ยึดทรัพย์ ยึดอะไรได้บ้าง 2025 – เช็กด่วน! ทรัพย์สินอะไรเสี่ยงโดนยึด.png
เผยแพร่เมื่อ: 2025-02-19

สวัสดีครับ ผมเป็นแอดมินและนักเขียนของ Legardy แพลตฟอร์มที่รวบรวมทนายจากทั่วประเทศ จากที่เห็นในกระทู้ของเรา มีคนมาถามเกี่ยวกับเรื่องการยึดทรัพย์กันเยอะมาก บางคนกำลังถูกเจ้าหนี้ทวงหนี้แบบหนักหน่วง บางคนได้รับหมายศาลแต่ยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไง บางคนถึงขั้นกังวลว่าบ้านที่อยู่จะถูกยึดไหม หรือถ้าเงินเดือนโดนอายัดจะเหลือใช้เท่าไหร่

ยึดทรัพย์ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว! หลายคนคิดว่าเป็นหนี้ก็แค่ไม่มีเงินใช้หนี้ แต่รู้ไหมว่า หากคุณปล่อยไว้ อาจถึงขั้นถูกยึดบ้าน ยึดรถ ยึดเงินในบัญชี และอายัดเงินเดือน! แถมบางที เจ้าหนี้บางรายก็ใช้วิธีที่ผิดกฎหมายเพื่อกดดันให้คุณจ่ายเร็วขึ้น!

ที่น่าสนใจคือ "ทรัพย์สินบางอย่างเจ้าหนี้ยึดไม่ได้!" และถ้าคุณเข้าใจกฎหมายดีพอ คุณอาจรอดจากการถูกยึดทรัพย์ได้

วันนี้ผมจะพาคุณมารู้ทุกแง่มุมเกี่ยวกับ "กฎหมายการยึดทรัพย์ 2025" ตั้งแต่ ทรัพย์สินอะไรที่ถูกยึดได้ - อะไรที่ยึดไม่ได้ - ต้องเป็นหนี้เท่าไหร่ถึงจะเสี่ยง - และถ้ากำลังจะถูกยึดทรัพย์ ต้องทำยังไงให้รอด?

อย่าปล่อยให้หนี้พาคุณไปจนถึงจุดที่ต้องเสียบ้านเสียรถ! อ่านบทความนี้ให้จบ แล้วคุณจะเข้าใจวิธีเอาตัวรอดจากการยึดทรัพย์แบบถูกกฎหมาย

ปุ่มอ่านเพิ่มเติม
ท่านสามารถอ่านคำปรึกษาจริงได้ที่นี่ อ่านเพิ่มเติม

 

ยึดทรัพย์คืออะไร? 2025 กฎหมายใหม่เปลี่ยนไปแค่ไหน?

ยึดทรัพย์ ยึดอะไรได้บ้าง 2025 – เช็กด่วน! ทรัพย์สินอะไรเสี่ยงโดนยึด (2).png

ถ้าคุณเป็นลูกหนี้ สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจก่อนเลยคือ "ยึดทรัพย์" มันไม่ได้เกิดขึ้นทันทีที่คุณค้างชำระหนี้ ทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมาย ไม่ใช่ว่าเจ้าหนี้จะบุกมาที่บ้านแล้วลากข้าวของคุณออกไปได้เลย

การยึดทรัพย์ไม่ใช่การข่มขู่ แต่มันคือมาตรการทางกฎหมายที่ใช้บังคับให้ลูกหนี้จ่ายหนี้ที่ค้างอยู่ ซึ่งมีกฎหมายควบคุมชัดเจน ไม่ใช่ใครจะมายึดของคุณไปก็ได้

 

การยึดทรัพย์ 2025 คืออะไร? กฎหมายใหม่มีผลต่อคุณอย่างไร?

การยึดทรัพย์ถูกควบคุมโดย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 - 331 และมีข้อกำหนดละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถยึดได้ กระบวนการยึด และสิทธิของลูกหนี้

ปี 2025 มีกฎหมายใหม่ที่เริ่มมีผลบังคับใช้เพื่อให้การยึดทรัพย์มีความเป็นธรรมมากขึ้น เช่น

  1. การคุ้มครองเงินเดือนลูกหนี้มากขึ้น – เจ้าหนี้ไม่สามารถอายัดเงินเดือนลูกหนี้จนหมดได้ ต้องเหลือไว้ให้ใช้จ่ายดำรงชีพ
  2. การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินหนีการยึด – ถ้าลูกหนี้พยายามโอนบ้านให้ญาติก่อนถูกยึด ศาลสามารถเพิกถอนการโอนได้
  3. การจัดลำดับความสำคัญของเจ้าหนี้ – เจ้าหนี้บางรายมีสิทธิก่อน เช่น ไฟแนนซ์ที่ปล่อยกู้ซื้อรถยนต์ จะสามารถยึดรถก่อนเจ้าหนี้รายอื่น
  4. การคุ้มครองทรัพย์สินจำเป็น – มีการกำหนดว่าทรัพย์สินบางอย่าง เช่น อุปกรณ์ประกอบอาชีพของลูกหนี้ ไม่สามารถถูกยึดได้

 

ยึดทรัพย์ กับ อายัดทรัพย์ ต่างกันยังไง? อย่าสับสน!

หลายคนยังเข้าใจผิดว่าการ "ยึดทรัพย์" กับ "อายัดทรัพย์" เป็นเรื่องเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วมันแตกต่างกันมาก และมีผลกระทบที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

การยึดทรัพย์ คือ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเข้าควบคุมทรัพย์สินของลูกหนี้ แล้วนำไปขายทอดตลาด เงินที่ได้จากการขายจะถูกนำไปชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ ตัวอย่างเช่น บ้านหรือรถที่ถูกยึดแล้วถูกนำไปขายทอดตลาด

การอายัดทรัพย์ คือ การสั่งห้ามไม่ให้บุคคลที่สามส่งมอบทรัพย์สินให้ลูกหนี้ เช่น การอายัดเงินเดือน ซึ่งหมายความว่า เงินเดือนของลูกหนี้จะถูกหักไปชำระหนี้โดยอัตโนมัติทุกเดือน หรือการอายัดบัญชีธนาคารที่ทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ได้

ถ้าถามว่า อะไรหนักกว่ากัน? แน่นอนว่าการ "ยึดทรัพย์" หนักกว่า เพราะทรัพย์สินของคุณจะถูกนำไปขายเพื่อใช้หนี้ ในขณะที่ "อายัดทรัพย์" ยังเป็นเพียงการกันเงินไว้บางส่วน

 

ใครมีสิทธิ์ยึดทรัพย์คุณ? (แบงก์, ไฟแนนซ์, เจ้านาย ยึดได้หมดไหม?)

