได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ทันที

งานอะไรบ้างที่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์?

กฎหมายไทยกำหนดไว้ชัดเจนใน มาตรา 6 ของ พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ว่างานที่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์มี 9 ประเภท ได้แก่

1. งานวรรณกรรม – หนังสือ บทความ เรื่องสั้น บทกวี บทความในโซเชียลก็ถือว่ามีลิขสิทธิ์
2. งานนาฏกรรม – การแสดง ท่าเต้น โขน ละครเวที
3. งานศิลปกรรม – ภาพวาด ภาพถ่าย รูปแกะสลัก กราฟิกดีไซน์ โลโก้ที่มีความสร้างสรรค์
4. งานดนตรีกรรม – เนื้อร้อง ทำนอง ดนตรีที่แต่งขึ้นมาเอง
5. งานโสตทัศนวัสดุ – ภาพยนตร์ มิวสิกวิดีโอ คลิปวิดีโอ
6. งานสิ่งบันทึกเสียง – บันทึกเสียงพูด เสียงดนตรี หรือเสียงอื่น ๆ
7. งานแพร่เสียงแพร่ภาพ – รายการวิทยุ รายการโทรทัศน์
8. งานสถาปัตยกรรม – แบบแปลนหรือโครงสร้างของสิ่งปลูกสร้าง
9. งานอื่น ๆ ในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ

📌 มาตรากฎหมายที่เกี่ยวข้อง:

มาตรา 6 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
งานที่ได้รับความคุ้มครอง ได้แก่ งานวรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ และงานอื่น ๆ

 

ต้องจดทะเบียนลิขสิทธิ์ไหม? ไม่จดจะมีสิทธิ์หรือเปล่า?

📢 ไม่ต้องจด! ลิขสิทธิ์เกิดขึ้นทันทีที่คุณสร้างงานขึ้นมา

นี่เป็นเรื่องที่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า "ต้องไปจดก่อนถึงจะมีลิขสิทธิ์" ความจริงแล้วลิขสิทธิ์คุ้มครองทันทีที่งานของคุณเกิดขึ้นมา ไม่ว่าคุณจะวาดรูป ถ่ายภาพ หรือแต่งเพลง ถ้างานนั้น เป็นของคุณเองและมีความสร้างสรรค์ ก็ถือว่ามีลิขสิทธิ์แล้ว

แต่! ถ้าคุณอยากมีหลักฐานที่ชัดเจนไว้ใช้เวลามีปัญหาทางกฎหมาย คุณสามารถจดทะเบียนลิขสิทธิ์ได้ที่ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้มีเอกสารยืนยันว่าเป็นเจ้าของจริง

 

ถ้าเอา AI มาช่วยสร้าง งานนั้นมีลิขสิทธิ์ไหม?

นี่เป็นอีกคำถามที่มีการถกเถียงกันเยอะ โดยเฉพาะกับ AI Art, Deepfake และ Chatbot ที่สร้างเนื้อหาเอง

📌 กฎหมายไทยยังไม่มีข้อบังคับชัดเจนเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของ AI แต่โดยทั่วไป งานที่ AI สร้างขึ้นมาเอง 100% อาจไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะถือว่าไม่มีมนุษย์เป็นผู้สร้างสรรค์

แต่ถ้าเป็นงานที่ มนุษย์มีส่วนร่วม เช่น ปรับแต่งหรือแก้ไขเพิ่มเติม งานนั้นอาจได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ในส่วนที่มนุษย์เป็นผู้สร้าง

 

สรุป: งานแบบไหนที่มีลิขสิทธิ์?

✅ งานที่คุณสร้างขึ้นเองและบันทึกไว้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
✅ ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน แต่จดไว้ก็ช่วยเป็นหลักฐานเวลามีปัญหา
✅ AI สร้างเอง 100% อาจไม่มีลิขสิทธิ์ แต่ถ้ามนุษย์มีส่วนร่วม ก็อาจได้รับความคุ้มครอง

 

ต้องการปกป้องลิขสิทธิ์ของคุณ? ปรึกษาทนายได้ที่ Legardy

ถ้าคุณกังวลว่าผลงานของคุณจะถูกละเมิดลิขสิทธิ์ หรืออยากให้ทนายช่วยตรวจสอบว่า "งานของคุณมีลิขสิทธิ์จริงหรือไม่" สามารถหาทนายที่เชี่ยวชาญด้านลิขสิทธิ์ได้บนแพลตฟอร์ม Legardy เรามีทนายที่พร้อมช่วยคุณทุกขั้นตอน

 

งานที่ไม่มีลิขสิทธิ์มีอะไรบ้าง? อะไรที่ใช้ได้ฟรีโดยไม่ผิดกฎหมาย?

"ผมเห็นโพสต์ข่าวจากเว็บไซต์หนึ่ง เลยก็อปมาโพสต์ใหม่โดยเขียนใหม่ แบบนี้ผิดไหม?"
"ทำไมคนเอาคำพิพากษาศาลฎีกามาโพสต์ได้ แล้วมันไม่ผิดลิขสิทธิ์?"

คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า ทุกอย่างบนโลกต้องมีลิขสิทธิ์ แต่ความจริงไม่ใช่ กฎหมายไทยกำหนดไว้ว่ามี "งานบางประเภท" ที่ ไม่มีลิขสิทธิ์ ใคร ๆ ก็สามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องขออนุญาต

 

งานที่ไม่มีลิขสิทธิ์ ตามกฎหมายไทย

ลิขสิทธิ์คืออะไร_  ใช้ผิดโดนฟ้อง! อ่านก่อนจะสาย (2).png

ตาม มาตรา 7 ของ พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 งานบางประเภทจะไม่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ ได้แก่

📌 1. ข่าวประจำวันและข้อเท็จจริง

  • ข่าวที่เป็นข้อมูลล้วน ๆ เช่น "พายุเข้า กทม. วันนี้" ไม่ถือว่ามีลิขสิทธิ์ เพราะเป็น "ข้อเท็จจริง" ที่ทุกคนสามารถใช้ได้
  • แต่! บทความข่าวที่มีการเขียนแบบวิเคราะห์ หรือมีเนื้อหาเฉพาะตัว เช่น "วิเคราะห์ผลกระทบของพายุต่อตลาดหุ้น" อันนี้อาจได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์

📌 2. กฎหมาย, ระเบียบ, ข้อบังคับของรัฐ

  • ข้อกฎหมายทุกฉบับเป็น สาธารณสมบัติ ทุกคนสามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้ เช่น ประมวลกฎหมายอาญา, พ.ร.บ. ต่าง ๆ
  • แต่! หากมีการเรียบเรียงใหม่หรือแปลให้เข้าใจง่ายขึ้น อาจมีลิขสิทธิ์ในรูปแบบของงานวรรณกรรม

📌 3. คำพิพากษา คำสั่ง และคำวินิจฉัยของศาล

  • เอกสารจากศาล เช่น คำพิพากษาศาลฎีกา เป็นสาธารณสมบัติ ใคร ๆ ก็ใช้ได้
  • แต่! หากมีการสรุปความ เรียบเรียง หรืออธิบายในเชิงวิเคราะห์ อาจได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ในฐานะงานวรรณกรรม

📌 4. ขั้นตอน, กรรมวิธี, ระบบ, ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์

  • วิธีการคิด, สมการ, กราฟ, กระบวนการทำงาน หรือทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ ไม่มีลิขสิทธิ์
  • เช่น "กฎของนิวตัน" ใคร ๆ ก็อธิบายได้โดยไม่ผิดลิขสิทธิ์ แต่! ตำราเรียนที่อธิบายกฎของนิวตัน อาจมีลิขสิทธิ์ในรูปแบบงานวรรณกรรม

📌 5. งานที่ลิขสิทธิ์หมดอายุแล้ว

  • งานที่ลิขสิทธิ์หมดอายุจะกลายเป็น "สาธารณสมบัติ" ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ เช่น
    • งานของ ศิลปินที่เสียชีวิตเกิน 50 ปี เช่น วรรณกรรมของสุนทรภู่ หรือเพลงของโมสาร์ท
    • แต่! หากมีการเรียบเรียงใหม่ หรือทำเวอร์ชันใหม่ งานนั้นอาจมีลิขสิทธิ์ใหม่

 

ตัวอย่างที่เข้าใจผิดกันบ่อย ๆ

❌ “ผมก็อปข่าวจากเว็บดัง แล้วเปลี่ยนคำ ถือว่ามีลิขสิทธิ์ใหม่หรือไม่?”
✅ ผิด! ถึงคุณจะเปลี่ยนคำ แต่ถ้าโครงสร้างหรือเนื้อหาส่วนใหญ่เหมือนกัน ก็ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

❌ “ผมโหลดภาพจาก Google มาใช้ในงานของตัวเองได้ไหม?”
✅ ผิด! ภาพใน Google ส่วนใหญ่มีลิขสิทธิ์ เว้นแต่ว่าจะเป็นภาพที่อยู่ในสาธารณสมบัติหรือได้รับอนุญาตให้ใช้

❌ “ถ้าผมแปลบทความภาษาอังกฤษเอง ถือว่ามีลิขสิทธิ์ไหม?”
✅ อาจมีลิขสิทธิ์! ถ้าเป็นการแปลที่มีการตีความหรือเรียบเรียงใหม่อย่างสร้างสรรค์

 

แล้วจะรู้ได้ยังไงว่างานไหนไม่มีลิขสิทธิ์?

💡 เช็กสิ่งเหล่านี้ก่อนใช้

  • เป็นข้อเท็จจริง หรือข้อมูลสาธารณะไหม?
  • เป็นกฎหมาย คำพิพากษา หรือระเบียบของรัฐหรือเปล่า?
  • ลิขสิทธิ์ของงานหมดอายุหรือยัง?
  • มีระบุว่าเป็น "Public Domain" หรือไม่?

📌 มาตรากฎหมายที่เกี่ยวข้อง:

มาตรา 7 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ข่าวประจำวัน ข้อเท็จจริง กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย แนวความคิด กรรมวิธี ระบบ วิธีใช้ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ ไม่มีลิขสิทธิ์

 

สรุป: งานที่ไม่มีลิขสิทธิ์ คืออะไร?

✅ ข้อเท็จจริง ข่าวสาธารณะ
✅ กฎหมาย คำพิพากษา
✅ กระบวนการคิด สมการ ระบบ
✅ งานที่ลิขสิทธิ์หมดอายุ

แต่! ถ้ามีการเรียบเรียง แปล หรือดัดแปลงใหม่ งานนั้นอาจได้รับลิขสิทธิ์ใหม่

 

อยากให้ทนายช่วยเช็กว่างานของคุณมีลิขสิทธิ์ไหม? ปรึกษา Legardy ได้เลย!

หากคุณสงสัยว่างานของคุณเข้าข่ายมีลิขสิทธิ์หรือไม่ หรืออยากใช้เนื้อหาของคนอื่นโดยไม่ผิดกฎหมาย สามารถหาทนายที่เชี่ยวชาญด้านลิขสิทธิ์ได้ที่ Legardy เรามีทนายที่พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อช่วยให้คุณใช้งานทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างถูกต้อง

. งานที่มีลิขสิทธิ์อยู่ได้นานแค่ไหน? ใช้ของเก่าได้ไหม?

ลิขสิทธิ์ไม่ใช่สิทธิ์ที่คงอยู่ตลอดไป เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ได้ถือสิทธิ์เหนือผลงานของตนเองไปชั่วนิรันดร์ เพราะกฎหมายกำหนดระยะเวลาการคุ้มครองไว้ เมื่อหมดอายุ งานนั้นจะกลายเป็น "สาธารณสมบัติ" ซึ่งหมายความว่าทุกคนสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต

แต่คำถามที่เกิดขึ้นบ่อยคือ ลิขสิทธิ์ของแต่ละประเภทงานอยู่ได้นานแค่ไหน? ถ้างานหมดลิขสิทธิ์แล้ว เราสามารถใช้ได้เลยหรือไม่? มีเงื่อนไขอะไรที่ต้องระวังบ้าง?

 

ลิขสิทธิ์มีอายุการใช้งานแค่ไหน?

ตาม มาตรา 19 ของ พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ระยะเวลาคุ้มครองลิขสิทธิ์จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของงานและตัวเจ้าของผลงาน

ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นบุคคลธรรมดา
ลิขสิทธิ์จะคุ้มครองตลอดอายุของเจ้าของลิขสิทธิ์ และต่อไปอีก 50 ปี นับตั้งแต่วันเสียชีวิต ตัวอย่างเช่น หากนักเขียนคนหนึ่งเสียชีวิตในปี 2565 ลิขสิทธิ์ของงานเขียนของเขาจะหมดอายุในปี 2615

ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นนิติบุคคล (เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน ฯลฯ)
ลิขสิทธิ์จะมีอายุ 50 ปีนับจากวันที่งานนั้นถูกสร้างขึ้น หรือเผยแพร่ต่อสาธารณะ แล้วแต่ว่ากรณีใดเกิดขึ้นก่อน ตัวอย่างเช่น ถ้าบริษัทสร้างภาพยนตร์เรื่องหนึ่งในปี 2550 ลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์จะหมดอายุในปี 2600

กรณีพิเศษ: งานบางประเภทมีอายุลิขสิทธิ์สั้นกว่างานทั่วไป

  • งานภาพถ่าย งานโสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และงานแพร่เสียงแพร่ภาพ คุ้มครอง 50 ปีนับจากวันที่งานนั้นถูกสร้างขึ้น
  • งานสิ่งบันทึกเสียง คุ้มครอง 50 ปีนับจากวันที่มีการบันทึกเสียงครั้งแรก
  • งานที่จัดทำขึ้นโดยรัฐบาล เช่น งานกฎหมาย คำพิพากษา และระเบียบของรัฐ ไม่มีลิขสิทธิ์ตั้งแต่แรก

📌 มาตรากฎหมายที่เกี่ยวข้อง:

มาตรา 19 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ลิขสิทธิ์ของงานสร้างสรรค์ของบุคคลธรรมดาจะมีอายุคุ้มครองตลอดอายุของเจ้าของลิขสิทธิ์และต่อไปอีก 50 ปีหลังจากเสียชีวิต หากเป็นนิติบุคคลจะคุ้มครอง 50 ปีนับจากวันที่งานนั้นถูกสร้างขึ้น

 

ถ้าลิขสิทธิ์หมดอายุแล้ว เอาไปใช้ได้เลยไหม?

หลายคนเข้าใจผิดว่าเมื่อผลงานหมดอายุลิขสิทธิ์ ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ความจริงแล้ว มีสิ่งที่ต้องระวัง

  1. ต้องตรวจสอบว่าเป็นสาธารณสมบัติจริงหรือไม่
    • บางงานอาจถูกดัดแปลงหรือเรียบเรียงใหม่ ซึ่งอาจมีลิขสิทธิ์แยกออกมา เช่น หนังสือเก่าของนักเขียนที่หมดลิขสิทธิ์แล้ว แต่หากมีคนแปลใหม่ หรือจัดพิมพ์ใหม่พร้อมภาพประกอบ ลิขสิทธิ์อาจเกิดใหม่ในส่วนที่เพิ่มเติม
  2. ถ้าผลงานเป็นของชาวต่างชาติ อาจมีลิขสิทธิ์ในประเทศอื่น
    • ลิขสิทธิ์ไม่ได้หมดอายุเท่ากันทุกประเทศ บางประเทศคุ้มครองนานกว่า 50 ปี เช่น สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปที่คุ้มครอง 70 ปีหลังจากเจ้าของลิขสิทธิ์เสียชีวิต
  3. เครื่องหมายการค้า และสิทธิ์อื่น ๆ อาจยังคงอยู่
    • แม้ว่างานวรรณกรรมหรือเพลงจะหมดลิขสิทธิ์แล้ว แต่เครื่องหมายการค้าที่เกี่ยวข้องอาจยังคงได้รับการคุ้มครอง ตัวอย่างเช่น ตัวละครจากนิยายที่หมดลิขสิทธิ์แล้ว อาจยังถูกจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้า

 

กรณีศึกษา: ใช้งานเก่าผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว

มีร้านกาแฟแห่งหนึ่งนำภาพวาดจากศิลปินที่เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 50 ปี มาพิมพ์ลงบนถุงกาแฟและเสื้อยืดเพื่อจำหน่าย เจ้าของร้านคิดว่างานดังกล่าวหมดลิขสิทธิ์แล้ว และสามารถใช้ได้อย่างเสรี

แต่ปรากฏว่าภาพที่ร้านนำมาใช้เป็น "เวอร์ชันดัดแปลงใหม่" ซึ่งนักออกแบบรุ่นใหม่ได้นำต้นฉบับมาปรับแต่งสีและองค์ประกอบใหม่ ลิขสิทธิ์ของงานต้นฉบับหมดอายุจริง แต่ ลิขสิทธิ์ของงานที่ถูกดัดแปลงใหม่ยังคงอยู่

ผลคือ ร้านถูกฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์ และต้องเสียค่าปรับหลายแสนบาท

 

สรุป: ลิขสิทธิ์อยู่ได้นานแค่ไหน? ใช้ของเก่าได้ไหม?

ลิขสิทธิ์ของบุคคลธรรมดาคุ้มครอง ตลอดอายุของเจ้าของลิขสิทธิ์ + 50 ปีหลังจากเสียชีวิต ส่วนลิขสิทธิ์ของนิติบุคคลคุ้มครอง 50 ปีนับจากวันที่สร้างหรือเผยแพร่

หากลิขสิทธิ์หมดอายุแล้ว งานนั้นจะกลายเป็น "สาธารณสมบัติ" ที่ทุกคนสามารถใช้ได้ฟรี แต่ยังต้องระวังเรื่องการดัดแปลงใหม่ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และลิขสิทธิ์ในต่างประเทศที่อาจยังคงอยู่

 

ต้องการตรวจสอบว่างานที่คุณต้องการใช้อยู่ในสาธารณสมบัติหรือไม่? ปรึกษาทนายจาก Legardy ได้เลย!

หากคุณต้องการใช้ผลงานเก่าที่หมดลิขสิทธิ์แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่ามีเงื่อนไขอะไรที่ต้องระวัง สามารถปรึกษาทนายที่เชี่ยวชาญด้านลิขสิทธิ์จากแพลตฟอร์ม Legardy ได้เลย เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายในอนาคต

การละเมิดงานที่มีลิขสิทธิ์คืออะไร? ทำอะไรผิดโดยไม่รู้ตัวบ้าง?

"โหลดหนังจากเว็บเถื่อนแล้วดูเองที่บ้าน ถือว่าผิดลิขสิทธิ์ไหม?"
"เอาภาพจาก Google มาใช้ทำป้ายโฆษณาโดยไม่ได้ให้เครดิต แบบนี้โดนฟ้องได้หรือเปล่า?"
"แชร์โพสต์ที่มีเพลงติดมาในคลิปสั้น ผิดไหม?"

คำถามเหล่านี้สะท้อนว่าหลายคนอาจกำลังละเมิดลิขสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว หลายกรณีเกิดจากความเข้าใจผิด คิดว่า "ไม่ได้เอาไปขาย" หรือ "ใช้เพื่อความบันเทิงส่วนตัว" แล้วจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ความจริง การละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ได้เกี่ยวกับว่าคุณได้เงินหรือไม่ แต่เกี่ยวกับการใช้ผลงานของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

การละเมิดลิขสิทธิ์คืออะไร?

ตาม มาตรา 27 ของ พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 การละเมิดลิขสิทธิ์หมายถึง การนำผลงานของผู้อื่นไปใช้ ทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ หรือแจกจ่ายต่อสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์

การละเมิดลิขสิทธิ์สามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ เช่น

  • การคัดลอกผลงานของผู้อื่นไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
  • การดัดแปลงผลงานของผู้อื่น เช่น การเปลี่ยนแปลงเนื้อเพลงหรือแต่งเติมภาพวาด
  • การนำผลงานที่มีลิขสิทธิ์มาเผยแพร่ต่อสาธารณะ เช่น อัปโหลดเพลง หนัง หรือหนังสือขึ้นอินเทอร์เน็ต
  • การขายหรือแจกจ่ายผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์

📌 มาตรากฎหมายที่เกี่ยวข้อง:

มาตรา 27 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
บุคคลใดทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือกระทำการใด ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

 

ตัวอย่างพฤติกรรมที่หลายคนคิดว่า "ไม่ผิด" แต่จริง ๆ แล้วผิดลิขสิทธิ์

1. โหลดหนัง โหลดเพลง จากเว็บเถื่อน หรือแพลตฟอร์มที่ไม่มีลิขสิทธิ์

หลายคนคิดว่า "แค่โหลดมาดูเอง ไม่ได้เอาไปขาย" ไม่น่าจะผิด แต่ความจริง การดาวน์โหลดผลงานที่มีลิขสิทธิ์จากแหล่งที่ไม่มีสิทธิ์เผยแพร่ถือว่าผิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะดูเองหรือไม่

2. ใช้รูปจาก Google โดยไม่ได้ขออนุญาต

"Google เป็นแหล่งรวมรูปภาพสาธารณะ ใครก็ใช้ได้" นี่เป็นความเข้าใจผิด เพราะ รูปภาพที่อยู่ใน Google มาจากแหล่งต่าง ๆ และแต่ละรูปอาจมีลิขสิทธิ์ การนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต อาจทำให้เจ้าของฟ้องร้องได้

3. แชร์โพสต์ที่มีเพลงติดมา

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลายแห่งเริ่มมีระบบตรวจจับลิขสิทธิ์เพลงโดยอัตโนมัติ เช่น YouTube, Facebook, Instagram การแชร์คลิปที่มีเพลงติดมาโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจทำให้บัญชีของคุณถูกลบ หรือในบางกรณีอาจโดนฟ้องร้องได้

4. คัดลอกบทความจากเว็บไซต์อื่นมาใช้เอง

"แค่ก็อปมาแก้คำให้ต่างจากต้นฉบับนิดหน่อย ก็ไม่น่าผิด" แต่ความจริง หากเนื้อหาหลักยังเหมือนเดิม ก็ถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนคำหรือสำนวนก็ตาม

5. ถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอจากจอทีวี แล้วนำไปเผยแพร่

แม้จะเป็นคลิปสั้น ๆ จากละครหรือรายการทีวี หากนำไปเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็อาจเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์

 

การละเมิดลิขสิทธิ์มีโทษอย่างไร?

ตาม มาตรา 69 และ 70 ของ พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 การละเมิดลิขสิทธิ์มีโทษทั้งทางแพ่งและอาญา

โทษทางอาญา

  • จำคุกสูงสุด 4 ปี หรือปรับสูงสุด 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขึ้นอยู่กับกรณีของการละเมิด
  • หากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง อาจมีโทษหนักขึ้น

โทษทางแพ่ง

  • เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหาย
  • อาจถูกสั่งให้หยุดใช้ผลงานนั้น และจ่ายค่าชดเชยให้เจ้าของลิขสิทธิ์

📌 มาตรากฎหมายที่เกี่ยวข้อง:

มาตรา 69-70 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องรับโทษปรับและจำคุกตามระดับของการกระทำผิด

 

แล้วจะใช้งานที่มีลิขสิทธิ์ได้อย่างไรโดยไม่ผิดกฎหมาย?

หากต้องการใช้ผลงานที่มีลิขสิทธิ์ ต้องมั่นใจว่า ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือใช้ในกรณีที่กฎหมายอนุญาต เช่น

  • ใช้ภายใต้เงื่อนไข Fair Use เช่น ใช้บางส่วนเพื่อการศึกษา วิจัย หรือวิจารณ์โดยไม่กระทบต่อรายได้ของเจ้าของลิขสิทธิ์
  • ขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์
  • ใช้ภาพและเพลงที่เป็น Public Domain หรือ Creative Commons ที่อนุญาตให้ใช้ฟรีโดยไม่ผิดกฎหมาย

 

สรุป: การละเมิดลิขสิทธิ์คืออะไร และทำอะไรผิดโดยไม่รู้ตัวบ้าง?

การละเมิดลิขสิทธิ์คือการใช้ผลงานของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต การคัดลอก ดัดแปลง เผยแพร่ หรือใช้เพื่อการค้าถือว่าผิดกฎหมาย โทษของการละเมิดลิขสิทธิ์อาจร้ายแรงถึงขั้นจำคุกและเสียค่าปรับมหาศาล ดังนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนนำผลงานของผู้อื่นไปใช้

 

ต้องการคำแนะนำเรื่องลิขสิทธิ์? ปรึกษาทนายจาก Legardy ได้เลย!

หากคุณกังวลว่ากำลังใช้ผลงานของผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว หรืออยากให้ทนายช่วยตรวจสอบว่าคุณสามารถใช้เนื้อหาอะไรได้บ้าง สามารถหาทนายที่เชี่ยวชาญด้านลิขสิทธิ์จากแพลตฟอร์ม Legardy ได้เลย

ใช้งานงานที่มีลิขสิทธิ์อย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย?

"อยากใช้เพลงในคลิป YouTube ของตัวเอง แต่ไม่อยากโดนลิขสิทธิ์ ต้องทำยังไง?"
"โหลดรูปจากเว็บแจกฟรีมาใช้ในงานออกแบบ ต้องให้เครดิตไหม?"
"ดัดแปลงบทความของคนอื่นเป็นของตัวเอง ผิดลิขสิทธิ์หรือเปล่า?"

ปัจจุบันคนจำนวนมากต้องใช้เนื้อหาจากแหล่งต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเพลง รูปภาพ หรือบทความ แต่คำถามสำคัญคือ เราจะใช้งานเนื้อหาเหล่านี้อย่างถูกต้องโดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ได้อย่างไร?

 

หลักการใช้งานผลงานที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ผิดกฎหมาย

การใช้ผลงานที่มีลิขสิทธิ์ให้ถูกต้อง มี 3 วิธีหลัก ได้แก่

  1. ขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง
  2. ใช้เนื้อหาที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ได้ เช่น Public Domain หรือ Creative Commons
  3. ใช้เนื้อหาภายใต้หลัก Fair Use หรือข้อยกเว้นที่กฎหมายอนุญาต

 

1. ขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง

การขออนุญาตคือวิธีที่แน่นอนที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย หากต้องการใช้เพลง รูปภาพ วิดีโอ หรือบทความของผู้อื่น ควรติดต่อเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรงและขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร

ตัวอย่างเช่น

  • ต้องการใช้เพลงในโฆษณาหรือคลิป YouTube ควรติดต่อค่ายเพลงหรือศิลปินเจ้าของลิขสิทธิ์
  • ต้องการใช้ภาพจากช่างภาพมืออาชีพ ควรขออนุญาตหรือซื้อลิขสิทธิ์ภาพ
  • ต้องการนำบทความจากเว็บไซต์อื่นมาใช้ ควรขออนุญาตจากเจ้าของบทความก่อน

การขออนุญาตล่วงหน้าไม่เพียงช่วยให้ใช้งานได้ถูกต้อง แต่ยังป้องกันความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องหรือถูกลบเนื้อหาออกจากแพลตฟอร์ม

 

2. ใช้เนื้อหาที่อยู่ใน Public Domain หรือ Creative Commons

Public Domain คือ เนื้อหาที่ไม่มีลิขสิทธิ์ หรือหมดอายุลิขสิทธิ์แล้ว เช่น

  • หนังสือเก่าที่ผู้เขียนเสียชีวิตเกิน 50 ปี
  • เพลงคลาสสิกที่หมดลิขสิทธิ์ เช่น เพลงของบีโธเฟน หรือโมสาร์ท

Creative Commons (CC) คือ ระบบอนุญาตให้ใช้เนื้อหาได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด มีหลายประเภท เช่น

  • CC0 (No Rights Reserved): ใช้ได้ฟรีโดยไม่มีเงื่อนไข
  • CC BY (Attribution Required): ใช้ได้ฟรีแต่ต้องให้เครดิตเจ้าของ
  • CC BY-NC (Non-Commercial): ใช้ได้ฟรีแต่ห้ามใช้เพื่อการค้า

ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ให้เนื้อหาประเภท Public Domain หรือ Creative Commons ได้แก่

แต่! ถึงแม้ว่าเนื้อหาเหล่านี้จะให้ใช้ฟรี ควรอ่านเงื่อนไขให้แน่ใจก่อนใช้

 

3. ใช้งานตามหลัก Fair Use หรือข้อยกเว้นที่กฎหมายอนุญาต

Fair Use คือแนวคิดที่อนุญาตให้ใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ต้องขออนุญาต ในบางกรณี เช่น

  • การใช้เพื่อการศึกษา
  • การวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็น
  • การรายงานข่าว

แต่! Fair Use ไม่ได้หมายความว่าใช้ได้ทุกกรณี ตัวอย่างเช่น

  • คัดลอกบทความจากเว็บไซต์อื่นมาใช้ในบล็อกของตัวเอง โดยอ้างว่าเป็น "เพื่อการศึกษา" แบบนี้ ถือว่าผิดลิขสิทธิ์
  • ใช้เพลงของศิลปินดังในคลิปโฆษณาโดยอ้างว่า "ใช้แค่บางส่วน" แบบนี้ ก็ยังผิดลิขสิทธิ์

📌 มาตรากฎหมายที่เกี่ยวข้อง:

มาตรา 32 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
อนุญาตให้ใช้งานลิขสิทธิ์ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตในกรณีที่เป็นการศึกษา การวิจารณ์ หรือการรายงานข่าว แต่ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเจ้าของลิขสิทธิ์

 

กรณีตัวอย่าง: ใช้เนื้อหาแบบไหนไม่ผิดลิขสิทธิ์?

กรณีที่ 1: ใช้ภาพจากอินเทอร์เน็ตในงานออกแบบ
✅ ถ้าเป็นภาพจากเว็บไซต์ที่ให้สิทธิ์ใช้งานได้ เช่น Unsplash หรือ Pixabay
❌ ถ้าเป็นภาพจาก Google โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ

กรณีที่ 2: ใช้เพลงในวิดีโอ YouTube
✅ ถ้าเป็นเพลงจาก YouTube Audio Library หรือเพลงที่มีลิขสิทธิ์ Creative Commons
❌ ถ้าเป็นเพลงของศิลปินดังโดยไม่ได้รับอนุญาต

กรณีที่ 3: ใช้เนื้อหาจากบทความอื่นในงานของตัวเอง
✅ ถ้าเป็นการสรุปเนื้อหาด้วยภาษาของตัวเองและให้เครดิตแหล่งที่มา
❌ ถ้าก็อปปี้เนื้อหามาทั้งหมดโดยไม่ดัดแปลงหรือให้เครดิต

 

ต้องการให้ทนายช่วยตรวจสอบการใช้เนื้อหา? ปรึกษา Legardy ได้เลย!

หากคุณต้องการใช้เพลง รูปภาพ หรือบทความ แต่ไม่แน่ใจว่าจะผิดลิขสิทธิ์หรือไม่ สามารถปรึกษาทนายด้านลิขสิทธิ์จากแพลตฟอร์ม Legardy ได้เลย เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้งานของคุณถูกต้องตามกฎหมาย

งานที่มีลิขสิทธิ์ถูกละเมิดต้องทำยังไง? แจ้งความหรือฟ้องได้ไหม?

"ผมวาดภาพเอง แต่มีคนแอบเอาไปขายเป็น NFT ผมสามารถทำอะไรได้บ้าง?"
"เขียนบทความลงเว็บ แต่โดนก๊อปไปใช้ในเพจดัง ถ้าอยากให้เขาลบออก ต้องทำยังไง?"
"เพลงของผมถูกใช้ในโฆษณาของแบรนด์ใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาต จะฟ้องร้องได้ไหม?"

หากคุณพบว่าผลงานของคุณถูกละเมิดลิขสิทธิ์ คุณสามารถดำเนินการเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเองได้ ทั้งในเชิงกฎหมายและการดำเนินการเชิงปฏิบัติ แต่ก่อนอื่น ต้องแน่ใจว่าคุณ "เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของงานนั้นจริง" และมีหลักฐานที่เพียงพอ

 

1. ตรวจสอบก่อนว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์จริงหรือไม่

ไม่ใช่ทุกกรณีที่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ บางครั้งอาจเข้าข่ายข้อยกเว้น เช่น การใช้เพื่อการศึกษา หรือการวิจารณ์โดยสุจริตใจ (Fair Use)

เช็กก่อนว่าใช่การละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่

  • ถูกคัดลอกหรือดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ไม่มีการให้เครดิตหรือให้เครดิตผิดพลาด
  • มีผลกระทบต่อรายได้หรือชื่อเสียงของคุณ

หากตรงกับข้อใดข้อหนึ่ง แสดงว่าคุณอาจตกเป็นเหยื่อของการละเมิดลิขสิทธิ์

 

2. เก็บหลักฐานให้พร้อมก่อนดำเนินการ

การมีหลักฐานเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณไม่มีหลักฐานชัดเจน จะทำให้ดำเนินการได้ยาก

ตัวอย่างหลักฐานที่ควรเก็บ

  • ต้นฉบับของผลงาน เช่น ไฟล์ภาพ วิดีโอ บทความ หรือไฟล์เพลง
  • วันที่สร้างผลงาน เช่น ข้อมูล Metadata ของไฟล์ดิจิทัล หรือบันทึกการโพสต์ครั้งแรก
  • หลักฐานว่าคุณเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เช่น การลงทะเบียนลิขสิทธิ์ (ถ้ามี)
  • หลักฐานว่ามีการละเมิด เช่น ภาพหน้าจอที่แสดงว่ามีการนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

 

3. ส่งคำร้องขอให้ลบเนื้อหา (Take Down Notice)

