Q: กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับบุคคลล้มละลายโดยไม่ได้ตั้งใจ

1. ดิฉันได้ซื้อครอสอาหารในนามบุคคลจำนวนหนึ่งเป็นจำนวนหลักหมื่น และทางร้านแจ้งว่าได้มีการอัพเกรดร้านเป็นบริษัท และให้สิทธิ์ลูกค้าเก่าในราคาเดิม แต่ต้องมีการซื้อล่วงหน้า จึงได้ชำระไปเพิ่ม 2. บุคคลท่านนี้ส่งอาหารได้ระยะหนึ่ง แต่ภายหลังเกิดปัญหาภายในทำให้ไม่สามารถส่งอาหารได้ตามกำหนด จึงขอเลื่อนการส่งอาหาร 3. บุคคลท่านนี้มาแจ้งภายหลังว่าจะคืนเงินให้ แต่ให้โอนเงินไปเพิ่มเพื่อจะได้ทำเช็คให้ในจำนวน 100,000 บาท ดิฉันจึงโอนไปเพื่อให้บุคคลท่านนั้นดำเนินการคืนเงิน 4. เมื่อเลยกำหนดที่จะได้เงิน 100,000 บาท จึงทักไปทวงถาม ทางบุคคลท่านนั้นได้บอกว่าโดนอายัติบัญชี ให้รอเขาเคลียเรื่องนี้ก่อน 5. เมื่อดิฉันทวงถามหลายครั้ง เขาได้แจ้งว่าถูกฟ้องล้มละลาย แต่เขาได้เงินชนะคดีอีกคดีหนึ่งเป็นจำนวนเงินประมาณหนึ่งแสนกว่า จึงจะทำเรื่องคืนเงินให้อีกครั้ง แต่ทางดิฉันต้องเป็นคนจ่ายค่าธรรมเนียมอื่นๆ เพราะบุคคลท่านนั้นล้มละลายแล้ว (ระหว่างที่บุคคลนั้นโดนฟ้องล้มละลายแล้ว ได้มีการแจ้งให้โอนเข้าบัญชีธุรกรรมที่ควบคู่มีเอกสารยืนยันแทนบัญชีเจ้าตัว) 6. ดิฉันดำเนินการจ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆให้ เพื่อดำเนินการอีกครั้ง แต่บุคคลท่านนั้นไม่สามารถนำเงินออกมาได้สำเร็จ ทำให้เช็คหมดอายุ ยอดเงินที่ทำเช็คคืนบวกกับค่าธรรมเนียมถูกดึงกลับเข้าบัญชีบุคคลท่านนั้นที่ล้มละลาย 7. บุคคลท่านนั้นไม่ยอมแพ้ จะทำการทำเช็คคืนอีกครั้ง ดิฉันจึงต้องหาเงินเพื่อชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งคิดเป็น 12.7% ของยอดเงินทั้งหมด แต่ผลก็ออกมาเป็นแบบเดิมคือไม่สามารถออกเช็คได้สำเร็จ เงินจึงถูงดึงเข้าบัญชีบุคคล้มละลายตามเดิม 8. เมื่อยอดเงินเริ่มสูงขึ้น ดิฉันไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าธรรมเนียมได้แล้ว จึงแจ้งว่าดิฉันสามารถรอหลังโดนปลดล้มละลายได้ แต่ทางบุคคลท่านนั้นไม่ให้ดิฉันยอม เพราะจะเอาเคสคืนเงินดิฉันไปฟ้องกลับลูกค้ารายอื่นที่มาแจ้งว่าโดนร้านโกง ฉันจึงเริ่มไปกู้เงิน มาจ่ายค่าธรรมเนียมอีกครั้ง เพื่อให้จบเรื่องจริงๆเสียที 9. บัญชีถูกอายัติ ทำให้ไม่สามารถดึงเงินออกมาได้ เพื่อที่จะดึงเงินออกมาได้ทันเวลา ทำให้บางครั้งฉันต้องช่วยค่าปรับ ค่าเจ้าหน้าที่ ค่าเดินทาง ค่าประกันตัว หรืออื่นๆ เพื่อให้บุคคลท่านนั้นสามารถดำเนินการให้สำเร็จ แต่ก็ไม่สำเร็จเนื่องจากระยะเวลาของเช็คหมดอายุก่อน เงินถูกดึงกลับเข้าบัญชีอีกครั้ง 10. บุคคลล้มละลายท่านนั้นยังยืนยันที่จะคืนเงิน เมื่อดิฉันไม่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงขึันให้ได้ บุคคลท่านนั้นก็กล่าวหาว่าฉันทิ้งให้เผชิญเรื่องอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งที่เงินที่ทำก็เป็นเงินของดิฉัน ด้วยความรู้สึกผิด จึงหายืมเงินมาจ่ายค่าธรรมเนียมให้เช่นเคย 11. ค่าจุกจิกเริ่มเยอะขึ้น เนื่องจากบุคคลท่านนั้นมีคดีกับลูกค้ารายอื่น จึงมาขอยืมเงินดิฉัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถดำเนินการทำเช็คคืนให้ฉันได้ เพราะโดนควบคุมตัว ดิฉันจึงมีการโอนค่าใช้จ่ายช่วยเหลือ แค่ผลออกมาก็เหมือนเดิม ไม่สามารถเอาเงินออกมาได้ 12. ดิฉันสามารถจ่ายค่าธรรมเนียมได้อีกแล้ว จึงของยุติ บุคคบท่านนั้นแจ้งว่า ไม่สามารถทำได้ ต้องเอาเงินออก ก่อนบุคคลท่านนั้นขึ้นศาล ไม่อย่างนั้นฉันจะโดนหมายศาลไปด้วย (ยังไม่ทราบว่าเหตุใด แต่เขาบอกว่าผู้พิทักทรัพย์ตรวจเจอชื่อดิฉัน) ณ ตอนนั้นยอมรับว่าตกใจมาก ที่อยู่ๆเรื่องมันมาถึงขั้นนี้ จึงพยายาทไปหายืมเงินอีกครั้ง เพื่อเอาเงินที่ค้างอยู่ในบัญชีออกมา แต่ก็ไม่สำเร็จ และบุคคลท่านนั้นโดนควบคุมตัวและไม่อยากติกคุกจึงให้ดิฉันรับผิดชอบค่าประกันตัว แล้วเดี๋ยวจะทำยอดรวมคืนให้ภายหลัง และบอกว่าห้ามแจ้งความ ไม่อย่างนั้นดิฉันจะโดนไปด้วย 13. ยอดเงินเพิ่มมาถึงแปดแสนกว่า บุคคลท่านนั้นแจ้งว่ารอบนี้จบแล้วจริงๆ บัญชีจะโดนปิด ให้โอนเพิ่มหมื่นกว่าบาท ซึ่งดิฉันได้ไปยืมเงินเพื่อมาจ่ายยอดนี้ แต่แล้วก็ดันมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกหมื่นกว่าบาท ซึ่งฉันไม่สามารถยืมมาให้ได้แล้ว บุคคลท่านนั้นก็แจ้งว่าเขาจะต้องติดคุก และฉันจะได้หมายศาล และมีคดีติดตัว คำถามคือดิฉันสามารถทำอย่างไรได้บ้างคะ 😭 เบื้องต้นไปเช็คแล้วเป็นบุคคลล้มละลายจริง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างนี้กับพวกรูปคดีไม่รู้จริงมั้ย เพราะทางนั้นก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังมาก