Q: ปัญหาครอบครัว

A: การฟ้องเรียกค่าทดแทนจากชู้ (ไม่ว่าจะฟ้องหย่าด้วยหรือไม่) ต้องมีหลักฐานที่ชู้แสดงตนโดยเปิดเผยต่อสาธารณะว่ามีความสัมพันกับสามีเราในทำนองชู้สาวครับ ซึ่งหลักฐานควรมีภาพถ่ายคู่ของทั้งสองว่าอยู่ด้วยกันในที่สาธารณะ อาจเป็นสวนสาธารณะ ร้านอาหาร ห้าง เป็นต้น แต่หากไม่มีหลักฐานดังกล่าว โอกาสชนะคดีย่อมน้อยลงครับ

A: ใช้หลักฐานการสนทนา หลักฐานการโอนเงิน สำเนาสัญญาค้ำประกัน ภาพถ่ายตามที่สาธารณะ ในการฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนจากชู้ และสามารถใช้ฟ้องหย่าได้ค่ะ

A: ขอตอบคำถามนี้นะครับ การที่สามีไปมีกิ๊กไปมีชู้หรือมีเมียน้อยตามที่ผู้ถามได้แจ้งมานั้นในการดำเนินคดีเองจำเป็นจะต้องมีหลักฐานหากว่าเป็นหลักฐานการพูดคุยระหว่างสามีและคนที่คิดว่าเป็นชู้นั้น ก็ต้องมีหลักฐานตามสมควรอย่างเช่นรูปถ่ายนะครับการจับมือถือแขนหรือพยานบุคคลอื่นๆที่เห็นในขนาดที่เขายกย่องหญิงอื่นเทียบเท่ากับสามีหรือภรรยาปฏิบัติต่อกัน หากไม่มีภาพถ่ายซึ่งสามารถหาได้ยากก็อาจจะใช้ข้อความที่สามีของเราพูดคุยกับผู้หญิงคนอื่นในทำนองชู้สาวหรือว่ามีการยกย่องหญิงอื่นเทียบเท่าภรรยาก็สามารถที่จะฟ้องผู้หญิงคนนั้นได้ แต่ทั้งนี้ทนายความขอแนะนำว่าควรที่จะต้องมีทั้ง 2 อย่างเนื่องจากข้อความแชทที่สามีพูดกับหญิงคนนั้นอาจยังฟังไม่ได้ความว่าเป็นชู้กันหรือยกย่องหญิงอื่นเทียบเท่าภรรยาตนเองซึ่งอาจจะมีภาพถ่ายแสดงออกในลักษณะยกย่องหญิงอื่นเท่ากับภรรยาตัวเองหรือมีการไปเที่ยวกันสองต่อสองในที่ท่องเที่ยวต่างๆหรือภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งมีการพากันไปเที่ยวหรือพากันเข้าไปในห้อง ภาพดังกล่าวก็อาจจะสามารถที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานบนชั้นศาลในการฟ้องผู้หญิงคนที่เป็นชู้กันได้แล้วไม่จำเป็นจะต้องหาภาพถ่ายที่ผู้หญิงกับผู้ชายหรือสามีของเรามีอะไรกันก็ได้หากว่ามีพยานบุคคลรู้เห็นเหตุการณ์ก็สามารถที่จะเป็นพยานบุคคลให้เราได้ ผมเชื่อว่าศาลจะต้องรับฟังพยานหลักฐานของผู้ถามอันอาจนำไปสู่การชนะคดีในการฟ้องเรียกร้องจากผู้หญิงที่เป็นชู้ของสามีผู้ถามได้ แต่ทั้งนี้ผมไม่แนะนำวิธีแก้ปัญหาโดยความรุนแรงซึ่งไม่เป็นวิธีที่ดีและอาจถูกดำเนินคดีอาญาได้ ด้วยความปรารถนาดีจากทนายเสกสรรค์

A: ต้องใช้หลักฐานอะไรให้เป็นฝ่ายชนะ หลักฐานแชทมีแล้ว สลิปการโอนเงินส่งเสียให้ใช้มีแล้ว เบื้องต้นหลักฐานนั้นน่าจะไปได้แล้วนะครับ แต่ถ้าจะให้ดีมีภาพถ่ายที่ไปออกงานสังคมด้วยกันอีกอย่างก็จะดีมาก (ที่บอกว่ามีบุคคลรู้เห็น ก็ใช้ได้นะแต่ไม่ดีเท่ารูปภาพ เพราะต้องมาคำนึงถึงความน่าเชื่อถือของพยานบุคคลอีก) ยังไงถ้าจะทำคดีอยู่แล้ว ควรหาทนายความแล้วเอาหลักฐานให้ดูแล้วขอคำแนะนำจากทนายท่านนั้นไปเลยจะดีกว่าครับ