ในกรณีที่การละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, YouTube, Instagram หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ คุณสามารถส่งคำร้องไปยังแพลตฟอร์มนั้นให้ลบเนื้อหาที่ละเมิดได้

ตัวอย่าง

  • YouTube: มีระบบ Content ID และแบบฟอร์มแจ้งการละเมิดลิขสิทธิ์
  • Facebook & Instagram: มีระบบ Copyright Report ให้แจ้งเนื้อหาที่ละเมิด
  • Google: สามารถยื่นเรื่องไปที่ Google DMCA Complaint เพื่อให้ลบเนื้อหาออกจากผลการค้นหา

แพลตฟอร์มเหล่านี้มีนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ และมักจะดำเนินการลบเนื้อหาภายใน 24-72 ชั่วโมง

 

4. ติดต่อเจ้าของแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์ที่ละเมิด

หากผลงานของคุณถูกนำไปใช้ในเว็บไซต์ที่ไม่ใช่แพลตฟอร์มหลัก เช่น เว็บไซต์ข่าว หรือร้านค้าออนไลน์ คุณสามารถติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์เพื่อขอให้ลบเนื้อหาหรือหยุดการใช้ผลงานของคุณ

กรณีนี้ ควรส่งอีเมลแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการ ระบุว่าเนื้อหานั้นละเมิดลิขสิทธิ์ของคุณ และขอให้ลบออกทันที พร้อมแนบหลักฐานว่าเป็นผลงานของคุณจริง

 

5. แจ้งความหรือฟ้องร้องหากผู้ละเมิดไม่ยอมลบ

หากการแจ้งลบไม่เป็นผล คุณสามารถดำเนินคดีทางกฎหมายได้ ตาม มาตรา 69 และ 70 ของ พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งกำหนดโทษสำหรับการละเมิดลิขสิทธิ์

โทษทางแพ่ง

  • ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ละเมิด
  • ขอให้ศาลสั่งให้หยุดละเมิดลิขสิทธิ์

โทษทางอาญา

  • จำคุกสูงสุด 4 ปี หรือปรับสูงสุด 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

📌 มาตรากฎหมายที่เกี่ยวข้อง:

มาตรา 69-70 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
การละเมิดลิขสิทธิ์สามารถมีโทษปรับหรือจำคุก ขึ้นอยู่กับระดับความร้ายแรงของการละเมิด

 

กรณีศึกษา: นักวาดภาพถูกละเมิดลิขสิทธิ์โดย NFT Marketplace

ศิลปินคนหนึ่งพบว่าภาพวาดของเขาถูกนำไปขายในรูปแบบ NFT บนแพลตฟอร์มซื้อขายดิจิทัลโดยที่เขาไม่รู้ตัว เจ้าของภาพไม่ได้รับอนุญาตให้ใครนำผลงานไปใช้

เขาจึงส่ง Take Down Notice ไปยังแพลตฟอร์ม NFT นั้น พร้อมแนบหลักฐานว่าตนเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริง แพลตฟอร์มจึงลบ NFT นั้นออกภายใน 48 ชั่วโมง และแบนบัญชีของผู้ละเมิด

กรณีนี้แสดงให้เห็นว่า การแจ้งลบสามารถช่วยปกป้องสิทธิ์ของคุณได้ โดยไม่ต้องดำเนินคดีทางกฎหมาย

 

งานที่มีลิขสิทธิ์ถูกละเมิดต้องทำยังไง? แจ้งความหรือฟ้องได้ไหม?

หากคุณพบว่าผลงานของคุณถูกละเมิด ควร เริ่มจากการเก็บหลักฐานให้ครบถ้วน และพยายามติดต่อแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งลบเนื้อหา หากผู้ละเมิดไม่ยอมลบหรือไม่ให้ความร่วมมือ สามารถแจ้งความหรือฟ้องร้องทางแพ่งและอาญาได้

 

ต้องการให้ทนายช่วยดำเนินการด้านลิขสิทธิ์? ปรึกษา Legardy ได้เลย!

หากคุณถูกละเมิดลิขสิทธิ์และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร สามารถปรึกษาทนายที่เชี่ยวชาญด้านลิขสิทธิ์จากแพลตฟอร์ม Legardy ได้เลย เพื่อให้มั่นใจว่าคุณสามารถดำเนินคดีได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

ใช้งานงานที่มีลิขสิทธิ์ยังไงให้ปลอดภัย?

"อยากใช้รูป เพลง หรือบทความของคนอื่น แต่ไม่อยากผิดกฎหมาย ต้องทำยังไง?"
"ถ้าทำธุรกิจ แล้วใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว จะมีความเสี่ยงแค่ไหน?"
"อะไรคือเช็กลิสต์ที่ต้องดูให้ชัวร์ก่อนใช้เนื้อหาของคนอื่น?"

โลกออนไลน์ทุกวันนี้เต็มไปด้วยเนื้อหาที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว หลายคนคิดว่า "แค่ก๊อปมาใช้ คงไม่เป็นไร" แต่ความจริงแล้ว การละเมิดลิขสิทธิ์สามารถนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายร้ายแรงได้

ไม่ว่าคุณจะเป็น นักออกแบบ ครีเอเตอร์ ผู้ประกอบการ หรือแม้แต่ผู้ใช้ทั่วไป คุณต้องรู้วิธีใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์อย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายของการฟ้องร้อง

 

1. เช็กลิสต์ก่อนใช้เนื้อหาของคนอื่น ต้องดูอะไรบ้าง?

ก่อนที่คุณจะนำรูป เพลง หรือเนื้อหามาใช้ ให้ตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ก่อนเสมอ

✅ มีลิขสิทธิ์หรือไม่?

