สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8475/2563

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8475/2563

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 264, 265, 268

การที่ ศ. ยินยอมให้ ร. ลงลายมือชื่อของ ศ. ในใบเสร็จรับเงินโดยไม่ได้กรอกข้อความอื่นแล้วมอบให้จำเลย แม้ว่าจำเลยจะเป็นผู้กรอกข้อความในใบเสร็จรับเงินหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อข้อความที่กรอกนั้นตรงกับความเป็นจริง ทั้งข้อความนั้นเป็นประโยชน์แก่ ศ. ผู้มีอำนาจทำเอกสาร จึงไม่เกิดความเสียหายแก่เจ้าของเอกสารหรือผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ถือไม่ได้ว่าเป็นการปลอมเอกสาร และเมื่อใบเสร็จรับเงินไม่ใช่เอกสารปลอม จำเลยนำใบเสร็จรับเงินไปใช้แสดงต่อที่ประชุมสมาคมโจทก์ก็ไม่เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอม

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 264, 268

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีมีมูลในข้อหาความผิดฐานใช้เอกสารปลอม จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง ส่วนข้อหาปลอมเอกสารให้ยกฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 (เดิม) จำคุก 6 เดือน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่จำเลยไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นนายกสมาคมโจทก์ นายอลงกรณ์เป็นเลขาธิการ โจทก์โดยจำเลยได้ว่าจ้างร้านศักดิ์ชัยการ์เม้นท์ซึ่งมีนางศิวนาถเป็นเจ้าของร้านตัดชุดสูทคณะกรรมการ 34 ชุด เสื้อสูทสมาคม 1,800 ตัว และเสื้อสูทสมาคม 275 ตัว รวมเป็นเงิน 2,986,600 บาท แบ่งชำระ 2 งวด งวดแรก 1,000,000 บาท งวดที่สอง 1,986,600 บาท วันที่ 20 มิถุนายน 2556 โจทก์ชำระเงินงวดแรกให้แก่นางศิวนาถโดยนายกษิภัท บุตรของนางศิวนาถเป็นผู้รับเงิน วันที่ 28 มิถุนายน 2556 โจทก์โดยจำเลยและนายอลงกรณ์ลงลายมือชื่อร่วมกันในใบถอนเงินจำนวน 1,986,600 บาท แล้วจำเลยนำไปเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของโจทก์เพื่อมอบเงินงวดที่สองให้แก่นางศิวนาถ ต่อมาวันที่ 22 ตุลาคม 2556 นางศิวนาถเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมสมาคมโจทก์ว่าได้รับเงินงวดที่สองเพียง 1,520,000 บาท ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั้นจำเลยเข้าร่วมประชุมและแจ้งว่าได้จ่ายเงินค่าชุดสูทให้แก่นางศิวนาถครบถ้วนแล้วพร้อมแสดงใบเสร็จรับเงินต่อที่ประชุมสมาคมโจทก์

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ ได้ความจากนางศิวนาถพยานโจทก์ตอบทนายจำเลยถามค้านในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า รายการสินค้าและจำนวนเงินค่าจ้างเป็นรายการสินค้าและจำนวนเงินที่ถูกต้อง แต่ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนเขียน ส่วนลายมือชื่อพยานในช่องผู้รับมอบอำนาจและผู้รับเงิน พยานบอกให้นางปรานทิพย์ ลูกจ้างของพยานลงลายมือชื่อแทน พิเคราะห์แล้ว การที่นางศิวนาถยินยอมให้นางปรานทิพย์ลงลายมือชื่อของนางศิวนาถในใบเสร็จรับเงิน โดยไม่ได้กรอกข้อความอื่นแล้วมอบให้จำเลย แม้ว่าจำเลยจะเป็นผู้กรอกข้อความในใบเสร็จรับเงินหรือไม่ก็ตาม เมื่อปรากฏว่าข้อความที่กรอกนั้นตรงกับความเป็นจริง ทั้งข้อความนั้นเป็นประโยชน์แก่นางศิวนาถเจ้าของร้านผู้มีอำนาจทำเอกสาร จึงไม่เกิดความเสียหายแก่เจ้าของเอกสารหรือผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ถือไม่ได้ว่าเป็นการปลอมเอกสาร ดังนั้น เมื่อใบเสร็จรับเงินไม่ใช่เอกสารปลอม จำเลยนำใบเสร็จรับเงินไปใช้แสดงต่อที่ประชุมสมาคมโจทก์ก็ไม่เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอม ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป

พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.2255/2563

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - สมาคม ร. จำเลย - นาย ป.

ชื่อองค์คณะ นิยุต สุภัทรพาหิรผล เอกศักดิ์ ยันตรปกรณ์ สมศักดิ์ ขวัญแก้ว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลแขวงดุสิต - นายปัญญา มั่นคง ศาลอุทธรณ์ - นายธานิศ เกศวพิทักษ์

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE