Q: เรื่องล้มละลาย

A: เมื่อยังเป็นบุคคลล้มละลาย (อยู่ในระหว่างพิทักษ์ทรัพย์) ถ้ามีรายได้เข้ามาไม่ว่าจากที่ใด ต้องแจ้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทุกรายการครับ กรณีได้ทำงานมีเงินเดือน เงินเดือนที่ได้ก็ต้องแจ้งเช่นกัน แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะประเมินกันเงินเดือนบางส่วนให้เราไว้ใช้จ่าย ที่เหลือก็หักไปชำระคืนเจ้าหนี้ครับ

A: กรณียังมีสถานะเป็นบุคคลล้มละลาย จนกว่าจะปลดล้มละลาย จึงต้องแจ้งให้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ทราบว่ามีทรัพย์สินหรือมีรายได้จากงานประจำแล้ว ไม่สามารถรับเงินผ่านการโอนบัญชีตนเองได้โดยตรงเนื่องจากถูกอายัดบัญชีไว้ จึงจะต้องโอนเงินเดือนเข้ากรมบังคับคดีในทุกๆเดือนค่ะ เพื่อนำไปชำระหนี้ หากลูกหนี้ต้องการขอรับค่าเลี้ยงชีพจากเงินที่ถูกอายัดไว้ จะต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดจำนวนเงินเพื่อใช้จ่ายเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวค่ะ และจึงโอนกลับไปบัญชีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อนุญาตให้เปิดค่ะ และจะไม่สามารถใช้บัญชีนี้รับเงินเดือนเองโดยตรงค่ะ หากมีรายได้เข้ามาธนาคารก็จะนำส่งเข้ากรมบังคับคดีค่ะ หากมีการเปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนนายจ้าง หรือเปลี่ยนสถานะทางการเงิน ต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบทันทีค่ะ

