สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 839/2540

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 839/2540

พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 ม. 8, 18 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 176 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 ม. 17

การประเมินค่ารายปีของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1เป็นการประเมินของปี2537ส่วนค่าเช่าที่โจทก์อ้างถึงเป็นค่าเช่าที่โจทก์ทำสัญญากันไว้ในปี2532และสัญญาเช่าดังกล่าวมีอายุเพียงปีเดียวจึงเป็นเหตุอันสมควรที่ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1เห็นว่าค่าเช่านั้นมิใช่จำนวนเงินอันสมควรที่จะให้เช่าได้พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1จึงมีอำนาจทำการประเมินค่ารายปีได้ ที่โจทก์โต้แย้งว่าแม้สัญญาเช่าโจทก์มีอายุเพียงปีเดียวแต่โจทก์ก็คิดค่าเช่ากับผู้เช่าในอัตราเดิมตลอดมาเพราะตึกที่โจทก์ให้เช่ามิได้ตั้งอยู่ริมถนนเศรษฐกิจ ความเจริญของตึกที่เช่าตั้งแต่ปี2532จนถึงปัจจุบันมิได้มีการเปลี่ยนแปลงพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1เพิ่มค่ารายปีโดยมิได้แสดงให้เห็นว่าถนนที่ตึกโจทก์ตั้งอยู่มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นการประเมินค่ารายปีของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1ในปี2536ไม่ชอบแม้โจทก์จะฟ้องคดีและในที่สุดศาลภาษีอากรจำหน่ายคดีก็ตามก็ถือได้ว่าโจทก์โต้แย้งการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1ในปี2536แล้วและปัญหายังมิได้ยุตินั้นเมื่อโจทก์ทิ้งคำฟ้องจนเป็นเหตุให้ศาลภาษีอากรจำหน่ายคดีคำฟ้องของโจทก์จึงตกไปและมีผลทำให้คู่ความกลับคืนเข้าสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา176ปัญหาข้อโต้แย้งการประเมินค่ารายปีของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1ในปี2536จึงถือว่าไม่มีข้อโต้แย้งต่อไปค่ารายปีของปี2536ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1ประเมินจึงฟังเป็นยุติโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1ไม่ต้องแสดงว่าถนนที่ตึกโจทก์ตั้งอยู่เจริญรุ่งเรืองขึ้นจนทำให้ต้องมีการประเมินเพิ่มขึ้นการประเมินค่ารายปีของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1โดยยึดถืออัตราค่ารายปีของปี2536ดังกล่าวประกอบทรัพย์สินขนาดพื้นที่ทำเลที่ตั้งและบริการสาธารณะของบุคคลอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกันย่อมเป็นการประเมินที่ชอบแล้ว ทรัพย์สินที่โจทก์ใช้เป็นสำนักงานเพื่อประกอบธุรกิจของโจทก์พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1ได้กำหนดค่ารายปีถัวเฉลี่ยตารางเมตรละ48.96บาทต่อเดือนโดยเทียบเคียงจากโรงเรือนของธนาคารซึ่งธนาคารใช้ดำเนินเองมีค่ารายปีถังเฉลี่ยตารางเมตรละ70บาทต่อเดือนเมื่อโรงเรือนของธนาคารดังกล่าวอยู่ใกล้เคียงกับโรงเรือนของโจทก์และอยู่ติดถนนสี่พระยาเช่นเดียวกับโรงเรือนของโจทก์และพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1ก็กำหนดค่ารายปีต่ำกว่าโรงเรือนดังกล่าวมิได้กำหนดสูงเกินไปการกำหนดค่ารายปีของทรัพย์สินตามรายการดังกล่าวจึงชอบแล้ว พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพ.ศ.2475มาตรา18บัญญัติว่า"ค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วนั้นท่านให้เป็นหลักสำหรับการคำนวณค่าภาษีซึ่งจะต้องเสียในปีต่อมา"เมื่อค่ารายปีของปี2536เป็นอันยุติตามที่ได้วินิจฉัยมาแล้วการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1กำหนดค่ารายปีของปี2537โดยอาศัยค่ารายปีของปี2536เป็นหลักจึงชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าว

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ตามแบบแจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือน (ภ.ร.ด.8) ประจำปี 2537 เล่มที่ 39 ลงวันที่8 มีนาคม 2537 และใบแจ้งคำชี้ขาด (ภ.ร.ด.11) ของจำเลยที่ 2เล่าที่ 16 เลขที่ 12 ลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2538 กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินให้โจทก์รวมเป็นเงิน 175,093.87 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์แล้วเสร็จ

