สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9675/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9675/2539

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 380

เบี้ยปรับคือค่าเสียหายจำนวนหนึ่งที่คู่สัญญากำหนดไว้ล่วงหน้าอันอาจจะมีหรือเกิดขึ้นเนื่องจากคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาเพื่อให้ฝ่ายที่ผิดสัญญาชดใช้ให้แก่ฝ่ายที่มิได้ผิดสัญญาเงินจำนวน30,000,000บาทที่จำเลยได้รับไว้จากโจทก์ตามสัญญาจะซื้อจะขายเป็นเงินที่โจทก์และจำเลยตกลงกันให้เป็นส่วนหนึ่งของเงินชำระราคาที่ดินที่จะซื้อจะขายกันจึงไม่มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับและเมื่อมีข้อกำหนดไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายว่าหากโจทก์ผิดสัญญาโจทก์ยินยอมให้บรรดาเงินที่ได้ชำระแล้วตกเป็นของจำเลยทั้งสิ้นซึ่งปรากฎว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจำเลยจึงมีสิทธิริบเงินจำนวน300,000,000บาทนี้ได้ตามสัญญาจะซื้อจะขาย

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาจะซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 1576 และ1580 จากจำเลยที่ 1 ในราคา 160,500,000 บาท โจทก์ได้ชำระเงินมัดจำ18,150,000 บาท และชำระราคาค่าที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 อีก30,000,000 บาท ส่วนที่เหลือจำนวน 112,350,000 บาท ตกลงชำระภายในวันที่ 18 ธันวาคม 2533 จำนวน 16,050,000 บาท พร้อมดอกตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 96,300,000 บาท โดยมีธนาคารหรือสถาบันการเงินเป็นผู้อาวัลการใช้เงินในวันที่ 4 มีนาคม 2534 มอบให้จำเลยทั้งสามไว้เป็นการชำระค่าที่ดิน โดยจำเลยที่ 1 จะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสองแปลงให้แก่โจทก์ในวันที่โจทก์ชำระเงินจำนวน 16,050,000บาท พร้อมดอกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่จำเลยที่ 1 หากโจทก์ผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดให้ถือว่าสัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าวเป็นอันยกเลิก และให้บรรดาเงินที่โจทก์ชำระให้แก่จำเลยที่ 1 ตกเป็นของจำเลยที่ 1ทั้งสิ้น ต่อมาโจทก์มีหนังสือถึงจำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยที่ 1 ริบเงินมัดจำ 18,150,000 บาท ส่วนเงินจำนวน 30,000,000 บาท โจทก์ขอให้จำเลยที่ 1 คืนให้แก่โจทก์ภายใน 15 วัน แต่จำเลยที่ 1 เพิกเฉย สัญญาจะซื้อจะขายที่ระบุไว้ว่าหากโจทก์ผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดให้ถือว่าสัญญาเป็นอันเลิกต่อกัน และยินยอมให้บรรดาเงินที่่โจทก์ชำระแล้วตกเป็นของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น เป็นการกำหนดเบี้ยปรับไว้สำหรับกรณีโจทก์ผิดสัญญาและกรณีของโจทก์เบี้ยปรับมีจำนวนสูงเกินส่วนและเกินความเสียหายของจำเลยที่ 1 ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 30,000,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามให้การว่า ตามสัญญาจะซื้อจะขายกำหนดว่าหากโจทก์ผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่งให้ถือว่าสัญญาเลิกต่อกัน ยินยอมให้บรรดาเงินที่ได้ชำระแล้วตกเป็นของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น ต่อมาเมื่อถึงกำหนดวันชำระเงินส่วนที่เหลือโจทก์ผิดสัญญาไม่ชำระเงินให้จำเลย จำเลยที่ 1จึงริบเงินมัดจำที่โจทก์ชำระไว้ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง

โจทก์ อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน

โจทก์ ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์ได้ทำสัญญาจะซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 1 รวม 2 โฉนด ในราคา160,500,000 บาท ตามสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.7 สัญญาข้อ 3.1กำหนดว่าโจทก์ชำระเงินมัดจำจำนวน 18,150,000 บาท ข้อ 3.2 กำหนดว่าชำระในวันทำสัญญาเป็นจำนวนเงิน 30,000,000 บาท และข้อ 7 กำหนดว่าผู้ซื้อตกลงว่า หากปฏิบัติผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดให้ถือว่าสัญญานี้เป็นอันยกเลิกต่อกันและยินยอมให้บรรดาเงินที่ผู้ซื้อได้ชำระแล้วตกเป็นของผู้ขายทั้งสิ้น มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ข้อแรกว่า เงินจำนวน 30,000,000 บาท ที่จำเลยที่่ 1 รับไว้ตามสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.7 เป็นเบี้ยปรับตามกฎหมายหรือไม่ และโจทก์ชอบที่จะได้รับคืนหรือไม่เพียงใด เห็นว่าเบี้ยปรับคือค่าเสียหายจำนวนหนึ่งที่คู่สัญญากำหนดไว้ล่วงหน้าอันอาจจะมีหรือเกิดขึ้นเนื่องจากคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา เพื่อให้ฝ่ายทีผิดสัญญาชดใช้ให้แก่ฝ่ายที่มิได้ผิดสัญญา เงินจำนวน 30,000,000บาท ที่จำเลยที่ 1 ได้รับไว้จากโจทก์ตามสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมายจ.7 ข้อ 3 เป็นเงินที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงกันให้เป็นส่วนหนึ่งของเงินชำระราคาที่ดินที่จะซื้อจะขายกัน จึงไม่มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ และเมื่อมีข้อกำหนดไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.7ข้อ 7 ว่า หากโจทก์ผิดสัญญาโจทก์ยินยอมให้บรรดาเงินที่ได้ชำระแล้วตกเป็นของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น ซึ่งตามข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฎว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิริบเงินจำนวน30,000,000 บาท นี้ได้ตามสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.7

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย นพคุณ ตั้งวิทูรธรรม จำเลย - บริษัท ที.เอส.ทาวเวอร์ จำกัด กับพวก

ชื่อองค์คณะ จำลอง สุขศิริ สุนพ กีรติยุติ สมบัติ เดียวอิศเรศ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE