“มาตรา 42 หรือ มาตรา 42 อาญา คืออะไร?
“มาตรา 42 ” หรือ “มาตรา 42 อาญา” คือหนึ่งในมาตราของประมวลกฎหมายอาญา
ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ในการคำนวณระยะเวลากักกัน ให้นับวันที่ศาลพิพากษาเป็นวันเริ่มกักกัน แต่ถ้ายังมีโทษจำคุกหรือกักขังที่ผู้ต้องกักกันนั้นจะต้องรับอยู่ก็ให้จำคุกหรือกักขังเสียก่อน และให้นับวันถัดจากวันที่พ้นโทษจำคุกหรือพ้นจากกักขังเป็นวันเริ่มกักกัน
ระยะเวลากักกัน และการปล่อยตัวผู้ถูกกักกัน ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๒๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม”
3 ตัวอย่างจริงของการใช้ “มาตรา 42” หรือ “มาตรา 42 อาญา” ในประเทศไทย
1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2510
ฟ้องขอให้กักกันหาใช่ฟ้องเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยเพื่อให้ศาลลงโทษตามความผิดไม่ จึงไม่ต้องระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ และแม้จะมิได้บรรยายว่าโจทก์ฟ้องคดีอันเป็นมูลให้เกิดอำนาจฟ้องขอให้กักกันวันเดือนปีใด ไม่อาจทราบว่าภายในอายุความหรือไม่ก็ตาม เมื่อคดีนั้นเป็นคดีของศาลชั้นต้นโจทก์ได้ระบุอ้างเป็นพยานไว้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะเอาสำนวนคดีนั้นมา ตรวจดูได้
2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2510
ฟ้องขอให้กักกัน หาใช่ฟ้องเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยเพื่อให้ศาลลงโทษตามความผิดไม่ จึงไม่ต้องระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ และแม้จะมิได้บรรยายว่าโจทก์ฟ้องคดีอันเป็นมูลให้เกิดอำนาจฟ้องขอให้กักกันวันเดือนปีใด ไม่อาจทราบว่าภายในอายุความหรือไม่ก็ตาม เมื่อคดีนั้นเป็นคดีของศาลชั้นต้น โจทก์ได้ระบุอ้างเป็นพยานไว้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะเอาสำนวนคดีนั้นมาตรวจดูได้
3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2493
ครั้งแรกจำเลยต้องโทษฐานทำร้ายร่างกาย ตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 254 ศาลจำคุก 15 วัน ปรับ 20 บาท โทษจำคุกรอการลงอาญาไว้ครั้งที่สอง ต้องโทษฐานชิงทรัพย์แต่หลบหนีการควบคุม มากระทำผิดฐานชิงทรัพย์อีกเป็นครั้งที่สามได้ยกเอาโทษจำคุกที่รอไว้ในครั้งแรกมาลงแก่จำเลยด้วย แต่จำเลยก็ยังไม่ได้พ้นจากโทษจำคุกนั้นไปจึงจะเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 72 ในความผิดครั้งที่สามไม่ได้