ไม่ใช่ทุกคนจะมายึดทรัพย์คุณได้! ต้องมี "คำพิพากษา" จากศาลก่อนถึงจะมีการยึดทรัพย์ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เจ้าหนี้ทุกประเภทจะมีสิทธิ์ยึดทรัพย์เท่ากัน

  1. เจ้าหนี้ที่ปล่อยกู้โดยมีหลักประกัน – เช่น ธนาคารที่ปล่อยกู้ซื้อบ้าน ไฟแนนซ์รถยนต์ บริษัทลีสซิ่ง เจ้าหนี้กลุ่มนี้สามารถยึดทรัพย์ได้ง่ายกว่า เพราะทรัพย์สินนั้นถูกใช้เป็นหลักประกันตั้งแต่แรก
  2. เจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน – เช่น บัตรเครดิต เงินกู้นอกระบบ เจ้าหนี้กลุ่มนี้ต้องไปฟ้องศาลก่อน แล้วรอให้ศาลตัดสิน จากนั้นถึงจะสามารถยึดทรัพย์ลูกหนี้ได้
  3. หน่วยงานของรัฐ – เช่น กรมสรรพากร ถ้าคุณค้างภาษี รัฐมีสิทธิ์อายัดบัญชีคุณได้เลยโดยไม่ต้องฟ้องศาลก่อน

ส่วน เจ้านาย หรือเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ ที่ไม่ได้ฟ้องศาลมาก่อน ไม่มีสิทธิ์ยึดทรัพย์คุณโดยพลการ ถ้าใครอ้างว่า "ฉันเป็นเจ้าหนี้ ขอยึดของแกไปเลย" นั่นคือผิดกฎหมาย

 

เป็นหนี้กี่บาทถึงจะถูกยึดทรัพย์? 10,000 หรือ 1,000,000 ถึงเสี่ยง?

หนี้เท่าไหร่ถึงจะโดนยึด? ไม่มีตัวเลขตายตัวว่าหนี้ต้องมากแค่ไหนถึงจะถูกยึดทรัพย์ เพราะมันขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก

  1. จำนวนหนี้ – แน่นอนว่าถ้าหนี้หลักล้าน โอกาสถูกฟ้องสูง กว่าหนี้หลักหมื่น แต่หนี้แค่ 10,000 บาทก็ถูกฟ้องได้ ถ้าเจ้าหนี้ต้องการ
  2. พฤติกรรมของลูกหนี้ – ถ้าลูกหนี้ไม่มีการติดต่อ ไม่มีการเจรจา ไม่ผ่อนชำระเลย เจ้าหนี้จะมีแนวโน้มฟ้องมากขึ้น

กรณีหนี้ก้อนเล็ก (ต่ำกว่า 100,000 บาท)

  • ส่วนใหญ่เจ้าหนี้จะใช้วิธี โทรทวงหนี้ อายัดบัญชี หรืออายัดเงินเดือน แทนที่จะยึดทรัพย์ เพราะต้นทุนการฟ้องร้องสูง
  • เจ้าหนี้จะพยายามกดดันให้ลูกหนี้จ่าย โดยใช้นิติวิธีที่ไม่ต้องยึดทรัพย์ก่อน

กรณีหนี้ก้อนใหญ่ (มากกว่า 500,000 บาทขึ้นไป)

  • ถ้าลูกหนี้ไม่จ่ายเลยและมีทรัพย์สิน เจ้าหนี้จะยื่นเรื่องขอ "หมายบังคับคดี" และขอยึดทรัพย์สินเพื่อนำไปขายทอดตลาด
  • ทรัพย์สินที่เสี่ยงถูกยึด ได้แก่ บ้าน รถ ที่ดิน และบัญชีเงินฝาก

สิ่งที่คนเป็นหนี้ต้องรู้คือ ยิ่งมีทรัพย์สินมาก ยิ่งเสี่ยงถูกยึด ต่อให้หนี้ไม่เยอะ แต่ถ้าคุณมีบ้าน มีรถ มีเงินเก็บ เจ้าหนี้อาจเลือกใช้วิธียึดทรัพย์แทนการอายัดเงินเดือน

 

อย่าปล่อยให้ถูกยึดทรัพย์! รีบปรึกษาทนายก่อนจะสายเกินไป

หากคุณได้รับหมายศาล อย่านิ่งเฉยเด็ดขาด! คุณยังมีโอกาสเจรจา หรือหาทางออกที่ดีกว่าการถูกยึดทรัพย์

📌 หากคุณต้องการความช่วยเหลือด่วน Legardy มีทนายที่เชี่ยวชาญเรื่องยึดทรัพย์ พร้อมให้คำแนะนำฟรี!

 


 

ถ้าไม่จ่ายหนี้ จะถูกยึดทรัพย์ในกี่วัน? (ยึดทรัพย์ 2025 ใช้เวลากี่วัน?)

การเป็นหนี้แล้วไม่จ่าย ไม่ได้หมายความว่าคุณจะโดนยึดทรัพย์ในทันที ทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปีขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของลูกหนี้แต่ละราย แต่สิ่งที่แน่นอนคือ ยิ่งคุณนิ่งเฉย โอกาสเสียทรัพย์สินก็ยิ่งสูงขึ้น!

ไม่จ่ายหนี้ = โดนยึดเลยไหม? หรือมีเวลาหาทางออก?

ลูกหนี้หลายคนกลัวว่าถ้าตัวเองจ่ายหนี้ไม่ไหวแล้ว จะถูกยึดบ้าน ยึดรถ หรือโดนฟ้องในทันที แต่ความจริงแล้ว กระบวนการทางกฎหมายมีขั้นตอนที่ชัดเจน และลูกหนี้ยังมีโอกาสหาทางออกได้ก่อนจะถึงจุดที่ต้องเสียทรัพย์สิน

ขั้นตอนที่ 1: เจ้าหนี้เริ่มทวงหนี้ (0-3 เดือนแรกหลังค้างชำระ)

ทันทีที่คุณค้างชำระ เจ้าหนี้จะเริ่มติดตามทวงหนี้ ซึ่งอาจเป็น การโทรแจ้ง ส่งข้อความ หรือจดหมายเตือน ในช่วงนี้ เจ้าหนี้ยังไม่มีอำนาจในการดำเนินคดีอะไรกับคุณ คุณยังสามารถเจรจาต่อรองเพื่อผ่อนชำระ หรือปรับโครงสร้างหนี้ได้

ขั้นตอนที่ 2: เจ้าหนี้ส่งหนังสือแจ้งเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร (3-6 เดือนหลังค้างชำระ)

ถ้าคุณยังไม่จ่าย เจ้าหนี้จะเริ่มใช้วิธีที่จริงจังขึ้น เช่น

  • ส่งจดหมายทวงหนี้จากฝ่ายกฎหมาย เพื่อเตือนว่าหากไม่จ่าย จะมีการดำเนินคดี
  • แจ้งข้อมูลให้สำนักงานกฎหมายติดตามหนี้ ซึ่งอาจมีการเสนอเงื่อนไขชำระใหม่ให้คุณ
  • เริ่มกระบวนการฟ้องร้อง ในบางกรณี เจ้าหนี้อาจตัดสินใจฟ้องศาลทันที

ขั้นตอนที่ 3: เจ้าหนี้ฟ้องศาล และศาลออกหมายเรียก (6-12 เดือนหลังค้างชำระ)

ถ้าเจ้าหนี้ตัดสินใจดำเนินคดีจริง คุณจะได้รับ หมายศาล ให้ไปขึ้นศาล หากคุณไม่ไป ศาลอาจตัดสินให้เจ้าหนี้ชนะคดีโดยปริยาย และหากเจ้าหนี้ชนะคดี ก็สามารถขอให้ศาลออกคำสั่งยึดทรัพย์คุณได้

ขั้นตอนที่ 4: ศาลมีคำพิพากษา และออก "หมายบังคับคดี" (หลังจากศาลตัดสิน)

เมื่อศาลมีคำสั่งแล้ว เจ้าหนี้สามารถยื่นคำร้องต่อ กรมบังคับคดี เพื่อให้ดำเนินการยึดทรัพย์สินของคุณ เช่น บ้าน รถ หรือเงินในบัญชี

ขั้นตอนที่ 5: เจ้าพนักงานบังคับคดีเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ (3-6 เดือนหลังจากศาลตัดสิน)

เมื่อมี หมายบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทำ ประกาศแจ้งให้ลูกหนี้รับทราบล่วงหน้า และเข้ายึดทรัพย์สินในเวลาที่กำหนด หากลูกหนี้ยังไม่หาทางแก้ไข ทรัพย์สินจะถูกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาใช้หนี้

สรุปง่ายๆ:

  • ถ้าคุณค้างหนี้และไม่ทำอะไรเลย ใช้เวลาเฉลี่ย 6 เดือน – 1 ปี ก่อนที่กระบวนการยึดทรัพย์จะเริ่มขึ้น
  • ถ้าคุณได้รับหมายศาลแล้ว แต่ยังไม่จ่าย อาจใช้เวลาเพียง 3-6 เดือน ก่อนที่ทรัพย์สินจะถูกยึดจริง
  • หากคุณไปศาลและต่อสู้คดี หรือเจรจาต่อรอง อาจยืดระยะเวลาออกไปได้นานขึ้น

 

ได้รับหมายศาลแล้วต้องทำยังไง? นิ่งเฉย = พังแน่นอน!

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดของลูกหนี้คือ "ได้รับหมายศาลแล้วไม่ไปศาล" เพราะหลายคนคิดว่าไปก็ไม่มีเงินจ่ายอยู่ดี เลยปล่อยเลยตามเลย แต่นั่นคือหายนะ!

ถ้าคุณไม่ไปศาล:

  • ศาลจะถือว่าคุณยอมรับหนี้ทั้งหมด
  • ศาลสามารถตัดสินให้เจ้าหนี้ชนะคดีทันที
  • เจ้าหนี้สามารถใช้คำพิพากษาไปขอ "หมายบังคับคดี" เพื่อยึดทรัพย์ได้เร็วขึ้น

ถ้าคุณไปศาล:

  • คุณอาจขอ "ประนีประนอม" กับเจ้าหนี้ เช่น ขอผ่อนชำระ แทนที่จะถูกยึดทรัพย์
  • คุณสามารถชี้แจงเหตุผลบางอย่างเพื่อขอลดภาระหนี้
  • หากมีข้อผิดพลาดในการคำนวณหนี้ของเจ้าหนี้ คุณสามารถต่อสู้ในศาลได้

อย่านิ่งเฉยกับหมายศาล! ไปศาลเสมอ ไม่ว่าคุณจะมีเงินจ่ายหรือไม่!

 


 

บ้าน รถ เงินเดือน อะไรโดนยึดก่อน? เช็กลำดับขั้นตอน!

ถ้าคุณถูกฟ้อง และศาลมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ เจ้าหนี้จะมีสิทธิ์เลือกทรัพย์สินของคุณเพื่อใช้หนี้ แต่ไม่ใช่ว่าอะไรก็ยึดได้หมด

อันดับ 1: เงินสด และเงินในบัญชีธนาคาร

หากเจ้าหนี้พบว่าคุณมีเงินในบัญชี จะอายัดบัญชีก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด

อันดับ 2: เงินเดือนและรายได้ประจำ

หากคุณทำงานประจำและมีเงินเดือน ศาลสามารถออกคำสั่ง ให้นายจ้างหักเงินเดือนของคุณได้ทันที

อันดับ 3: รถยนต์ หรือทรัพย์สินเคลื่อนที่

รถยนต์มักเป็นเป้าหมายถัดไป โดยเฉพาะถ้าผ่อนหมดแล้ว เพราะเป็นทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดได้ง่าย

อันดับ 4: บ้านและที่ดิน

ถ้าหนี้สูงมาก และคุณมีบ้านที่เป็นชื่อของตัวเอง เจ้าหนี้สามารถขอยึดบ้านและที่ดินเพื่อนำไปขายทอดตลาดได้

อันดับ 5: ของใช้ส่วนตัวและเครื่องใช้ในบ้าน

กฎหมายกำหนดให้ทรัพย์สินบางอย่าง เช่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ในครัวเรือน ไม่สามารถถูกยึดได้ เว้นแต่จะเป็นของที่มีมูลค่าสูงมาก เช่น นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม

 

อย่ารอให้ถูกยึด! ปรึกษาทนายเพื่อหาทางออกก่อนจะสายเกินไป

ถ้าคุณรู้ตัวว่าหนี้กำลังจะถึงจุดที่อันตราย อย่าปล่อยให้มันไปถึงขั้นถูกยึดทรัพย์

  1. ติดต่อเจ้าหนี้เพื่อขอผ่อนชำระหนี้ หรือขอลดดอกเบี้ย
  2. ถ้าได้รับหมายศาล ไปศาลเสมอ และขอเจรจา
  3. ปรึกษาทนายเพื่อดูว่ามีช่องทางป้องกันการยึดทรัพย์หรือไม่

📌 หากคุณต้องการความช่วยเหลือด่วน ทนายจาก Legardy พร้อมช่วยแนะนำทางออกก่อนที่คุณจะเสียทรัพย์สิน!

 


 

ยึดทรัพย์ ยึดอะไรได้บ้าง 2025? รายการทรัพย์สินที่เสี่ยงที่สุด!

การถูกยึดทรัพย์อาจเป็นเรื่องน่ากลัว โดยเฉพาะถ้าคุณไม่รู้ว่า ทรัพย์สินอะไรเสี่ยงที่สุด บางคนเข้าใจผิดคิดว่า "เป็นหนี้ก็แค่ไม่มีเงินจ่าย" แต่จริงๆ แล้ว ถ้าถูกฟ้องและแพ้คดี ทรัพย์สินของคุณอาจถูกนำไปขายทอดตลาด!

และที่สำคัญ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะถูกยึดได้ บางทรัพย์สินได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ลูกหนี้ที่เข้าใจจุดนี้ อาจสามารถรักษาทรัพย์สินบางอย่างไว้ได้ แม้จะถูกยึดทรัพย์ก็ตาม!

 

บ้านและที่ดิน – เป็นชื่อตัวเอง = ถูกยึด, เป็นชื่อพ่อแม่ = ปลอดภัยจริงไหม?

บ้านและที่ดินเป็นทรัพย์สินที่ถูกยึดง่ายที่สุด เพราะเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง และขายทอดตลาดได้ง่าย

ถ้าบ้านเป็นชื่อของคุณโดยตรง

  • ถ้าคุณถูกฟ้องและศาลตัดสินให้ยึดทรัพย์ บ้านของคุณจะถูกนำไปขายทอดตลาด โดยเจ้าพนักงานบังคับคดี
  • หลังจากขายได้ เงินที่ได้จากการขายจะถูกนำไปใช้หนี้ ถ้ามีเงินเหลือหลังจากหักหนี้ เจ้าหนี้ต้องคืนให้ลูกหนี้

ถ้าบ้านเป็นชื่อพ่อแม่ หรือชื่อคนอื่น

  • กฎหมายไทยถือว่า ทรัพย์สินที่ไม่ได้เป็นชื่อของลูกหนี้โดยตรงจะไม่สามารถถูกยึดได้
  • แต่! ถ้าพิสูจน์ได้ว่าคุณโอนบ้านให้พ่อแม่เพื่อหลบหนีการยึดทรัพย์ ศาลสามารถเพิกถอนการโอนทรัพย์ได้!

📌 Insight สำคัญ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ถ้าศาลพบว่าลูกหนี้มีเจตนาโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการยึด การโอนจะถือเป็นโมฆะ และทรัพย์สินจะถูกนำกลับมายึดเพื่อชำระหนี้

 

รถยนต์, มอเตอร์ไซค์ – ยังผ่อนไม่หมด ถูกยึดได้ไหม?

รถยนต์เป็นทรัพย์สินที่ถูกยึดรองลงมาจากบ้าน เพราะขายทอดตลาดได้ง่าย แต่มีเงื่อนไขที่ต้องรู้

ถ้ารถยังผ่อนไม่หมด (ติดไฟแนนซ์อยู่)

  • ไฟแนนซ์มีสิทธิ์ยึดรถคืนก่อนเจ้าหนี้รายอื่น เพราะถือว่าเป็นเจ้าหนี้ที่มีหลักประกัน
  • ไฟแนนซ์สามารถยึดรถคืนได้ โดยไม่ต้องรอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์

ถ้ารถผ่อนหมดแล้ว และเป็นชื่อของลูกหนี้

  • เจ้าหนี้สามารถขอยึดรถของคุณ ผ่านคำสั่งศาลและหมายบังคับคดี
  • รถจะถูกขายทอดตลาด และเงินที่ได้จากการขายจะถูกนำไปใช้หนี้

 

เงินฝากธนาคาร – กฎหมายใหม่ 2025 อายัดเงินในบัญชีได้แค่ไหน?

หลายคนคิดว่า "เอาเงินไปซ่อนในบัญชีธนาคารของคนอื่นก็พอ" แต่จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ทุกบัญชีจะปลอดภัยจากการถูกอายัด!

บัญชีที่สามารถถูกอายัดได้

  • บัญชีเงินฝากของลูกหนี้โดยตรง
  • บัญชีร่วมที่ลูกหนี้ถือครอง (อาจต้องตรวจสอบว่าเงินในบัญชีเป็นของใคร)

บัญชีที่ถูกอายัดไม่ได้ (แต่ต้องมีหลักฐานชัดเจน)

  • บัญชีเงินเดือนที่มีเงินเข้า-ออกเป็นค่าครองชีพ อาจถูกอายัดได้แค่บางส่วน ไม่เกิน 30%
  • บัญชีเงินฝากที่เป็นของบุคคลอื่นอย่างชัดเจน แต่ถ้ามีหลักฐานว่าเป็นเงินของลูกหนี้ที่ฝากไว้กับคนอื่น ศาลอาจมีคำสั่งให้ตรวจสอบและอายัดได้!

📌 Insight สำคัญ: เงินที่อยู่ในบัญชีธนาคารของลูกหนี้ สามารถถูกอายัดได้ง่ายที่สุด เพราะเป็นเงินสดและไม่ต้องขายทอดตลาด

 

เงินเดือน โบนัส – ถูกหักเงินเดือนเท่าไหร่ ถึงจะเหลือใช้?

ข่าวดีสำหรับลูกหนี้คือ กฎหมายไทยมีการคุ้มครองเงินเดือน เจ้าหนี้ไม่สามารถหักเงินเดือนคุณทั้งหมดได้

  • กฎหมายกำหนดให้หักได้สูงสุด 30% ของเงินเดือน เพื่อให้ลูกหนี้ยังมีเงินใช้จ่ายดำรงชีพ
  • ถ้าคุณมีรายได้จากหลายแหล่ง ศาลอาจพิจารณาให้หักรายได้อื่นเพิ่มเติม

 

ทรัพย์สินมีค่า เช่น ทอง นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม – โดนยึดไหม?

ของมีค่าต่างๆ สามารถถูกยึดได้ ถ้าถือเป็นทรัพย์สินที่สามารถขายทอดตลาดได้ง่าย

  • ทองคำ หรือเครื่องประดับมีค่าที่ไม่ได้ใช้เป็นของจำเป็นในการดำรงชีพ สามารถถูกยึดได้
  • นาฬิกาหรู หรือกระเป๋าแบรนด์เนม ที่มีมูลค่าสูงและอยู่ในครอบครองของลูกหนี้ ถือเป็นทรัพย์สินที่ยึดได้

แต่ถ้าเป็นของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น เช่น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องใช้ในบ้านที่ใช้ในชีวิตประจำวัน กฎหมายห้ามยึด

📌 Insight สำคัญ: เจ้าหนี้สามารถร้องขอให้ศาลสั่งตรวจสอบทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ หากสงสัยว่ามีการซ่อนทรัพย์สิน

 

อย่ารอให้ถูกยึด! ถ้าคุณเสี่ยง รีบหาทางออกก่อนจะเสียทรัพย์สินทั้งหมด!

ถ้าคุณรู้ตัวว่าอาจถูกฟ้องและยึดทรัพย์ อย่าปล่อยให้เรื่องถึงจุดที่ทรัพย์สินของคุณต้องถูกขายทอดตลาด!

  1. เจรจากับเจ้าหนี้ก่อนถูกฟ้อง – เจ้าหนี้บางรายยอมลดหนี้หรือขยายระยะเวลาชำระ
  2. ถ้าได้รับหมายศาล ไปศาลเสมอ! – ศาลอาจช่วยให้คุณได้ผ่อนชำระแทนการถูกยึดทรัพย์
  3. ถ้าได้รับหมายบังคับคดี ให้หาทนายช่วยทันที! – ยังมีทางออกก่อนที่จะถูกยึดจริง

📌 หากคุณต้องการคำปรึกษากฎหมาย ทนายของ Legardy พร้อมช่วยให้คุณมีทางออกที่ดีที่สุดก่อนจะเสียทรัพย์สินทั้งหมด!

 


 

ทรัพย์สินที่ไม่ถูกยึด! 2025 อะไรที่เจ้าหน้าที่แตะต้องไม่ได้?

หลายคนที่เป็นหนี้มักกังวลว่า "จะถูกยึดทุกอย่างจนหมดตัวไหม?" คำตอบคือ ไม่! แม้ว่าคุณจะถูกศาลสั่งยึดทรัพย์ แต่กฎหมายยังมีการคุ้มครองทรัพย์สินบางประเภทที่ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของลูกหนี้

ที่สำคัญคือ ไม่ใช่ทุกทรัพย์สินที่เจ้าหนี้หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีสามารถยึดได้ตามใจชอบ มีกฎหมายกำหนดไว้ว่าของบางอย่าง แม้คุณจะเป็นหนี้แค่ไหน ก็ไม่มีใครสามารถแตะต้องมันได้!

 

ทรัพย์สินจำเป็นที่กฎหมายคุ้มครอง – อะไรที่เจ้าหน้าที่ห้ามยึด?

ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 ได้กำหนดไว้ว่ามีทรัพย์สินบางประเภทที่ ไม่สามารถถูกยึดได้ เพื่อให้ลูกหนี้ยังสามารถดำรงชีวิตและทำงานหาเงินชำระหนี้ต่อไป

ทรัพย์สินที่เจ้าหน้าที่บังคับคดียึดไม่ได้ ได้แก่

  1. ที่อยู่อาศัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
    • หากบ้านที่ลูกหนี้อยู่อาศัยเป็น บ้านหลัก ที่ไม่มีที่ไปอื่น กฎหมายจะคุ้มครองไม่ให้ถูกยึดในบางกรณี
    • แต่ถ้าลูกหนี้มี บ้านหลายหลัง หรือเป็นบ้านที่ให้เช่า เจ้าหนี้สามารถขอยึดบ้านที่เป็นทรัพย์สินเพื่อใช้หนี้ได้
  2. เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และของใช้ส่วนตัว
    • กฎหมายกำหนดว่า ของใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตไม่สามารถถูกยึด
    • เช่น เสื้อผ้า รองเท้า ของใช้ในห้องน้ำที่ลูกหนี้ใช้เป็นประจำ
  3. เครื่องมือทำมาหากิน
    • ถ้าคุณเป็นช่างซ่อมรถ คอมพิวเตอร์ของคุณ หรือเครื่องมือช่างที่ใช้ประกอบอาชีพ จะไม่สามารถถูกยึดได้
    • แต่ถ้าเป็นเครื่องมือที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาชีพ เช่น คอมพิวเตอร์เกมมิ่ง อาจถูกยึดได้
  4. สิ่งของที่จำเป็นต่อสุขภาพ
    • รถเข็นคนพิการ อวัยวะเทียม อุปกรณ์ทางการแพทย์ ไม่สามารถถูกยึดได้

 

เครื่องมือประกอบอาชีพ ยึดได้ไหม? (คอมพิวเตอร์, เครื่องมือช่าง)

เครื่องมือที่ใช้ทำงานหาเลี้ยงชีพเป็นของที่กฎหมายคุ้มครอง! เช่น

  • ช่างภาพ = กล้องถ่ายรูปที่ใช้ประกอบอาชีพ
  • โปรแกรมเมอร์ = คอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงาน
  • ช่างไฟฟ้า = เครื่องมือช่างที่จำเป็น

แต่ถ้าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง และไม่ได้จำเป็นต่ออาชีพโดยตรง เจ้าหนี้สามารถร้องขอต่อศาลให้ยึดได้ เช่น คอมพิวเตอร์เกมมิ่งราคาแพง หรือเครื่องดนตรีหรู

 

เงินช่วยเหลือจากรัฐ, เงินบำนาญ โดนยึดได้หรือเปล่า?

กฎหมายคุ้มครอง เงินที่มาจากรัฐ เช่น

  • เงินช่วยเหลือคนชรา
  • เงินสงเคราะห์ผู้พิการ
  • เงินบำนาญของข้าราชการ
  • เงินกองทุนประกันสังคม

เงินเหล่านี้เป็นเงินที่รัฐให้เพื่อช่วยเหลือประชาชน จึงไม่สามารถถูกยึดเพื่อใช้หนี้ได้!

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณนำเงินเหล่านี้ไปฝากไว้ในบัญชีธนาคาร และไม่ได้แยกบัญชีชัดเจน เจ้าหนี้อาจร้องขอให้ศาลอายัดบัญชีได้!

 

บ้านพ่อแม่ ลูกเป็นหนี้ = ถูกยึดได้ไหม? (เรื่องที่หลายคนเข้าใจผิด!)

ถ้าบ้านเป็นชื่อพ่อแม่ของลูกหนี้ จะถูกยึดได้หรือไม่? คำตอบคือ ไม่ได้! ถ้าทรัพย์สินไม่ได้อยู่ในชื่อของลูกหนี้โดยตรง ศาลไม่สามารถสั่งให้ยึดบ้านของพ่อแม่ได้

แต่! มีข้อยกเว้น

  • ถ้าลูกหนี้เพิ่งโอนบ้านให้พ่อแม่ ก่อนถูกฟ้องศาลไม่นาน และเจ้าหนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นการโอนเพื่อหลบหนีการยึดทรัพย์ ศาลสามารถเพิกถอนการโอน และยึดทรัพย์กลับคืนมาได้
  • ถ้าพ่อแม่รับโอนทรัพย์สิน โดยไม่มีหลักฐานว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่แท้จริง ศาลสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้

📌 Insight สำคัญ: ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 หากพบว่ามีการโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ศาลมีอำนาจเพิกถอนการโอน และสั่งยึดทรัพย์คืนเข้าสู่คดีได้!

 

อย่าหลงเชื่อข่าวลือ! ทรัพย์สินบางอย่างเจ้าหนี้แตะไม่ได้ 100%

แม้ว่าคุณจะเป็นหนี้ และถูกศาลสั่งยึดทรัพย์ แต่กฎหมายยังมีมาตรการคุ้มครองคุณบางส่วน ทรัพย์สินที่คุณยังสามารถรักษาไว้ได้แน่นอน คือ

  1. ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น เช่น เสื้อผ้า ของใช้ในชีวิตประจำวัน
  2. เครื่องมือทำมาหากิน เช่น อุปกรณ์ทำงานที่ใช้หาเงิน
  3. เงินช่วยเหลือจากรัฐ ที่เป็นสวัสดิการพื้นฐาน

หากเจ้าหนี้ข่มขู่ว่าจะมายึดทรัพย์สินที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ให้รีบปรึกษาทนายทันที!

 

ปรึกษาทนายเพื่อป้องกันไม่ให้เสียทรัพย์สินที่คุณควรได้รับการคุ้มครอง!

ถ้าคุณกำลังถูกฟ้อง หรือกำลังจะถูกยึดทรัพย์ อย่ารอให้เรื่องแย่ลงจนแก้ไขอะไรไม่ได้!

  • หากได้รับหมายศาล ต้องไปขึ้นศาล และอธิบายต่อศาลว่าคุณมีทรัพย์สินอะไรที่ไม่สามารถถูกยึดได้
  • หากเจ้าหนี้พยายามข่มขู่ หรือเรียกร้องให้คุณยอมยกทรัพย์สินโดยไม่มีคำสั่งศาล คุณมีสิทธิ์ปกป้องตัวเอง!
  • ปรึกษาทนายความเพื่อดูว่าทรัพย์สินใดที่คุณสามารถต่อสู้ทางกฎหมายได้ และต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง

📌 หากคุณต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ Legardy มีทนายที่สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ และช่วยคุณปกป้องทรัพย์สินที่คุณมีสิทธิ์ได้รับการคุ้มครอง!

 

 

โอนทรัพย์สินหนีการยึด – ทำได้จริงหรือผิดกฎหมาย?

เมื่อเริ่มมีปัญหาหนี้สิน คนจำนวนไม่น้อยเลือกใช้วิธี "โอนทรัพย์สินให้คนอื่น" เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกยึด โดยเฉพาะกรณีที่บ้าน ที่ดิน หรือรถยนต์ยังเป็นชื่อของลูกหนี้อยู่ หลายคนคิดว่า "ถ้ารีบโอนให้พ่อแม่หรือลูก จะรอดจากการถูกยึด"

แต่รู้หรือไม่ว่า? ถ้าศาลตรวจพบว่าคุณโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการยึด อาจเจอโทษหนักกว่าเดิม!

 

โอนบ้านให้พ่อแม่ก่อนถูกยึด = รอด หรือผิดกฎหมาย?

กรณีที่ 1: โอนก่อนถูกฟ้อง – ศาลอาจสงสัย แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน
ถ้าคุณโอนบ้านให้พ่อแม่ หรือโอนที่ดินให้ญาติก่อนที่เจ้าหนี้จะเริ่มดำเนินคดี โอกาสถูกตรวจสอบยังมีน้อย แต่ถ้าโอนใกล้ช่วงเวลาที่คุณค้างหนี้และมีคดีความ ศาลอาจตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการโอนหนีหนี้

กรณีที่ 2: โอนหลังจากถูกฟ้อง – เสี่ยงถูกเพิกถอนทรัพย์สินกลับคืน
ถ้าคุณได้รับหมายศาลแล้ว และโอนทรัพย์สินหลังจากนั้น ศาลสามารถสั่งเพิกถอนการโอนได้ เพราะถือว่าเป็นการกระทำเพื่อหลบเลี่ยงหนี้

📌 Insight กฎหมาย: ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
หากเจ้าหนี้พิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้โอนทรัพย์สินไปให้บุคคลอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้ ศาลสามารถสั่งให้การโอนเป็นโมฆะ และนำทรัพย์สินกลับมายึดได้

 

เปลี่ยนชื่อเจ้าของรถเพื่อหนีการยึด = เสี่ยงโดนฟ้องไหม?

รถยนต์เป็นทรัพย์สินที่ถูกยึดบ่อยที่สุดรองจากบ้าน เพราะเป็นทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดได้ง่าย คนที่กลัวว่ารถจะถูกยึด มักรีบโอนรถให้คนอื่น เช่น ให้พ่อแม่ ลูก หรือภรรยา

แต่กฎหมายไทย ให้สิทธิ์เจ้าหนี้สามารถขอให้ศาลตรวจสอบย้อนหลังได้

โอนรถแบบไหนที่เสี่ยงถูกเพิกถอน?

  1. โอนให้ญาติใกล้ชิด เช่น พ่อแม่ คู่สมรส หรือบุตร ก่อนหรือระหว่างการถูกฟ้อง
  2. โอนในราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมากเกินไป เช่น รถมูลค่า 500,000 บาท แต่โอนขายแค่ 50,000 บาท
  3. โอนแบบไม่มีเอกสารการซื้อขายจริง

ถ้าถูกจับได้ว่าโอนหนีหนี้ มีบทลงโทษอะไร?

  • ศาลสามารถ สั่งเพิกถอนการโอน และนำรถกลับมายึดได้
  • ลูกหนี้อาจถูกฟ้องในข้อหา "ฉ้อฉล" ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
  • ในบางกรณี หากพบว่าเป็นการร่วมมือกัน ผู้รับโอนอาจมีความผิดฐานช่วยเหลือการฉ้อโกงเจ้าหนี้!

 

ซ่อนเงินในบัญชีคนอื่น = เจ้าหนี้หาทางยึดคืนได้หรือไม่?

หลายคนคิดว่า "ถ้าถอนเงินออกจากบัญชีตัวเอง แล้วฝากไว้ในบัญชีของพ่อแม่หรือภรรยา เจ้าหนี้จะยึดไม่ได้" แต่นี่เป็นความเข้าใจผิด!

ศาลสามารถตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางบัญชีได้!

  • ถ้าศาลพบว่า คุณมีพฤติกรรมถอนเงินออกจากบัญชีตัวเอง แล้วโอนไปยังบัญชีของบุคคลอื่นโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม เจ้าหนี้สามารถขอให้ศาลสั่งตรวจสอบเส้นทางการเงินของคุณได้
  • กฎหมายไทยมีมาตรการ "อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง" ถ้าพบว่าคุณนำเงินไปซ่อนในบัญชีของคนอื่น

อะไรที่ทำให้ศาลสงสัยว่าคุณซ่อนเงิน?

  • มีการโอนเงินจำนวนมากออกจากบัญชีหลักไปยังบัญชีของบุคคลอื่น ในช่วงที่ถูกฟ้องร้อง
  • บัญชีที่เคยไม่ค่อยมีเงินเข้า-ออก แต่จู่ๆ มีเงินเข้าก้อนใหญ่
  • มีการถอนเงินออกไปเป็นเงินสดจำนวนมาก โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน

📌 Insight สำคัญ: ถ้าศาลสั่งให้เปิดเผยข้อมูลบัญชี และพบว่าคุณจงใจซ่อนเงิน คนที่ถือบัญชีนั้นแทนคุณ อาจถูกดำเนินคดีฐานให้ความช่วยเหลือในการฉ้อโกง!

 

การโอนทรัพย์สินแบบไหนที่ปลอดภัย และไม่ผิดกฎหมาย?

ถ้าคุณต้องการโอนทรัพย์สินให้บุคคลอื่น แต่ไม่อยากเสี่ยงถูกเพิกถอน มีวิธีที่สามารถทำได้ถูกต้องตามกฎหมาย

  1. โอนทรัพย์สินก่อนที่จะเกิดปัญหาหนี้สิน
    • ถ้าคุณโอนทรัพย์สินล่วงหน้าก่อนที่เจ้าหนี้จะเริ่มดำเนินคดี การโอนจะไม่ถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงหนี้
  2. มีหลักฐานการซื้อขายจริง และราคาสมเหตุสมผล
    • ถ้าคุณขายทรัพย์สินให้บุคคลอื่น ควรมีหลักฐานการซื้อขาย และราคาควรเป็นไปตามราคาตลาด
  3. โอนทรัพย์สินให้กับคนที่ไม่ใช่เครือญาติ หรือผู้ใกล้ชิด
    • หากต้องการโอนจริงๆ การโอนให้บุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงจะลดความเสี่ยงที่ศาลจะสงสัยว่าคุณโอนหนีหนี้

 

อย่าเสี่ยงทำผิดกฎหมาย! ถ้าอยากปกป้องทรัพย์สิน ให้ใช้วิธีที่ถูกต้อง

อย่าคิดว่าเจ้าหนี้จับไม่ได้! เพราะปัจจุบัน ศาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการตรวจสอบทรัพย์สินย้อนหลังได้ถึง 5-10 ปี ถ้าพบว่ามีการโอนทรัพย์สินแบบไม่ชอบมาพากล เจ้าหนี้สามารถฟ้องร้องขอคืนทรัพย์สินได้

ถ้าคุณต้องการป้องกันไม่ให้ถูกยึดทรัพย์ ให้เลือกวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น

  • การปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้แทนการโอนทรัพย์สิน
  • การให้ทนายช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ แทนที่จะหาทางหนีหนี้ผิดกฎหมาย

📌 หากคุณมีข้อสงสัยเรื่องการโอนทรัพย์สิน และต้องการให้แน่ใจว่าคุณทำถูกต้องตามกฎหมาย ทนายของ Legardy พร้อมให้คำแนะนำเพื่อปกป้องสิทธิของคุณ!

 


 

วิธีป้องกันไม่ให้ถูกยึดทรัพย์ 2025 – ทำยังไงให้รอด?

ยึดทรัพย์ ยึดอะไรได้บ้าง 2025 – เช็กด่วน! ทรัพย์สินอะไรเสี่ยงโดนยึด (3).png

ถ้าคุณกำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สิน อย่ารอให้ทุกอย่างสายเกินไปจนถึงขั้นถูกยึดทรัพย์! เพราะแม้ว่ากฎหมายจะเปิดช่องให้เจ้าหนี้สามารถยึดทรัพย์ของลูกหนี้ได้ แต่ก็มี "วิธีป้องกัน" ที่สามารถใช้เพื่อลดความเสี่ยง หรือเลี่ยงไม่ให้ถูกยึดทรัพย์โดยชอบธรรม

ในบทนี้ เราจะมาดูกันว่า คุณสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อปกป้องทรัพย์สินของตัวเอง? รวมถึง วิธีที่ถูกกฎหมายที่ช่วยให้คุณไม่ต้องเสียบ้าน รถ หรือเงินในบัญชีไปให้เจ้าหนี้!

 

วิธีคัดค้านการยึดทรัพย์ ต้องทำตอนไหน และยื่นเรื่องที่ไหน?

หากคุณได้รับ "หมายบังคับคดี" ที่ระบุว่าศาลสั่งให้ยึดทรัพย์ของคุณ อย่าพึ่งตกใจ เพราะคุณยังสามารถคัดค้านได้!

1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการยึดทรัพย์เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

  • มีบางกรณีที่เจ้าหนี้ดำเนินการยึดทรัพย์ผิดพลาด เช่น ยึดทรัพย์ที่ไม่ใช่ของลูกหนี้ หรือยึดทรัพย์ที่กฎหมายคุ้มครอง
  • หากคุณพบว่ามีข้อผิดพลาด คุณสามารถ ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลภายใน 15 วันหลังได้รับหมายบังคับคดี

2. ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอ "ผ่อนผันการยึดทรัพย์"

  • หากคุณไม่มีทรัพย์สินอื่น และทรัพย์สินที่กำลังจะถูกยึดเป็นทรัพย์สินจำเป็น ศาลอาจพิจารณาให้ผ่อนผัน
  • วิธีนี้ใช้ได้ดีหากทรัพย์สินนั้นเป็นบ้านที่อยู่อาศัยหลัก หรือทรัพย์สินที่ใช้ประกอบอาชีพ

3. ใช้สิทธิ์ขอไกล่เกลี่ย หรือขอชำระหนี้เป็นงวดแทนการถูกยึด

  • ในบางกรณี คุณสามารถขอให้ศาลไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้เพื่อให้คุณสามารถผ่อนจ่ายหนี้เป็นงวด แทนที่จะถูกยึดทรัพย์ไปขายทอดตลาด

📌 Insight สำคัญ: หากคุณต้องการคัดค้านการยึดทรัพย์ ควรมีทนายช่วยยื่นคำร้องต่อศาล เพราะการคัดค้านต้องใช้เหตุผลทางกฎหมายที่ชัดเจน ทนายของ Legardy พร้อมช่วยให้คำแนะนำเพื่อให้คุณมีโอกาสรอดจากการถูกยึดทรัพย์!

 

ขอเจรจากับเจ้าหนี้ก่อนถูกยึด – มีโอกาสรอดหรือไม่?

หลายคนคิดว่า "ถูกฟ้องแล้วก็ต้องจ่ายอย่างเดียว ไม่มีทางเลือก" แต่จริงๆ แล้ว "การเจรจา" อาจเป็นวิธีที่ดีกว่าการปล่อยให้เจ้าหนี้ยึดทรัพย์ไปขายทอดตลาด

ทำไมการเจรจาจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า?

  1. การขายทอดตลาดมักได้เงินน้อยกว่ามูลค่าจริงของทรัพย์สิน – เจ้าหนี้เองก็ไม่อยากขายบ้านคุณในราคาต่ำเกินไป ดังนั้น ถ้าคุณเสนอเงื่อนไขผ่อนชำระ เจ้าหนี้อาจยอมรับ
  2. เจ้าหนี้บางรายต้องการเงินสดมากกว่าการได้ทรัพย์สิน – ถ้าคุณสามารถหาเงินก้อนมาจ่ายบางส่วน อาจสามารถขอผ่อนจ่ายที่เหลือได้
  3. การถูกยึดทรัพย์มีผลต่อเครดิตของคุณ – หากคุณถูกยึดทรัพย์หรือถูกฟ้องเป็นคดีแพ่ง มันจะส่งผลกระทบต่อประวัติเครดิตของคุณในอนาคต

วิธีการเจรจากับเจ้าหนี้ให้ได้ผล

  1. ติดต่อเจ้าหนี้ทันทีที่รู้ว่าตัวเองจ่ายหนี้ไม่ไหว
  2. เสนอขอชำระหนี้แบบใหม่ เช่น ลดดอกเบี้ย หรือผ่อนยาวขึ้น
  3. หากเจ้าหนี้ไม่ยอม ให้ลองขอความช่วยเหลือจากทนายหรือหน่วยงานไกล่เกลี่ย

📌 หากคุณต้องการให้การเจรจากับเจ้าหนี้ได้ผล ทนายของ Legardy สามารถช่วยคุณไกล่เกลี่ย และหาทางออกที่ดีที่สุด!

 

ถูกขายทอดตลาดแล้ว = หมดตัวเลย หรือยังมีโอกาสกู้คืน?

หากทรัพย์สินของคุณถูกขายทอดตลาดไปแล้ว หมายความว่าคุณหมดสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นเลยหรือไม่? คำตอบคือ ยังมีโอกาสกู้คืน!

1. ขอใช้สิทธิ์ซื้อคืนทรัพย์สิน

  • หากทรัพย์สินของคุณกำลังจะถูกขายทอดตลาด คุณสามารถใช้สิทธิ์ในการซื้อคืนได้ก่อนที่ทรัพย์สินจะถูกขายให้บุคคลภายนอก
  • คุณต้องชำระเงินตามมูลค่าที่ศาลกำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด

2. ตรวจสอบว่าการขายทอดตลาดถูกต้องหรือไม่

  • มีบางกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยไม่เป็นธรรม เช่น ขายทรัพย์ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดอย่างมาก หรือมีความผิดพลาดในการประเมินทรัพย์สิน
  • หากคุณพบข้อผิดพลาด คุณสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้

3. ฟ้องร้องขอคืนทรัพย์สิน หากพบว่าการยึดทรัพย์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

  • ในบางกรณี ศาลอาจพิจารณาให้ลูกหนี้สามารถเรียกคืนทรัพย์สิน หากพบว่าเจ้าหนี้กระทำผิดขั้นตอนทางกฎหมาย

📌 หากคุณกำลังเผชิญปัญหานี้ ทนายของ Legardy สามารถช่วยคุณตรวจสอบว่าคุณยังมีโอกาสได้ทรัพย์สินคืนหรือไม่!

 

อย่ารอจนสายเกินไป! ป้องกันตั้งแต่วันนี้ ก่อนจะถูกยึดทรัพย์

สิ่งที่คุณควรทำทันที เพื่อไม่ให้ถูกยึดทรัพย์ คือ

  1. เช็กสถานะหนี้ของตัวเอง ว่ามีโอกาสถูกฟ้องหรือไม่
  2. หากเริ่มมีปัญหาทางการเงิน รีบเจรจากับเจ้าหนี้ก่อนถูกฟ้อง
  3. ถ้าได้รับหมายศาล ต้องไปขึ้นศาลเสมอ!
  4. หากเริ่มเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี ให้ปรึกษาทนายทันที

การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข! หากคุณรู้ตัวว่ากำลังจะถูกฟ้อง หรือเสี่ยงที่จะถูกยึดทรัพย์ อย่ารอให้เจ้าหนี้มาถึงหน้าบ้านก่อน! รีบหาทางออกตั้งแต่วันนี้

📌 หากคุณต้องการคำแนะนำ ทนายของ Legardy พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องกฎหมายการยึดทรัพย์ฟรี!

 


 

ทำยังไงให้ไม่โดนยึดทรัพย์ 2025?

การถูกยึดทรัพย์ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นแค่กับคนที่ "ไม่มีเงิน" เท่านั้น แต่มันเกิดขึ้นกับ ทุกคนที่ไม่รู้วิธีป้องกันตัวเองและจัดการหนี้อย่างถูกต้อง ถ้าคุณกำลังมีหนี้ หรือกังวลว่าทรัพย์สินของตัวเองจะถูกยึด นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำทันที!

 

3 สิ่งที่ต้องทำทันที ถ้ารู้ตัวว่าเสี่ยงถูกยึด!

1. หยุดนิ่งเฉย! เช็กสถานะหนี้ของตัวเองก่อน

  • ถ้าคุณเป็นหนี้ แต่ยังไม่ถูกฟ้อง ให้รีบติดต่อเจ้าหนี้เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้
  • ถ้าคุณถูกฟ้องแล้ว อย่าปล่อยให้ศาลตัดสินโดยที่คุณไม่ไปขึ้นศาล
  • ถ้าได้รับหมายบังคับคดีแล้ว ให้รีบตรวจสอบว่ามีทรัพย์สินอะไรที่เสี่ยงจะถูกยึด

2. ถ้าได้รับหมายศาล ให้ไปขึ้นศาลเสมอ!

  • การไม่ไปศาล = โอกาสเสียทรัพย์สินสูงขึ้นหลายเท่า
  • คุณสามารถต่อรองขอลดหนี้ หรือขอให้ศาลพิจารณาผ่อนชำระแทนการยึดทรัพย์
  • ศาลอาจมีคำสั่งให้คุณชำระหนี้แบบที่ไม่กระทบชีวิตคุณมากเกินไป

3. ปรึกษาทนาย หรือหน่วยงานให้ความช่วยเหลือ ก่อนที่จะเสียทุกอย่าง

  • ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าต้องทำยังไง ทนายสามารถช่วยคุณวางแผนปกป้องทรัพย์สินได้
  • อย่ารอให้ทุกอย่างสายเกินไป จนศาลสั่งให้ยึดทรัพย์แล้วค่อยหาทางออก

📌 หากคุณต้องการคำแนะนำด่วน ทนายของ Legardy พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อช่วยให้คุณรอดจากการถูกยึดทรัพย์!

 

วิธีป้องกันตัวเองจากการถูกยึดทรัพย์ในอนาคต

ถ้าคุณไม่อยากต้องมานั่งกังวลว่าจะถูกยึดทรัพย์อีก ต้องเริ่มวางแผนการเงินและภาระหนี้ของตัวเองตั้งแต่วันนี้!

1. อย่าเป็นหนี้เกินตัว – จัดการรายจ่ายให้ดี

  • ถ้าคุณเริ่มมีหนี้สินที่เกินกว่าที่จะจ่ายไหว ต้องรีบหาทางลดภาระหนี้โดยเร็วที่สุด
  • ไม่ควรใช้หนี้ใหม่มาปิดหนี้เก่า เพราะอาจทำให้คุณติดหนี้แบบไม่มีทางจบ

2. ถ้าจำเป็นต้องกู้เงิน ให้เลือกเจ้าหนี้ที่เป็นทางการ

  • อย่ากู้เงินนอกระบบเด็ดขาด! เพราะนอกจากจะเสี่ยงถูกฟ้องแล้ว ยังอาจถูกข่มขู่ คุกคาม
  • เลือกสถาบันการเงินที่มีมาตรฐาน และอ่านเงื่อนไขสัญญาให้ละเอียดก่อนเซ็น

3. หากเริ่มมีปัญหาหนี้สิน ให้รีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะสายเกินไป

  • การเจรจากับเจ้าหนี้เร็วๆ อาจช่วยให้คุณลดดอกเบี้ย หรือปรับโครงสร้างหนี้ได้
  • หากคุณได้รับหมายศาล หรือหมายบังคับคดี อย่าปล่อยผ่าน! ต้องหาทางต่อสู้ทันที

 

เป็นหนี้แบบไหน ถึงจะปลอดภัยจากการถูกยึดทรัพย์?

ไม่มีหนี้ไหนที่ปลอดภัย 100% แต่หากคุณมีหนี้ที่จัดการได้ และมีทรัพย์สินที่ไม่ถูกยึดได้ง่าย คุณอาจสามารถหลีกเลี่ยงการถูกบังคับคดีได้

1. หนี้ที่มีหลักประกัน (แต่ยังผ่อนไม่หมด)

  • หากคุณยังผ่อนบ้าน หรือรถยนต์กับไฟแนนซ์อยู่ ไฟแนนซ์มีสิทธิ์ยึดทรัพย์สินก่อนเจ้าหนี้รายอื่น
  • ถ้าคุณถูกฟ้องจากเจ้าหนี้บัตรเครดิตหรือเงินกู้รายอื่น ทรัพย์สินที่ยังติดไฟแนนซ์จะปลอดภัยกว่า

2. หนี้ที่สามารถเจรจาผ่อนชำระได้

  • หนี้ที่มาจากสินเชื่อส่วนบุคคล หรือหนี้บัตรเครดิต มักสามารถขอปรับโครงสร้างหนี้ได้
  • ถ้าคุณขอปรับโครงสร้างหนี้ก่อนถูกฟ้อง อาจรอดจากการถูกยึดทรัพย์ได้

3. มีทรัพย์สินที่กฎหมายคุ้มครอง

  • ทรัพย์สินบางอย่าง เช่น อุปกรณ์ทำมาหากิน เงินช่วยเหลือจากรัฐ หรือเครื่องใช้ส่วนตัว กฎหมายห้ามยึด
  • ถ้าคุณรู้ว่าทรัพย์สินไหนปลอดภัย คุณจะสามารถวางแผนการเงินให้รอดพ้นจากการยึดได้

📌 หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับหนี้และการยึดทรัพย์ ทนายของ Legardy พร้อมช่วยให้คำปรึกษาเพื่อให้คุณมีแผนรับมือที่ดีที่สุด!

ปุ่มอ่านเพิ่มเติม
ปรึกษาทนายกับ Legardy ฟรี ปรึกษาเลย

อย่าปล่อยให้หนี้ทำลายชีวิตคุณ! ถ้าคุณยังมีทางเลือก รีบใช้มันก่อนจะสายเกินไป

หนี้สินไม่ใช่จุดจบของชีวิต แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนสูญเสียทุกอย่าง คือ การไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรเมื่อถูกฟ้องหรือถูกบังคับคดี

  1. อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกฟ้องโดยไม่ทำอะไรเลย – การต่อสู้คดี หรือการขอไกล่เกลี่ย อาจช่วยให้คุณรอดจากการถูกยึดทรัพย์
  2. อย่าปล่อยให้ตัวเองหมดตัว เพราะความกลัว – มีหลายทางออกที่คุณสามารถใช้ได้ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ หรือการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย
  3. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเสมอ หากคุณไม่มั่นใจ – การได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณมีโอกาสรักษาทรัพย์สินของตัวเองได้

📌 Legardy พร้อมช่วยให้คุณหาทางออก! อย่ารอจนทุกอย่างสายเกินไป รีบปรึกษาทนายก่อนที่คุณจะเสียทรัพย์สินทั้งหมด!

 

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
sanook ข่าวสด มติชน spring
cta
ปรึกษาทนาย 24 ชั่วโมง
“ ได้รับคำตอบทันที ! “
ติดต่อเราทาง LINE