สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2518

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2518

พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 ม. 4ทวิ, 20ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2504 ม. 4, 6 ประมวลกฎหมายอาญา ม. 91 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 192 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และได้บังอาจจำหน่ายยาเสพติดให้โทษดังกล่าวแล้วอีกจำนวนหนึ่งให้แก่ผู้มีชื่อด้วย จำเลยให้การรับสารภาพ โจทก์สืบพยานประกอบคำรับสารภาพได้ความว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายจำนวนหนึ่งและจำหน่ายเฮโรอีนอีกจำนวนหนึ่ง ดังนี้การกระทำของจำเลยแยกได้เป็น 2 กระทง แต่ละกระทงเป็นความผิดตามกฎหมายถึงแม้ว่ากฎหมายจะบัญญัติความผิดดังกล่าวไว้ในมาตราเดียวกัน แต่การกระทำความผิดอาจแยกเป็นกระทงๆได้ ซึ่งแล้วแต่ข้อเท็จจริงแห่งคดีและการบรรยายฟ้องของโจทก์ประกอบกัน

จำเลยกระทำความผิดหลังจากที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 มีผลใช้บังคับแล้วตามประกาศดังกล่าวข้อ 2 ได้แก้ไขยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 โดยให้ลงโทษผู้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปแม้โจทก์จะมิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้อง แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรม ดังนั้น ศาลมีอำนาจเรียงกระทงลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ โจทก์สืบพยานประกอบคำรับสารภาพข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองบังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยร่วมกันมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและได้บังอาจร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษดังกล่าวแล้วอีกจำนวนหนึ่งให้แก่ผู้มีชื่อด้วย

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ มาตรา 20 ทวิ หลายบทหลายกระทง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 จำคุกฐานมียาเสพติดให้โทษไว้เพื่อจำหน่ายคนละ 2 ปี 6 เดือน ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษคนละ 2 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุก 5 ปีจำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน ริบของกลาง

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ กระทงเดียว ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75จำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุกคนละ 1 ปี 3 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่าศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสองฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายกระทงหนึ่ง และฐานจำหน่ายเฮโรอีนอีกกระทงหนึ่งได้หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยทั้งสองมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 5.64 กรัมและจำเลยทั้งสองจำหน่ายเฮโรอีนอีกจำนวนหนึ่งให้แก่ผู้อื่น ดังนั้นเฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองจำหน่ายไปมิใช่เฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อจำหน่ายแต่เป็นเฮโรอีนคนละจำนวนกัน เฮโรอีนที่มีไว้เพื่อจำหน่ายจำนวน 5.64 กรัมได้มาเป็นของกลาง แต่เฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองจำหน่ายไปอีกจำนวนหนึ่งไม่ได้มาเป็นของกลางได้เงินสด 174บาทที่ได้จากการจำหน่ายเฮโรอีนนั้นมาเป็นของกลาง โจทก์ได้บรรยายฟ้องชัดเจนว่าเฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้นจำนวนหนึ่ง และเฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองจำหน่ายไปให้แก่ผู้อื่นนั้นมีอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อแสดงว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน เห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองแยกได้เป็น 2 กระทง แต่ละกระทงเป็นความผิดตามกฎหมาย ถึงแม้ว่ากฎหมายจะบัญญัติความผิดดังกล่าวไว้ในมาตราเดียวกัน แต่การกระทำความผิดอาจแยกเป็นกระทง ๆ ได้ ซึ่งแล้วแต่ข้อเท็จจริงแห่งคดีและการบรรยายฟ้องของโจทก์ประกอบกัน จากข้อเท็จจริงในคดีปรากฏว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดหลังจากที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 มีผลใช้บังคับแล้ว ตามประกาศดังกล่าว ข้อ 2 ได้แก้ไขยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 โดยให้ลงโทษผู้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แม้คดีนี้โจทก์จะมิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้อง แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรม ดังนั้นศาลมีอำนาจเรียงกระทงลงโทษจำเลยทั้งสองฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนได้

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ และมาตรา 20 ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4และมาตรา 6 ให้ลงโทษเรียงกระทงความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 2 ส่วนการกำหนดโทษและลดโทษนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ของกลางริบ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ จำเลย - นายติ๊ก ช้างทอง ที่ 1 นายวิจิตร วัดจินดา ที่ 2

ชื่อองค์คณะ สมชัย ทรัพยวณิช สนับ คัมภีรยส รื่น วิไลชนม์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE