Q: เรียกร้องค่าดูบุตรจากฝ่ายชาย

ตอนนี้ดิฉันกำลังตั้งท้องค่ะคือก่อนตั้งท้องดิฉันได้คบกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีแฟนและทางเราคบกันจนเราท้องเราท้องมา เค้ารักและดูแลเราดีมาตลอดในสิ่งที่เขาพอจะจะทำให้เราได้ ทางฝ่ายชายบอกว่า ให้เราออกจากงานและจะเลี้ยงดูเราแต่ประมาณเดือนกันยายนพอลูกในท้องโตได้ 5-6 เดือนมีผู้หญิงคนนึงหรือในนามแฟนอีกคนที่ทำธุรกิจกับแฟนเราได้ออกมาเปิดเผยความจริงว่าเค้าไม่ได้เลิกกันและเขาก็อยู่ด้วยกันซึ่งเราตั้งท้องอยู่ณตอนนี้ทางฝ่ายชายไม่สามารถมาอยู่ดูแลเราได้ ผู้หญิงฝ่ายนั้นก็ยืนยันว่ายังจะคบต่อแต่เราอุ้มลูกของเค้า ดิฉันจึงอยากมาสอบถามว่าเราควรเรียกร้องค่าเสียหายไหมและเราควรได้เงินเท่าไหร่ เพราะลูกคนนี้ ฝ่ายชายเป็นพ่อของเด็กจริงๆค่ะ คือตอนนี้มันกระจ่างแล้วค่ะเหมือนเราโดนหลอกมาตั้งแต่เราคบกัน ผู้หญิงคนนั้นที่คบกับแฟนเรามาทางฝ่ายชายบอกว่าเค้าต้องอยู่เพื่อธุรกิจและเงินค่ะเราก็เข้าใจในส่วนนั้นมาตลอดแต่จริงๆแล้วมันไม่จริงเลยค่ะคือเค้าอยู่ด้วยกันแบบกินอยู่ด้วยกันทางฝ่ายหญิงฝั่งนั้นและทางผู้ชายไม่ได้จดทะเบียนกันค่ะแต่ว่าคบกันมายาวนานประมาณ 8 ปี และมีช่วงนึงที่ทั้ง 2 เลิกกัน และมีเรา แต่ 2 คนนี้กลับไปครบกัน ซึ่งเราไม่รู้มาก่อน ตอนนี้คือตกใจมากค่ะ และเสียความรู้สึกที่สุดเราคิดว่าคนนี้รักเราจริงค่ะและเราก็รักเขามากจนเราไม่คิดเลยว่าเค้าต้องทำแบบนี้กับเราก่อนเดือนกันยายนทางฝ่ายชายก็ได้แวะเวียนมาหาเราบ้างเอากับข้าวมาให้ทำความสะอาดห้องให้เรา ส่งเงินให้บ้างแต่ไม่ได้อยู่กินนอนกับเราบางครั้งเรามีปัญหาเรื่องเงินหรือเราจะสั่งข้าวสั่งเข้ามาในห้องเราไม่มีตังค์ ฝ่ายชายอ้างสารพัดจนเราก็เลยไม่ขอเงินเพราะเราสงสารเขาว่าเค้าก็เหนื่อยมากพอแล้วที่ทำงานเราคิดว่าเสมอว่าสิ่งที่เค้าทำให้คือเค้ารักเราจริงๆเราจับไม่ได้เลยเรา ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเค้ามีผู้หญิงอยู่แล้ว จนเราสามคนเคยคุยกันค่ะผ่านทางโทรศัพท์มีทั้งผู้หญิงฝ่ายนั้นแล้วผู้ชายแล้วก็เราผู้หญิงฝ่ายนั้นโทรมาเคลียร์กับเราว่าเค้าจะอยู่เค้าจะไม่เลิกกันมันทำให้เรารู้สึกว่า เราอยากออกจากตรงนี้แต่ฝ่ายชายก็บอกว่าจะรับผิดชอบค่ะเพราะว่าลูกในท้องก็คือลูกของเขาตอนนี้เราเหมือนแบบทุกอย่างมันพังทลายลงมาเพราะว่าตั้งแต่เรารู้เรื่องของฝ่ายชายในความเป็นจริงคือมันคือเรื่องจอมปลอมทั้งหมดค่ะเราเสียใจมากสุดท้ายเราเครียด เราไปหาหมอหมอบอกว่าเรามีภาวะเครียดค่ะจึงทำให้ลูกเครียดไปด้วยและเราต้องเข้าพบหมอเสมอก่อนหน้านั้นฝ่ายชายพาเราไปหาหมอตลอดแต่เค้าก็จะให้ข้ออ้างว่าเดี๋ยวเค้าจะไปทำงานในระหว่างที่เรารอหมอเราก็ รอหมอคนเดียวฟังหมอคนเดียวในบางครั้งเค้าก็แค่มารับมาส่งค่ะและพอล่าสุดแล้วก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้โกหกเราอีก เค้าบอกว่าเค้าจะบอกครอบครัวเขาแต่จริงๆแล้วคือเค้าไม่ได้บอกค่ะเค้าบอกแค่ว่าถ้าเราอยากได้คนดูแลขนาดนั้นก็ให้เราไปอยู่บ้านเขาซึ่งบ้านเค้ามีพ่อมีแม่แล้วก็มีแฟนผู้หญิงคนนั้นค่ะเราเลยไม่สะดวกใจที่เราจะ จะไปบ้านเขาจริงๆและสุดท้ายนี้เราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมาหรือทำมามันเป็นเรื่องโกหกอีกหรือเปล่าเราก็เลยจะเลิกกับเขาแบบจริงจังเราเลยจึงมาขอคำปรึกษาที่เราก็อยากให้ลูกเราได้ในสิ่งที่เราที่ลูกเราควรจะได้เราคนเป็นแม่ถึงเราจะออกจากงานมาก็ไม่เป็นไร ค่ะถามว่าเสียดายเงินไหมที่ตัวเองออกมาก็เสียดายเงินค่ะเพราะว่างานที่เราทำเราได้ขั้นต่ำ40,000-50,000 ต่อเดือนแต่เรากลับมาเลี้ยงลูกเขาที่เขาไม่ได้รักเราเลยตั้งแต่แรก ตอนนี้เลยไม่รู้เลยค่ะว่าคำว่ารับผิดชอบของเค้าคือแบบไหน

