Q: ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บแก่ร่างกาย

A: จุดที่ชนอยู่ใกล้เส้นแบ่งถนนทั้งสองด้าน จึงมีความเป็นไปได้ว่าเศษชิ้นส่วนที่เฉี่ยวชนจะอยู่บนช่องทางอีกฝ่าย จึงต้องพิจารณาบาดแผลความเสียหายประกอบด้วย การพิจารณาของร้อยเวรที่พิจารณาจากเศษชิ้นส่วนเพียงอย่างเดียว จึงยังไม่อาจสรุปได้ว่า เหตุเฉี่ยวชนอยู่บนบริเวณใด จึงต้องอาศัยผู้เชียวชาญในการตรวจพิสูจน์ด้วย จึงจะทราบว่าจุดเฉี่ยวชนอยู่ที่ตรงไหน และ เป็นความผิดของฝ่ายใด

A: แนวทางการพิจารณาทางกฎหมาย 1. ประเด็นข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน • ข้อเท็จจริงระบุว่า รถยนต์กำลังเข้าโค้งและขับชิดเส้นเหลืองกลางถนน แต่ไม่ได้เหยียบเส้น • รถจักรยานยนต์มาจากอีกทางหนึ่งและกินเลนเข้ามา • มีการเฉี่ยวชนกัน และรถจักรยานยนต์เสียหลักล้ม • ตำรวจพิจารณาหลักฐานแล้วชี้ว่ารถยนต์เป็นฝ่ายผิด 2. ประเด็นทางกฎหมาย • มาตรา 390 ประมวลกฎหมายอาญา: หากการขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ อาจถูกดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ • พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522: หากการขับรถกินเลนผิดกฎหมาย อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎจราจร • ประเด็นความรับผิดทางแพ่ง: หากมีผู้บาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหาย เจ้าของรถหรือผู้ขับขี่อาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย แนวทางแก้ไขและคำแนะนำทางกฎหมาย 1. ตรวจสอบหลักฐานเพิ่มเติม • ภาพจากกล้องหน้ารถ (ถ้ามี) • ร่องรอยที่เกิดขึ้นบนถนน • คำให้การของพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ 2. โต้แย้งข้อกล่าวหา (ถ้ามีเหตุผลสนับสนุน) • หากรถจักรยานยนต์เป็นฝ่ายกินเลนเข้ามา อาจต้องโต้แย้งว่าการชนเกิดจากความประมาทของอีกฝ่าย • การขับรถชิดเส้นเหลืองไม่ได้แปลว่าข้ามเลน ต้องมีหลักฐานพิสูจน์ว่าไม่ได้ล้ำเข้าไป 3. การต่อรองและเจรจา • หากคดีเป็นคดีอาญา (เช่น ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ) อาจพิจารณาเจรจากับคู่กรณีเพื่อชดใช้ค่าเสียหายเพื่อลดโทษ • หากเป็นคดีแพ่ง ควรเจรจาหรือให้ประกันภัยเข้ามาช่วยจัดการ ข้อแนะนำเพิ่มเติม • ควรปรึกษาทนายความเพื่อตรวจสอบรายละเอียดของคดีและแนวทางการแก้ไข • หากต้องการให้ช่วยร่างคำให้การหรือเตรียมเอกสาร สามารถให้ทนายช่วยดำเนินการได้ หากสนใจรับคำปรึกษาหรือต้องการให้ช่วยดูแลคดี สามารถติดต่อสำนักงานทนายความเพื่อช่วยดำเนินการในขั้นตอนต่อไป