Q: เงินกู้นอกระบบและเงินแชร์
มีการเล่นแชร์และกู้เงิน (ดอกลอย) มีจ่ายดอกเบี้ยมาตลอด จนสุดท้ายจ่ายไม่ไหว ทำให้ดอกเบี้ยทบต้น ยอดแชร์ที่ค้าง 14,650 (จบวงแล้ว),เงินกู้ต้น 15,000,ดอกทบ 15,400 รวม 45,050 ไม่ได้ผ่อนจ่ายตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2566 แต่มีการเจรจาต่อรอง ขอผ่อนจ่าย เวลาเจ้าหนี้ทักมาทวงก็มีการตอบกลับพูดคุยตลอด แต่ไม่ได้จ่ายตามนัด จนเดือนมกราคม ปี 2567 เจ้าหนี้แจ้งว่าส่งหนังสือมาแล้ว เจอกันที่ศาล เราก็ยังมีขอต่อรองผ่อนจ่าย แต่เหมือนเขาไม่ยอม เราก็เลยรอหนังสือ แล้วเขาก็ทักมาทวงอีกทำให้เราสับสน หลังจากนั้นก็ทักมาทวง เราก็ตอบตลอดแต่ยังหาเงินจ่ายไม่ได้ จนกระทั้ง 3-4 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหนี้ทักมาด่ามากกว่าที่จะทวง ทำให้เราไม่ได้คตอบอะไร เมื่อวันที่ 19 ทางเจ้าหนี้แจ้งว่าออกหมายเรียกมาแล้ว ถ้าไม่มาตามหมายครบ 3 ครั้ง จะออกหมายจับ ทำให้เราต่อรองขอเจรจา ขอผ่อนจ่ายยอด 30,000 โดยผ่อนรายเดือน ภายใน 4 เดือน แต่เขาไม่ยอม บอกคิดดอกเป็นปี สรุปเจ้าหนี้จะเอา 50,000 เป็นก้อนเดียว ภายในสิ้นเดือนนี้สิ้ เจรจาไป ต่อรองไป ให้เราจ่ายสิ้นดือนนี้ 10,000 และ ให้จ่ายอีก 40,000 ภายในเดือนกันยายน โดยเขาแจ้งว่าจะให้ทนายกำกับว่าถ้าเดือนกันยาวันที่ 30 ไม่ได้ 40,000 ก็คือตามกระบวนการทุกสิ่งอย่าง แต่วันนี้เขาทักมาบอกว่าจะเอา 15,000 ควรจะทำยังไงต่อค่ะ ถ้าจ่ายสิ้นเดือน 15,000 คงไม่พอและเดือนหน้าก็ไม่รู้ว่าจะจ่ายที่เหลือได้หรือไหมค่ะ
คำตอบจากทนาย (3)
A: การกู้ยืมเงินจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อตามกฎหมาย มักมีอัตราดอกเบี้ยสูงและวิธีการทวงหนี้ที่ไม่เป็นธรรม เงินแชร์: การรวมกลุ่มกันของบุคคลเพื่อส่งเงินเป็นงวด ๆ โดยมีสมาชิกหมุนเวียนกันเป็นผู้รับเงินก้อนในแต่ละงวด อาจมีความเสี่ยงสูงหากไม่มีการจัดการที่ดีหรือมีสมาชิกเบี้ยวแชร์ จากข้อมูลที่ให้มา สถานการณ์ของคุณมีประเด็นสำคัญดังนี้: หนี้สิน: คุณมีหนี้จากการเล่นแชร์และกู้เงินนอกระบบรวมเป็นเงิน 45,050 บาท ณ เดือนธันวาคม 2566 ดอกเบี้ย: เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยทบต้น ทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 50,000 บาท ณ ปัจจุบัน การทวงหนี้: เจ้าหนี้มีพฤติกรรมการทวงหนี้ที่ไม่เหมาะสม เช่น การด่าทอ และการข่มขู่ดำเนินคดี การเจรจา: คุณพยายามเจรจาต่อรองเพื่อผ่อนชำระหนี้ แต่ไม่สามารถตกลงกับเจ้าหนี้ได้ การเจรจาต่อรอง: พยายามเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้อีกครั้ง โดยเสนอแผนการผ่อนชำระที่คุณสามารถทำได้จริง อาจขอความช่วยเหลือจากคนกลางหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์ดำรงธรรม หรือ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย: หากไม่สามารถเจรจากับเจ้าหนี้ได้ หรือเจ้าหนี้มีพฤติกรรมการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย คุณสามารถขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สภาทนายความ หรือ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท: หากเจ้าหนี้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาล คุณสามารถใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเพื่อหาทางออกร่วมกันกับเจ้าหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้: หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด คุณอาจพิจารณาการปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อลดภาระในการชำระหนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์: มาตรา 193/32: ห้ามมิให้บุคคลใดเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มาตรา 288: ห้ามมิให้มีการข่มขู่หรือใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้ พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560: กำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สามารถเรียกเก็บได้ พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินเชื่อ พ.ศ. 2562: กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อ
A: ปกติหมายเรียกพนักงานสอบสวนออก 2 ครั้ง ส่วนของศาลแค่ครั้งเดียว ถ้าไม่ไปตามหมายถึงออกหมายจับ ไม่มีการออกหมายเรียก 3 ครั้งครับ กรณีของคุณน่าแปลกว่าไม่ได้รับเอกสารอะไรเลย มีแต่รับแจ้งจากเจ้าหนี้เฉยๆ ก็เชื่อว่าไม่ได้มีการดำเนินคดีกันจริง มีแต่เจ้าหนี้อ้างตำรวจหรือทนายมาขู่ เบื้องต้นให้เก็บเงินก้อนไว้บ้างระหว่างนี้ และถ้าได้หมายเรียกจริงๆค่อยไปเจรจากับเจ้าหนี้ก็ยังไม่สายครับ
A: หนี้เงินที่มีการคิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ 15 ต่อปี ถือว่าเป็นการปล่อยกู้โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เป็นความผิดอาญาเราอาจแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าหนี้ได้ และหากการทวงหนี้มีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ จะถือเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งด้วย ทั้งนี้เงินกู้ที่มีการคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจะถือว่าข้อตกลงในส่วนของดอกเบี้ยตกเป็นโมฆะผลคือเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยกู้ยืมได้ และเงินค่าดอกที่ลูกหนี้ได้ชำระไปแล้วให้นำมาหักต้นเงิน ดังนั้นในการเจรจาอาจถือเอายอดหนี้ตามความเป็นจริงคือ 30,400 บาท หรือ 45,050 บาท เป็นตัวตั้งหักด้วยดอกเบี้ยที่เราชำระไปแล้วออกเป็นยอดเงินที่ใช้เจรจาเพื่อชำระคืนเจ้าหนี้ โดยอาจขอความช่วยเหลือให้มีคนกลางในการเจรจา เช่น ใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องของศาล เป็นต้น
เดือน