คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2532
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1012
โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานที่แจ้งชัดมาแสดงโดยตรงว่าโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนกัน การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกเวชภัณฑ์ของบริษัท บ. ดำเนินการให้บริษัท บ. เพิ่มส่วนลดให้โจทก์พนักงานของบริษัท บ. ไม่นำฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มไปขายในท้องที่ที่โจทก์ขายอยู่ และบริษัท บ. ให้ของแถมเพื่อให้โจทก์นำไปแจกแก่ลูกค้าของโจทก์อีกต่อหนึ่งซึ่งทำให้โจทก์มีกำไรจากการซืสินค้าจากบริษัท บ. ไปขายมากขึ้น ล้วนแต่เป็นการส่งเสริมการขายเพื่อทำให้บริษัท บ. ขายสินค้าได้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทางการค้า แม้โจทก์จ่ายเงินให้จำเลยร้อยละห้าของกำไรที่ได้จากการขายฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์ม ก็ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงเข้ากันเป็นหุ้นส่วนซื้อฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มจากบริษัท บ. ไปขายเพื่อประสงค์จะแบ่งปันกำไรแต่เป็นเรื่องจำเลยดำเนินการให้โจทก์มีกำไรจากกิจการค้ามากขึ้นและโจทก์ให้เงินแก่จำเลยเป็นการตอบแทน จำเลยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดในหนี้สินอันเกิดจากกิจการค้านั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยในฐานะเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ในกิจการค้าฟิล์มเอ็กซเรย์ต้องร่วมรับผิดในหนี้สินอันเกิดจากกิจการค้ากึ่งหนึ่งขอให้พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,631,965 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จแก่โจทก์จำเลยให้การว่าไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยใช้เงิน1,631,965 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อพุทธศักราช 2514 โจทก์ได้ติดต่อกับจำเลยซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกเวชภัณฑ์ของบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย)จำกัด ขอซื้อฟิล์มเอ็กซเรย์ยี่ห้อฟูจิและน้ำยาล้างฟิล์มจากบริษัทดังกล่าวไปขาย จำเลยตกลงขายให้ แต่โจทก์จะต้องนำไปขายนอกเขตกรุงเทพมหานคร และจำนวนสินค้าที่ขายจะต้องถึงเป้าหมายที่บริษัทดังกล่าวกำหนด ในระยะแรกยังมิได้ทำสัญญาเพราะเป็นระยะทดลองต่อมาวันที่ 11 มีนาคม 2514 โจทก์ในนามของร้านลิ้มปู้เคียงซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของ ได้ทำสัญญากับบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัดว่า บริษัทดังกล่าวจะขายฟิล์มเอ็กซเรย์ยี่ห้อฟูจิและน้ำยาล้างฟิล์มให้โจทก์ และให้ส่วนลดร้อยละสิบสองของราคาที่วางขายตามปกติสำหรับฟิล์มเอ็กซเรย์ และร้อยห้าของราคาที่วางขายตามปกติสำหรับน้ำยาล้างฟิล์ม และโจทก์จะต้องนำสินค้าไปขายนอกเขตกรุงเทพมหานคร โจทก์ได้ให้นางเจ็กมิ้ง แซ่โต๋ว มารดาลงลายมือชื่อในสัญญาปรากฏตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายและให้ส่วนลดเอกสารหมาย ล.1 ต่อมาในพุทธศักราช 2516 จำเลยดำเนินการให้บริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด เพิ่มส่วนลดให้โจทก์สำหรับฟิล์มเอ็กซเรย์ เพิ่มให้เป็นร้อยละสิบเจ็ดของราคาที่วางขายตามปกติโดยใช้วิธีลดร้อยละสิบในบิลเมื่อนำเงินมาชำระจะลดให้ร้อยละสี่ของยอดเงินในบิล และเพิ่มสินค้าให้เปล่าร้อยละสาม ส่วนน้ำยาล้างฟิล์มเพิ่มส่วนลดให้เป็นร้อยละยี่สิบของราคาที่วางขายตามปกติโจทก์นำเงินค่าสินค้ามาชำระให้บริษัทบอร์เนียว(ประเทศไทย) จำกัดทุก 4 เดือน จนถึงวันที่ 16 มีนาคม 2524 โจทก์ค้างชำระค่าสินค้าที่ซื้อไปจากบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด3,163,930 บาท บริษัทดังกล่าวฟ้องโจทก์เรียกร้องเงินจำนวนนี้โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลยอมใช้เงินให้บริษัทตามฟ้องคดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าในการที่โจทก์ซื้อฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มจากบริษัทบอร์เนียว(ประเทศไทย) จำกัด ไปขายเพื่อประสงค์ผลกำไร ตั้งแต่พุทธศักราช2516 นั้น จำเลยเป็นหุ้นส่วนร่วมกับโจทก์กระทำกิจการดังกล่าวหรือไม่เห็นว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานที่แจ้งชัดมาแสดงโดยตรงว่าโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนกัน การวินิจฉัยปัญหานี้จึงต้องพิจารณาตามพฤติการณ์ของโจทก์และจำเลยที่ปฏิบัติต่อกัน การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกเวชภัณฑ์ ดำเนินการให้บริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัดเพิ่มส่วนลดให้โจทก์ พนักงานของบริษัทไม่นำฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มไปขายในท้องที่ที่โจทก์ขายอยู่ และบริษัทให้ของแถมเพื่อให้โจทก์นำไปแจกแก่ลูกค้าของโจทก์อีกต่อหนึ่ง ซึ่งทำให้โจทก์มีกำไรจากการซื้อสินค้าดังกล่าวจากบริษัทไปขายมากขึ้น ล้วนแต่เป็นการส่งเสริมการขายเพราะมีผลทำให้บริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย)จำกัด ขายสินค้าได้มากขึ้น และเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทางการค้าซึ่งเจ้าของสินค้ารายอื่นกระทำกันทั่วไป จะเห็นได้จากคำนายธนา เลียวบุรินทร์ พยานโจทก์ ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทบอร์เนียว(ประเทศไทย) จำกัด ที่ว่าการให้ของแถมแก่ลูกค้าเป็นเรื่องธรรมดาและเมื่อพนักงานขายของบริษัทคนหนึ่งไปขายสินค้าในที่แห่งหนึ่งพนักงานขายคนอื่นไม่ควรไปขายสินค้าในที่แห่งเดียวกัน และคำนายปิติ พิกุลสด พยานจำเลยซึ่งเคยเป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของบริษัทดีทแฮล์ม จำกัด ที่ว่า การแจกของชำร่วยแก่ลูกค้าบริษัทดีทแฮล์ม จำกัด ก็ได้กระทำและคิดจะตั้งตัวแทนจำหน่ายฟิล์มเอ็กซเรย์ในต่างจังหวัดเช่นเดียวกับบริษัทบอร์เนียว(ประเทศไทย) จำกัด แต่ตกลงกันไม่ได้เพราะผู้ที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายขอส่วนลดถึงร้อยละยี่สิบ ดังนั้นแม้จะฟังตามที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์จ่ายเงินให้จำเลยร้อยละห้าของกำไรที่ได้จากการขายฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มก็ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงเข้ากันเป็นหุ้นส่วนซื้อฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มจากบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด ไปขายเพื่อประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการค้าดังกล่าว แต่เป็นเรื่องจำเลยดำเนินการให้โจทก์มีกำไรจากกิจการค้ามากขึ้น และโจทก์ให้เงินแก่จำเลยเป็นการตอบแทน จำเลยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดในหนี้สินอันเกิดจากกิจการค้านั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น"
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลเป็นพับ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย ปวีณ์ ปวีณ์วรร ณ จำเลย - นาย สุคนธ์ ชัชวาลย์นนท์
ชื่อองค์คณะ บุญส่ง คล้ายแก้ว ประชา บุญวนิช เกียรติ จาตนิลพันธุ์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan