Q: เพื่อนขโมยโทรศัพท์เราไปที่บ้านแล้วเราไปแจ้งความแล้วตำรวจเพื่อนขโมยโทรศัพท์เราไปที่บ้านแล้วเราไปแจ้งความ
เพื่อนของเราและขโมยโทรศัพท์เราไปเราจึงไปแจ้งความเราเล่าการให้ตำรวจเพื่อนของเราและขโมยโทรศัพท์เราไปเราจึงไปแจ้งความเราเล่าการให้ตำรวจฟังแล้วเรากำหนดไปว่าภายในวันที่ 29 ถึง 30 ถ้าเพื่อนคนนี้ไม่นำโทรศัพท์มาคืนเราจะดำเนินคดีเอาใบนี้ไปดำเนินคดีแต่วันที่ 30 เพื่อนได้นำโทรศัพท์มาคืนเราเราต้องไปถอนแจ้งความมั้ยคะแล้วเพื่อนจะมีความผิดอะไรมั้ยเราไม่อยากเอาความเพื่อนค่ะเพราะเพื่อนเอาโทรศัพท์มาคืนเราแล้วแล้วเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากขนาดนั้นค่ะ
คำตอบจากทนาย (2)
A: คดีลักทรัพย์เป็นอาญาแผ่นดินยอมความกันไม่ได้ เมื่อแจ้งแล้ว ตร. ก็ต้องดำเนินการต่อไป แต่ในกรณีที่ผู้เสียหายไม่เอาเรื่องและได้ทรัพย์คืนแล้ว ตร. ก็อาจจะ(แค่อาจนะ)ใช้ดุลพินิจไม่ดำเนินการต่อได้
A: กรณีคุณไปแจ้งความเพื่อนของคุณว่ามีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334ความผิดฐานลักทรัพย์เป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ดังนั้นพนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินคดีสรุปสำนวนส่งอัยการเพื่อให้พนักงานอัยการส่งฟ้องเพื่อนของคุณไปยังศาล เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลคุณในฐานะโจทก์หรือผู้เสียหายให้ทนายไปยื่นกับน้องต่อศาลว่าคุณไม่ติดใจให้ดำเนินคดีกับเพื่อนของคุณแต่เป็นคดีลักทรัพย์เนื่องจากเกิดจากความเข้าใจผิดศาลก็จะไม่ลงโทษหรือลงโทษสถานเบาและจะรอลงอาญาก็เท่ากับเพื่อนของคุณไม่ถูกจำคุก อีกทางหนึ่งเนื่องจากมีพรบการไกล่เกลี่ยพ.ศ 2562 ได้กำหนดว่าความผิดฐานลักทรัพย์ตามรอยอาญามาตรา 334 เป็นความผิดที่ไกล่เกลี่ยตกลงกันได้คุณก็แจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่าขอให้คุณและเพื่อนของคุณมาแกจะตกลงไกล่เกลี่ยโดยมีผู้ไกล่เกลี่ยทำการบันทึกข้อตกลงว่าไม่ติดใจเรื่องไม่เรียกร้องค่าเสียหายก็สามารถนำข้อไก่แก่นี้ให้พนักงานสอบสวนส่งไปยังพนักงานอัยการโดยไม่ต้องพร้อมคดีต่อศาลก็เป็นผลดีทั้งสองฝ่ายดีกว่าจะรอให้พนักงานสอบสวนส่งไปฟ้องศาลจะทำให้คุณและเพื่อนเกิดการเข้าใจผิดกันต่อไป
เดือน