“มาตรา 134 หรือ มาตรา 134 อาญา คืออะไร?
“มาตรา 134 ” หรือ “มาตรา 134 อาญา” คือหนึ่งในมาตราของประมวลกฎหมายอาญา
ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายผู้แทนรัฐต่างประเทศซึ่งได้รับแต่งตั้งให้มาสู่พระราชสำนัก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]”
ค้นหาคำปรึกษาจริง, บทความเพิ่มเติมเรื่อง "หมิ่นประมาท" ได้ที่นี่ คลิกเลย !
3 ตัวอย่างจริงของการใช้ “มาตรา 134” หรือ “มาตรา 134 อาญา” ในประเทศไทย
1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6098/2531
กรณีที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยหมิ่นประมาทอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี นั้น บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลย คือ อิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี มิใช่โจทก์ แม้โจทก์จะเคารพหรือนับถือเทิดทูนอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี ก็เป็นความผูกพันทางจิตใจของโจทก์ ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างบุคคล จะถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายด้วยไม่ได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามความหมายที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) แม้โจทก์ได้รับแต่งตั้งเป็นอุปทูตฝ่ายวัฒนธรรมของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านประจำประเทศไทย ก็มีผลเพียงทำให้โจทก์เป็นตัวแทนของรัฐดังกล่าว ไม่มีผลทำให้เป็นตัวแทนของอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี เมื่อโจทก์มิได้เป็นผู้เสียหายและมิได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง
2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2507
หนังสือที่บุคคลคนหนึ่งทำขึ้น บุคคลนั้นก็ชอบที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างใดได้ก่อนส่งมอบให้บุคคลอื่นไป แม้บุคคลนั้นจะได้ตัดทอนหนังสือนั้นเสียบางส่วน ก็เป็นการกระทำที่ไม่อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้ใด อันจะเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร หรือใช้เอกสารปลอมได้
ในชั้นฎีกา ศาลส่งสำเนาฎีกาให้แก่จำเลยไม่ได้ โจทก์ยืนยืนว่าจำเลยแกล้งหลบตัวไม่รับหมายและสำเนาฎีกาด้วยเจตนา ศาลชั้นต้นย่อมส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไป
3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2501
ตามฟ้องโจทก์ได้กล่าวบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดฯลฯ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนข้อเขียนของจำเลยที่หาว่าดูหมิ่นนายแม๊ควัลโดบิชอบซึ่งเขียนลงในหนังสือพิมพ์ก็ได้คัดมาลงไว้โดยบริบูรณ์ซึ่งเมื่ออ่านตามข้อเขียนของจำเลยโดยตลอดแล้วมีข้อความพอที่จะให้สามัญชนเข้าใจได้ว่าเป็นการว่านายบิชอบเป็นกุ๊ย ซึ่งโจทก์หาว่าเป็นการดูหมิ่นนายบิชอบเช่นนี้ ต้องถือว่าตามฟ้องที่โจทก์กล่าวบรรยายมานั้น พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว เป็นฟ้องอันสมบูรณ์ตามกฎหมาย(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2501)