A: ขออธิบายให้เข้าใจชัดๆ ดังนี้ครับ: ✅ ประเด็นที่ถาม: หากคุณถูกศาลสั่งล้มละลายไปแล้ว และภายหลังมีรายได้ประจำเข้ามา จะสามารถขอศาลเพื่อทำงานและแบ่งชำระหนี้ได้หรือไม่? และบัญชีธนาคารถูกอายัด ไม่สามารถใช้ทำธุรกรรม รวมถึงไม่สามารถส่งประกันสังคมได้ จะขอให้ศาลอนุญาตได้หรือไม่? 🔹 หลักการตามกฎหมาย (พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) เมื่อบุคคลถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย จะมีผลสำคัญดังนี้: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จะเข้าควบคุมจัดการทรัพย์สินทั้งหมด รวมถึงบัญชีธนาคาร โดยจะถูกอายัดทั้งหมด รายได้หรือเงินเดือนที่คุณได้รับหลังถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือเป็นบุคคลล้มละลาย จะตกเป็นทรัพย์ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิ์เข้าควบคุม แต่ตามกฎหมาย รายได้ส่วนที่จำเป็นในการดำรงชีพ เจ้าพนักงานจะอนุญาตให้คุณเก็บไว้ใช้ได้บางส่วน คุณยังมีสิทธิ์ทำงานและมีรายได้ได้ตามปกติ แต่รายได้ส่วนใหญ่ที่เกินจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำรงชีพ จะต้องนำส่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ 🔹 การเจรจาและขอศาลแบ่งชำระหนี้หลังถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือเป็นล้มละลาย หากคุณมีรายได้ใหม่ เช่น เงินเดือนจากงานประจำหลังจากศาลสั่งล้มละลายไปแล้ว คุณสามารถทำได้ดังนี้: แจ้งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยเร็ว เจ้าพนักงานจะพิจารณาอนุญาตให้คุณใช้รายได้บางส่วน (เช่น ประมาณ 30-50%) เพื่อดำรงชีพ ส่วนที่เหลือจะนำส่งเจ้าหนี้ตามแผนชำระหนี้ คุณต้องแสดงหลักฐานที่มาของรายได้ และขอเจรจาจ่ายเป็นรายเดือนหรือรายงวดได้ กรณีจำเป็น สามารถยื่นคำร้องขอต่อศาลได้ หากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ยอมรับหรือไม่อนุญาต คุณสามารถขอให้ศาลพิจารณาอนุญาตได้ แต่ต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน เช่น จำเป็นต่อการดำรงชีพ และมีหลักฐานว่ารายได้ใหม่ที่เกิดขึ้นจะช่วยชำระหนี้ได้จริง ศาลส่วนใหญ่มักจะอนุญาตให้คุณทำงานและเก็บรายได้ไว้บางส่วน แต่ต้องส่งส่วนหนึ่งไปใช้หนี้ตามหลักความจำเป็น 🔹 บัญชีธนาคารและประกันสังคมที่ถูกระงับ บัญชีธนาคารที่ถูกอายัด คุณสามารถขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปลดล็อกบางบัญชีหรือบางส่วนของเงินในบัญชีได้ หากคุณพิสูจน์ได้ว่าเงินเหล่านั้นจำเป็นต่อการดำรงชีพ แนะนำให้เปิดบัญชีใหม่ และขออนุญาตเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ใช้บัญชีใหม่ในการรับเงินเดือน โดยชี้แจงเหตุผลและจำนวนเงินอย่างชัดเจน ประกันสังคมที่ถูกระงับหรือส่งต่อไม่ได้ คุณสามารถติดต่อประกันสังคม พร้อมนำคำสั่งศาลไปแจ้งสถานะปัจจุบันได้ หากประกันสังคมไม่สามารถหักบัญชีได้ คุณอาจขอให้จ่ายผ่านช่องทางอื่น (เงินสด หรือบัญชีที่ได้รับอนุญาตใหม่) หากติดขัดจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ คุณสามารถแจ้งเจ้าพนักงานให้ช่วยประสานกับประกันสังคม เพื่อให้คุณได้ส่งเงินประกันสังคมได้ตามสิทธิ์ปกติ 🔹 ศาลจะอนุญาตหรือไม่? (จากประสบการณ์จริง) ส่วนมากศาลและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะอนุญาต หากคุณแสดงเหตุผลชัดเจนว่ามีรายได้ใหม่ สามารถผ่อนชำระหนี้ได้จริงและจำเป็นต่อการดำรงชีพ โดยปกติศาลมักจะพิจารณาให้คุณดำเนินชีวิตและทำงานต่อได้ตามปกติ เพื่อให้มีรายได้มาชำระหนี้ได้สำเร็จ คุณต้องมีเหตุผลและหลักฐานประกอบชัดเจน เช่น สัญญาจ้างงานใหม่ หนังสือรับรองเงินเดือน รายละเอียดค่าใช้จ่าย เป็นต้น 📌 สรุปสิ่งที่คุณควรทำทันที ติดต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทันที แจ้งสถานะใหม่ของคุณ เปิดบัญชีใหม่ แล้วขออนุญาตให้ใช้บัญชีใหม่เพื่อรับเงินเดือน ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลาย (ถ้าจำเป็น) เพื่อขออนุญาตทำงานและแบ่งชำระหนี้ แจ้งประกันสังคมถึงสถานะล้มละลาย และขอช่องทางชำระเงินอื่นๆ รวบรวมหลักฐานชัดเจนเสมอ 📝 สรุปคำตอบโดยตรงชัดเจน คุณสามารถขอศาลอนุญาตได้แน่นอน และศาลมักจะอนุญาตหากคุณมีเหตุผลชัดเจน คุณยังมีสิทธิทำงาน รับเงินเดือน และมีชีวิตปกติได้ แต่ต้องแจ้งและได้รับการอนุญาตจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลก่อนเสมอ

A: แม้จะเป็นบุคคลล้มละลาย ก็สามารถทำงานประจำได้นะคะ หากติดขัดเรื่องบัญชีเงินฝาก และประกันสังคมไม่สามารถใช้งานได้ เรื่องทั้งหมดตรงนี้ ให้ติดต่อเจรจากับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าของเรื่องของเรา เงินเดือนที่ได้สามารถนำมาแบ่งใช้จ่ายและแบ่งชำระหนี้ได้ ตามแต่ที่เจรจาตกลงกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ (ติดต่อที่กรมบังคับคดี)ค่ะ

A: ถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลายหรือยังคะ หากยังไม่ถูกพิพากษา สามารถเจรจากับเจ้าหนี้ได้ค่ะ ว่าจัชำระหนี้อย่างไร ขอให้ถอนฟ้องได้หรือไม่