Q: ช่วยเเนะนำเเนวทางกฎหมายนิติกรรมไม่สมบูรณ์
นายแสนกับนางนวลเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ต่อมานายแสนประสบอุบัติเหตุสมองได้รับการ กระทบกระเทือนอย่างหนักทำให้มีอาการวิกลจริตและกำลังรักษาอาการวิกลจริตอยู่ แต่อาการก็ยังคงเป็นๆหายๆ ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 นายเอกเพื่อนนายแสน ได้มาเยี่ยมนายแสนที่บ้าน ซึ่งในเวลานั้นนายแสนมีอาการวิกลจริตกำเริบ จึงได้เสนอขายนาฬิกาฝังเพชรของตนให้นายเอกในราคา 10,000 บาท ทั้งที่ราคาซื้อขายทั่วไปในท้องตลาดไม่ต่ำกว่า 300,000 บาท โดยนายเอกได้ตกลงซื้อทั้งที่รู้ว่าขณะนั้นนายแสนมีอาการวิกลจริต ต่อมาในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 นางนวลได้พบกับนายเอกโดยบังเอิญ นายเอกบอกกับนางนวลว่านายแสนได้ขอร้องให้ตนซื้อนาฬิกาเพราะร้อนเงินในราคา 10,000 บาท นางนวลตกใจมากรีบกลับบ้านถามนายแสนแต่นายแสนยังคงจำเรื่องราวไม่ได้ และนับวันอาการวิกลจริตของนายแสนรุนแรงมาก ขึ้นเรื่อยๆ นางนวลจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลให้นายแสนเป็นคนไร้ความสามารถ ซึ่งศาลมีคำสั่งให้นายแสนเป็นคนไร้ความสามารถโดยให้อยู่ในความอนุบาลของนางนวลเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 และประกาศคำสั่งลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 25 กรกฎาคม 2565
คำตอบจากทนาย (1)
A: 1.นิติกรรมที่ทำขณะจริตวิกลแม้ทำในขณะที่ศาลยังไม่ได้สั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถก็ตาม ตกเป็นโมฆียะ ตาม ปพพ.มาตรา 30 2.โดยการบอกล้างต้องกระทำโดยตัวผู้ที่จริตวิกลเองเมื่อไม่จลิตวิกลแล้ว แต่เมื่อมีการตั้งผู้อนุบาลแล้วผู้อนุบาลสามารถบอกล้างแทนได้ตาม ปพพ. 175(2) 3.ทั้งนี้การบอกล้างต้องกระทำภายใน 1 ปีนับแต่วันที่อาจให้สัตยาบันได้แต่ไม่เกิน 10 ปีนับแต่วันทำนิติกรรมครับ แต่เมื่อหลังจากทำนิติกรรมแล้วนายแสนจริตวิกลเลื่อยมาจนไม่สามารถบอกล้างโมฆียะกรรมได้จนสุดท้ายศาลได้สั่งให้นางนวลเป็นผู้อนุบาลเมื่อเดือน กรกฎาคา 2565 ต้องถือว่าวันที่อาจให้สัตยาบันได้คือวันที่ศาลตั้งผู้อนุบาลจึงยังไม่พ้นกำหนดเวลาบอกล้าง นางนวลผู้อนุบาลสามารถบอกล้างได้ เป็นไปตามคำพิพากษาฎีกาที่ 2522/2560
เดือน