เผยแพร่เมื่อ 2024-09-25

คำตอบจากทนาย (2)

A: 1) เรื่อง ออกจากงาน อาจสามารถเรียกน้องค่าเสียหายออกจากงานได้ แต่ต้องมีหลักฐาน ว่าจะมีการแต่งงาน หรือ ให้ออกจากงานแล้วจะดูแล 2) เรื่องลูก ต้องรอให้คลอด แล้วฟ้องให้พ่อของเด็กรับรองบุตร หากเป็นบุตรจริง สามารถเรียกน้องค่าเลี้ยงดูบุตรได้

เผยแพร่เมื่อ: 2024-09-25

A: การเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร กรณีฝ่ายชายมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว จากสถานการณ์ที่คุณเล่ามา สามารถแยกประเด็นสำคัญทางกฎหมายได้เป็น 3 หัวข้อ ดังนี้ 1. สถานะของบุตร แม้คุณและฝ่ายชายจะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่บุตรที่เกิดมามีสถานะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายชาย เนื่องจากฝ่ายชาย รับรองบุตร เป็นของตนเอง (ป.พ.พ. มาตรา 1547) การรับรองบุตร อาจกระทำโดยชัดแจ้ง เช่น การจดทะเบียนรับรองบุตร หรือโดยปริยาย เช่น การยอมรับต่อบุคคลภายนอกว่าเป็นบุตร, การเลี้ยงดูเสมือนบุตรของตน (ฎ. 108/2500) ในกรณีของคุณ แม้จะไม่มีการจดทะเบียนรับรองบุตร แต่พฤติการณ์ที่ฝ่ายชายดูแลคุณขณะตั้งครรภ์ รับผิดชอบค่าใช้จ่าย พาไปหาหมอ และยอมรับว่าเด็กในท้องเป็นลูก อาจถือเป็นการรับรองบุตรโดยปริยายได้ 2. สิทธิในการเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู บุตรมีสิทธิได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากบิดามารดา (ป.พ.พ. มาตรา 1569) บิดามารดามีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตร ตามฐานานุรูป (ป.พ.พ. มาตรา 1598/38) ค่าอุปการะเลี้ยงดู หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพ เช่น ค่าอาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ค่าเล่าเรียน (ฎ. 2468/2534) คุณในฐานะมารดา สามารถเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจากฝ่ายชายได้ แม้ฝ่ายชายจะมีภรรยาอยู่ก่อนแล้วก็ตาม ศาลจะพิจารณาจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูจาก ความสามารถ ของฝ่ายชาย และ ความจำเป็น ของบุตรเป็นหลัก (ฎ. 1598/2516) 3. หลักฐานประกอบการพิจารณาของศาล หลักฐานที่แสดงว่าฝ่ายชายเป็นบิดาของบุตร เช่น ภาพถ่ายขณะตั้งครรภ์, ข้อความการสนทนาที่ฝ่ายชายรับรองบุตร, หลักฐานการโอนเงิน, พยานบุคคล หลักฐานรายได้ของฝ่ายชาย เช่น สลิปเงินเดือน, หนังสือรับรองเงินเดือน หลักฐานค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร เช่น ค่ารักษาพยาบาล, ค่าอาหาร, ค่าของใช้เด็ก ฎีกาที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู เช่น ฎ. 592/2531 (กรณีบิดามีภรรยาหลายคน), ฎ. 2468/2534 (กรณีพิจารณาความสามารถของบิดา)

เผยแพร่เมื่อ: 2024-10-11

คำถามที่คุณอาจสนใจ

Loading...
ทนายที่ให้คำปรึกษามากที่สุด
เดือน
ติดต่อเราทาง LINE