Q: ถูกหลอกใช้บัญชี
เราถูกหลอกโดยคนต่างชาติใช้บัญชีของเราเป็นบัญชีม้า และเราก็ได้ส่งหลักฐาน อาทิเช่น รายการแชท บัญชีเงินเข้าออก สุดท้ายตำรวจก็แจ้งจับเราในข้อหาฉ้อโกงคนอื่น ทั้งที่ตำรวจเห็นราบการเข้าอละออกอย่างชัดเจน แถมยังตำรวจยังหลอกเราให้นัดเจอกันที่ศาลอีก อายัดบัญชีของเราอีก เราเดือดร้อนมาก เราควรทำอย่างไงดี
คำตอบจากทนาย (1)
A: การที่บุคคลอื่นนำบัญชีธนาคารของท่านไปใช้ในการกระทำความผิดโดยที่ท่านไม่รู้ตัวหรือไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น มิจฉาชีพมักใช้บัญชีม้าเพื่อรับโอนเงินจากผู้เสียหายในคดีหลอกลวงต่างๆ ทำให้ยากต่อการติดตามเส้นทางการเงินและจับกุมตัวผู้กระทำความผิดที่แท้จริง ในกรณีของท่าน แม้ว่าท่านจะได้ส่งหลักฐานต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้ถูกหลอกลวง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับแจ้งข้อหาฉ้อโกงท่าน ซึ่งอาจเกิดจากความเข้าใจผิดหรือการตีความพยานหลักฐานที่คลาดเคลื่อน นอกจากนี้ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนัดท่านไปพบที่ศาลและอายัดบัญชีของท่านยิ่งสร้างความเดือดร้อนและความกังวลใจให้กับท่านเป็นอย่างมาก แนวทางใช้สิทธิฟ้องคดีหรือต่อสู้คดี: รวบรวมพยานหลักฐาน: ท่านควรเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านได้ เช่น บันทึกการสนทนา การติดต่อกับมิจฉาชีพ หลักฐานการแจ้งความดำเนินคดีกับมิจฉาชีพ เป็นต้น ปรึกษาทนายความ: ท่านควรปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำทางกฎหมายและวางแผนการต่อสู้คดี ทนายความจะช่วยท่านในการตรวจสอบข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของท่านตามกฎหมาย ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม: หากท่านเชื่อว่าการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เป็นธรรม ท่านสามารถยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ต่อสู้คดีในชั้นศาล: หากคดีของท่านถูกส่งฟ้องศาล ทนายความจะช่วยท่านในการต่อสู้คดีและนำเสนอพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของท่านต่อศาล กฎหมายที่เกี่ยวข้อง: ประมวลกฎหมายอาญา: มาตรา 341 (ฉ้อโกง) พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ฎีกาที่เป็นประโยชน์: ฎีกาที่ 557/2533: จำเลยต้องมีเจตนาหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือยอมให้ ทำ ถอน หรือยอมให้สิทธิในทรัพย์สินใดๆ เสีย ฎีกาที่ 1014/2544: การกระทำความผิดฐานฉ้อโกงนั้น จำเลยจะต้องมีเจตนาที่จะหลอกลวงผู้เสียหายตั้งแต่แรก มิใช่เจตนาที่จะหลอกลวงภายหลัง
เดือน