คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2522
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1368
ผู้รับโอนการครอบครองจากผู้ครอบครองแทนผู้อื่น ผู้รับโอนมีสิทธิเท่าที่ผู้โอนมีอยู่ เว้นแต่จะเปลี่ยนลักษณะการครอบครองตาม มาตรา 1381 จึงอ้างว่าครอบครองโดยปรปักษ์ไม่ได้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องซึ่งผู้ร้องอ้างว่าครอบครองที่พิพาทมากว่า 10 ปี ได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เดิมนายกีนางชื้นสามีภรรยามีที่ดินอยู่แปลงหนึ่ง เนื้อที่ 60 ไร่เศษ นายกี นางชื้นมีบุตรด้วยกัน3 คน คือนายชม นางทิ และผู้คัดค้าน เมื่อนายกี นางชื้นตายแล้ว บุตรทั้ง 3 คนได้ส่วนแบ่งที่ดินกันคนละ 20 ไร่เศษ ต่อมาผู้คัดค้านต้องหาคดีฆ่าคนตายคดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาจำคุก 12 ปี ผู้คัดค้านได้ฝากที่ดินส่วนของตนไว้กับนายชม นางทิ โดยให้คนทั้งสองเข้าทำกินในที่ดินของตนคนละครึ่ง เมื่อผู้คัดค้านพ้นโทษแล้วในปี พ.ศ. 2512 ได้มาขอที่ส่วนของตนคืนจากนายชมนางทิ แต่คนทั้งสองไม่ยอมคืนให้ ผู้คัดค้านได้ยื่นฟ้องคนทั้งสองเรียกที่ดินคืนนางทิทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้คัดค้านในศาลยอมคืนที่ดินให้ส่วนคดีที่ผู้คัดค้านฟ้องนายชม ผลที่สุดศาลฎีกาพิพากษาให้นายชมคืนที่ดินให้ผู้คัดค้าน แต่ที่ดินที่ผู้คัดค้านฟ้องเรียกคืนจากนายชมนี้ นายชมได้ขอออกโฉนดรวมกับที่ดินส่วนของนายชมแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2486 ตามโฉนดเลขที่ 4576 เป็นเนื้อที่ดิน 31 ไร่ 2 งาน 30 วา หลังจากที่ศาลได้ออกคำบังคับให้นายชมคืนที่ดินให้ผู้คัดค้านแล้ว นายชมได้ใส่ชื่อผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับตนในที่ดินโฉนดเลขที่ 4576 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2516 ต่อมาวันที่ 17พฤษภาคม 2516 นายชมกับผู้ร้องทั้งสองได้ร่วมกันจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 4576ไว้กับสหกรณ์ที่ดินมโนรมย์หนึ่งจำกัด และยังไม่ได้มีการไถ่ถอนจำนองจนบัดนี้ส่วนที่ดินที่ศาลฎีกาพิพากษาให้นายชมคืนให้ผู้คัดค้านนั้นได้มีการแบ่งแยกโฉนดออกเป็นโฉนดเลขที่ 15468 เนื้อที่ 10 ไร่ 2 งาน 10 วา ให้ผู้คัดค้านเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2518 โดยการจำนองยังคงติดโฉนดใหม่ไปด้วย
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ผู้ร้องฎีกาว่าที่ดินส่วนที่ศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นของผู้คัดค้านตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้คัดค้านฝากที่ดินพิพาทไว้กับนายชมบิดาของผู้ร้อง นายชมจึงเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทแทนผู้คัดค้านเท่านั้น แม้นายชมจะยกที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องและผู้ร้องครอบครองต่อมาดังที่ผู้ร้องฎีกาก็ตาม แต่นายชมเป็นเพียงผู้ครอบครองแทน ผู้ร้องจึงย่อมได้สิทธิในที่พิพาทไปเพียงเท่าที่นายชมมีอยู่ คือเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทแทนเจ้าของ เว้นแต่ผู้ร้องจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ซึ่งไม่มีประเด็นในคดีนี้จึงไม่มีทางที่จะฟังว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา
ชื่อคู่ความ ผู้ร้อง - น.ส.สวย อินทมณี กับพวก ผู้คัดค้าน - นายชื้น อินทมณี
ชื่อองค์คณะ สุวัฒน์ รัตรสาร สมบัติ วังตาล ประทีป ชุ่มวัฒนะ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan