สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2519

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2519

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 62, 358

จำเลยเข้าใจว่าเสารั้วของโจทก์ที่ขุดหลุมปักไว้อยู่ในที่ดินของจำเลย จำเลยจึงถอนออก โดยเจตนาใช้สิทธิตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336,1337 ไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 358

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันรื้อถอนรั้วและเสาหลักเขตซึ่งโจทก์ได้ปักในที่ดินของโจทก์แล้วขนท่อน้ำของจำเลยเข้าไว้ในที่ดินของโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 362, 363 และริบท่อน้ำ

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับฟ้อง

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินตรงที่จำเลยวางท่อสูบน้ำกับที่โจทก์เข้าไปขุดหลุมปักเสารั้วเป็นของจำเลย จำเลยบอกให้โจทก์รื้อถอนเสารั้วออกไป โจทก์ไม่รื้อ จำเลยถอนเสานั้นแล้วนำไปวางห่างหลุมประมาณ 1 เมตร เป็นสิทธิของจำเลยที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 ถอนเสาของโจทก์แล้ววางไว้โดยมิได้ทำให้ชำรุดเสียหาย และข้อเท็จจริงยังไม่อาจรับฟังได้ว่าที่ดินตรงที่จำเลยเอาท่อน้ำไปวางอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์จำเลยไม่มีความผิด พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับฎีกาเฉพาะข้อหาฐานทำให้เสียทรัพย์โจทก์อุทธรณ์คำสั่งขอให้รับฎีกาในข้อหาบุกรุกด้วย ศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกาในข้อหาบุกรุก เพราะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ฎีกาของโจทก์เกี่ยวกับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่โจทก์อ้างว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย สรุปความได้ว่า จำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิถอนเสารั้วของโจทก์ไม่ได้ เพราะสถานการณ์ไม่ร้ายแรงก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่จำเลยที่จะใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336, 1337 ได้จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ การวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว จากพยานหลักฐานในสำนวน ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า จำเลยถอนเสารั้วของโจทก์แล้ววางไว้เพื่อจะระงับยับยั้งมิให้โจทก์ขุดหลุมปักเสาในที่ดินของจำเลย ซึ่งจำเลยเข้าใจหรือเชื่อว่าอยู่ในเขตของจำเลย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของตนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ทั้งตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นเหตุสมควรที่จำเลยจะปฏิบัติเช่นนั้นได้เพื่อยังให้ความเสียหายหรือเดือดร้อนสิ้นไปตามมาตรา 1337 การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ คำพิพากษาฎีกาที่ 1152/2510 ที่โจทก์อ้างนั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางสงบ บุญเดช จำเลย - นายคูญ ปัญจะ กับพวก

ชื่อองค์คณะ สงวน สิทธิไชย อุดม จาละ ปรีชา สุมาวงศ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE