Cookie บนเว็บไซต์กับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล PDPA

เคยไหมครับ เวลาท่องอินเทอร์เน็ต เปิดเว็บไซต์ แล้วมักจะมีคุกกี้เด้งขึ้นมาให้เรากดยอมรับอยู่ตลอด จนเรารู้สึกรำคาญและขี้ไม่เคยกดอ่านรายละเอียดนโยบายคุกกี้บนเว็บไซต์เลยสักครั้ง เพราะเนื้อหาค่อนข้างยาวและอ่านเข้าใจยาก

ถ้าเป็นแบบนั้น วันนี้มาดูกันครับว่าทำไมทุก ๆ เว็บไซต์จะต้องมี Pop-up เด้งขึ้นมาเตือนให้เรากดยอมรับคุกกี้ตลอดทุกครั้ง จริง ๆ แล้ว ที่มาของเรื่องนี้มาจากกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลครับ โดยคุกกี้เป็นไฟล์ข้อมูลขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งานเว็บไซต์ เพื่อจดจำข้อมูลการใช้งานของเราในฐานะผู้ใช้งานเว็บไซต์และเพื่อระบุตัวตนของเรา รวมถึงใช้เพื่อวิเคราะห์การให้บริการเว็บไซต์ให้ตรงกับลักษณะการใช้งานหรือ พฤติกรรมการใช้งานของเรา (personalize your experience) โดยระบบจะนำไปประมวลผลเพื่อวิเคราะห์ความสนใจของเรา และนำไปทำการตลาดหรือโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นว่ามีการฟีดข้อมูลที่เราตรงกับความสนใจของเรามาให้ชมอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเหตุนี้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ กฎหมาย PDPA จึงวางแนวทางในการจัดการคุกกี้โดยต้องขอความยินยอมจากเราก่อน เพื่อคุ้มครองเราในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และเป็นการสร้างมาตรฐานความเชื่อมั่นในการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ให้บริการอีกด้วย

ประเภทของคุกกี้ ( Cookies )

คุกกี้ สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
• คุกกี้ของเว็บไซต์ มีหน้าที่อำนวยความสะดวกในการท่องเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ใช้งาน (user) ได้รับประสบการณ์ที่ดี
• คุกกี้ของบุคคลที่สาม เป็นคุกกี้ที่เก็บรวบรวม และนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์การใช้งานในเชิงพฤติกรรม เพื่อนำไปแสดงโฆษณา โดยคุกกี้ประเภทนี้จะ follow การใช้งานในทุกเว็บไซต์ที่เราเยี่ยมชม และมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเราไว้ด้วย

ข้อมูลอ้างอิง : https://www.appdisqus.com/how-to-block-cookie-consent-pop-ups/

กฎหมายควบคุมการใช้คุกกี้ ( Cookies )

การขอและให้ความยินยอมในการใช้คุกกี้ ( Cookies )

นอกจากนี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 19 กำหนดไว้ว่า

“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะกระทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลไม่ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนหรือในขณะน้ัน เว้นแต่บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นบัญญัติให้กระทำได้” 

ดังนั้น ในการจัดเก็บข้อมูลคุกกี้ดังกล่าว ผู้ให้บริการเว็บไซต์จึงต้องมีการขอความยินยอมจากเราก่อนเสมอ

อย่างไรก็ดี กฎหมายยังได้กำหนดแนวทางการขอความยินยอมไว้ในมาตรา 19 วรรคสี่ ไว้ด้วยว่า “

ในการขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องคำนึงอย่างถึงที่สุดในความเป็นอิสระของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการให้ความยินยอม”

 จึงเป็นที่มาของการกำหนดให้เราสามารถเลือกกดยินยอมหรือไม่ยินยอมคุกกี้ก็ได้ (เว้นแต่เป็นคุกกี้จำเป็น)

ต้องการค้นหาด้านกฎหมายใช่ไหม ? สามารถค้นหาบทความ, คำปรึกษาจริง, มาตราที่เกี่ยวข้อง คลิกที่นี่ !

สิทธิในการเพิกถอดความยินยอมในการใช้คุกกี้ ( Cookies )

ทั้งนี้ มีข้อแนะนำว่าให้บล็อกเฉพาะคุกกี้ของบุคคลที่สามก็พอ ไม่จำเป็นต้องบล็อกทั้งหมด เพราะการยินยอมคุกกี้ประเภทนี้จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการท่องเว็บไซต์ของเราได้นะครับ เช่น กรณีที่เราเข้าใช้งานเว็บไซต์นั้นประจำ แล้วต้องมานั่งตั้งค่าการใช้งานทุกครั้งที่เข้าใหม่ ก็อาจจะไม่สะดวกครับนอกจากนี้ แม้ว่าเรากดยินยอมแล้ว ภายหลังเราสามารถกดถอนความยินยอมโดยการลบคุกกี้ได้เช่นกัน

 ซึ่งสอดคล้องกับมาตรา 19 วรรคห้า ที่กำหนดว่า

 “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้ โดยจะต้องถอนความยินยอมได้ง่าย เช่นเดียวกับการให้ความยินยอม”

อนึ่ง แม้ว่าเราจะสามารถลบคุกกี้ทิ้งได้ แต่การลบคุกกี้ย่อมไม่กระทบกับข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มีการจัดเก็บไปแล้ว ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 19 วรรคห้าตอนท้าย ที่กำหนดว่า “การถอนความยินยอม ย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไปแล้ว โดยชอบตามที่กาหนดไว้ในหมวดนี้” ดังนั้น หากเราเข้าใช้งานเว็บไซต์ที่ไม่เคยเปิดดูมาก่อน จึงควรอ่านเงื่อนไขคุกกี้และกดดูว่าเป็นการยินยอมเฉพาะคุกกี้ที่จำเป็นหรือไม่ ก่อนคลิกยอมรับ ทั้งนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยและระมัดระวังไม่ให้ถูกยิงแอดโฆษณาต่าง ๆ หรือรบกวนการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลของเราโดยไม่จำเป็นครับ

หากมีข้อสงสัยต้องการปรึกษาทนายความเพื่อหาทางออกกฎหมาย สามารถติดต่อผ่าน Legardy ได้ตลอด 24ชั่วโมงครับ