  • ถ้าเป็นรูปจาก Google, เพลงที่ดาวน์โหลดจาก YouTube หรือบทความจากเว็บไซต์อื่น ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีลิขสิทธิ์หรือไม่
  • ถ้าผลงานนั้นถูกสร้างโดยบุคคลอื่น ให้สมมติว่า "มีลิขสิทธิ์" จนกว่าจะมีหลักฐานว่าไม่มี

✅ ได้รับอนุญาตให้ใช้หรือยัง?

  • ถ้าต้องใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่น ในงานโฆษณา ธุรกิจ หรือการขายสินค้า ควรขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์
  • หลีกเลี่ยงการใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ขออนุญาต แม้แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็อาจผิดกฎหมายได้

✅ เป็นเนื้อหาที่อยู่ใน Public Domain หรือ Creative Commons หรือไม่?

  • ค้นหาเนื้อหาที่ไม่มีลิขสิทธิ์ หรือได้รับอนุญาตให้ใช้ เช่น ภาพจาก Unsplash, Pixabay หรือเพลงจาก YouTube Audio Library
  • ถ้าเป็น Creative Commons (CC) ต้องอ่านเงื่อนไขให้ดี เช่น บางประเภทต้องให้เครดิตเจ้าของ

✅ ใช้ตามหลัก Fair Use ได้หรือเปล่า?

  • ใช้เพื่อการศึกษา วิจัย วิจารณ์ หรือรายงานข่าว อาจได้รับการคุ้มครองภายใต้หลัก Fair Use
  • แต่! การใช้มากเกินไปหรือส่งผลกระทบต่อรายได้ของเจ้าของ อาจทำให้การใช้งานไม่เข้าข่าย Fair Use

 

2. ถ้าเผลอใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว ควรทำยังไง?

หากคุณพบว่าคุณใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต อย่าละเลย เพราะการรอให้เจ้าของลิขสิทธิ์มาทวงสิทธิ์อาจทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายที่ใหญ่ขึ้น

แนวทางแก้ไข

  • รีบลบหรือหยุดเผยแพร่ทันที: หากเป็นเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย ให้ลบออกก่อน
  • ติดต่อเจ้าของลิขสิทธิ์เพื่อขออนุญาตย้อนหลัง: อาจมีกรณีที่เจ้าของลิขสิทธิ์ยอมให้ใช้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม หรือเสนอขายลิขสิทธิ์ให้
  • ใช้เนื้อหาทดแทนที่ไม่มีลิขสิทธิ์: หากจำเป็นต้องใช้เนื้อหา ควรหาเนื้อหาที่ไม่มีลิขสิทธิ์หรือได้รับอนุญาตให้ใช้

 

3. ตัวอย่างสถานการณ์จริง: ใช้เนื้อหาของคนอื่นผิดลิขสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว

กรณีที่ 1: ร้านกาแฟถูกฟ้องเพราะใช้ภาพจาก Google บนเมนู

ร้านกาแฟเล็ก ๆ แห่งหนึ่งนำภาพถ่ายกาแฟจาก Google มาใช้ในเมนู โดยไม่รู้ว่าภาพนั้นเป็นของช่างภาพมืออาชีพ ต่อมาช่างภาพได้แจ้งเตือนให้ลบภาพ แต่ร้านไม่สนใจ ผลคือร้านถูกฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ และต้องจ่ายค่าปรับหลักหมื่นบาท

กรณีที่ 2: Youtuber ใช้เพลงของศิลปินดังโดยไม่ขออนุญาต

ครีเอเตอร์บน YouTube ใช้เพลงของศิลปินดังเป็นเพลงประกอบวิดีโอโดยไม่ได้รับอนุญาต ในตอนแรกวิดีโอถูกปิดเสียง ต่อมาค่ายเพลงส่งเรื่องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ทำให้ต้องเสียเงินจำนวนมาก

 

4. สรุป: ทำยังไงให้ใช้งานงานที่มีลิขสิทธิ์ได้อย่างปลอดภัย?

หากคุณต้องการใช้เนื้อหาของคนอื่น ให้ยึดหลัก "ป้องกันก่อนแก้"

  1. อย่าคิดว่าเนื้อหาใด ๆ บนอินเทอร์เน็ตสามารถใช้ได้ฟรี ตรวจสอบเสมอว่ามีลิขสิทธิ์หรือไม่
  2. หากไม่แน่ใจ ให้ขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน โดยเฉพาะถ้าจะใช้ในเชิงพาณิชย์
  3. ใช้แหล่งเนื้อหาที่อนุญาตให้ใช้ได้ เช่น Public Domain หรือ Creative Commons
  4. ศึกษาหลัก Fair Use ให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้งานของคุณไม่ละเมิดลิขสิทธิ์
  5. หากพบว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ ให้รีบแก้ไขโดยการลบหรือขออนุญาตย้อนหลัง

 

5. ต้องการให้ทนายช่วยตรวจสอบเนื้อหาของคุณก่อนใช้งาน? ปรึกษา Legardy ได้เลย!

หากคุณต้องการให้ทนายช่วยตรวจสอบว่าสามารถใช้เนื้อหาหนึ่ง ๆ ได้หรือไม่ หรืออยากแน่ใจว่าการใช้เนื้อหาของคุณจะไม่ผิดกฎหมาย สามารถปรึกษาทนายที่เชี่ยวชาญด้านลิขสิทธิ์จากแพลตฟอร์ม Legardy ได้เลย เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายในอนาคต

ปุ่มอ่านเพิ่มเติม
ปรึกษาทนายกับ Legardy ฟรี ปรึกษาเลย

 

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
sanook ข่าวสด มติชน spring
cta
ปรึกษาทนาย 24 ชั่วโมง
“ ได้รับคำตอบทันที ! “
ติดต่อเราทาง LINE