จำเลยทั้งสองให้การว่า การประเมินและคำชี้ขาดชอบด้วยกฎหมายแล้ว สำหรับที่โจทก์อ้างว่าอาคารของโจทก์มีสภาพเก่าชำรุดแตกร้าวจึงถูกสำนักงานเขตบางรักมีคำสั่งให้แก้ไขนั้นคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ให้ทำการแก้ไขตั้งแต่ปี 2530 เมื่อโจทก์ได้ทำการปรับปรุงแก้ไขให้อยู่ในสภาพที่ดีแล้วกลับทำให้อาคารของโจทก์มีสภาพที่ดีขึ้นเพราะได้ทำการปรับปรุงแก้ไขตามคำสั่งจึงย่อมสามารถให้เช่าได้ในอัตราสูงขึ้น และเนื่องจากพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 39 กำหนดว่าหากศาลตัดสินให้ลดค่าภาษีจำเลยทั้งสองมีสิทธิคืนเงินที่ศาลสั่งลดให้นั้น ให้โจทก์ภายใน 3 เดือน โดยไม่คิดค่าใด ๆ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ 1 เนื่องจากจำเลยที่ 2ได้ถูกฟ้องในคดีนี้เพราะเหตุที่เป็นเจ้าพนักงานและได้ปฏิบัติการตามหน้าที่ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลภาษีอากรกลาง พิพากษายก ฟ้อง

โจทก์ อุทธรณ์ ต่อ ศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาโจทก์มีว่า การประเมินค่ารายปีของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1ในส่วนพื้นที่เช่าตั้งแต่ชั้นใต้ดิน ชั้น 1 ถึงชั้น 4 ชั้น 6ถึงชั้น 8 และชั้น 10 ตามรายการทรัพย์สินที่ 1 ถึง 9, 11 ถึง 13และรายการที่ 15 ชอบหรือไม่ ปัญหานี้โจทก์อุทธรณ์ว่าค่ารายปีควรคิดเท่ากับค่าเช่าที่สมควรให้เช่าได้ในปีหนึ่ง ๆ ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 9(ที่ถูกต้องคือมาตรา 8) ที่บัญญัติว่า "ค่ารายปี" หมายความว่า"จำนวนเงินซึ่งทรัพย์นั้นสมควรให้เช่าได้ในปีหนึ่ง ๆในกรณีที่ทรัพย์สินนั้นให้เช่า ให้ถือว่าค่าเช่านั้นคือค่ารายปีแต่ถ้ามีเหตุอันสมควรที่ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าค่าเช่านั้นมิใช่จำนวนเงินอันสมควรที่จะให้เช่าได้หรือเป็นกรณีที่หาค่าเช่าไม่ได้เนื่องจากเจ้าของทรัพย์สินดำเนินกิจการเองหรือด้วยเหตุประการอื่น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประเมินค่ารายปีได้โดยคำนึงถึงลักษณะของทรัพย์สิน ขนาด พื้นที่ ทำเล ที่ตั้งและบริการสาธารณะที่ทรัพย์สินนั้นได้รับประโยชน์" กรณีของโจทก์มีค่าเช่าชัดเจนจึงต้องถือค่าเช่าเป็นค่ารายปีจำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งว่า ค่าเช่าดังกล่าวมิใช่ค่าเช่าจริงการประเมินค่ารายปีของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1ไม่ชอบนั้น เห็นว่า การประเมินค่ารายปีของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เป็นการละเมิดของปี 2537 ส่วนค่าเช่าที่โจทก์อ้างถึงเป็นค่าเช่าที่โจทก์ทำสัญญากันไว้ในปี 2532 และสัญญาเช่าดังกล่าวมีอายุเพียงปีเดียว จึงเป็นเหตุอันสมควรที่ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เห็นว่า ค่าเช่านั้นมิใช่จำนวนเงินอันสมควรที่จะให้เช่าได้ พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจทำการประเมินค่ารายปีได้ ส่วนที่โจทก์โต้แย้งว่าแม้สัญญาเช่าโจทก์มีอายุเพียงปีเดียว แต่โจทก์ก็คิดค่าเช่ากับผู้เช่าในอัตราเดิมตลอดมา เพราะตึกที่โจทก์ให้เช่ามิได้ตั้งอยู่ริมถนนเศรษฐกิจ ความเจริญของตึกที่เช่าตั้งแต่ปี 2532 จนถึงปัจจุบันมิได้มีการเปลี่ยนแปลง พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1เพิ่มค่ารายปีโดยมิได้แสดงให้เห็นว่าถนนที่ตึกโจทก์ตั้งอยู่มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้น การประเมินค่ารายปีของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ในปี 2536 ไม่ชอบ แม้โจทก์จะฟ้องคดีและในที่สุดศาลภาษีอากรกลางจำหน่ายคดีก็ตาม ก็ถือได้ว่าโจทก์โต้แย้งการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ในปี 2536แล้ว และปัญหายังมิได้ยุตินั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์ทิ้งคำฟ้องจนเป็นเหตุให้ศาลภาษีอากรกลางจำหน่ายคดี คำฟ้องของโจทก์จึงตกไปและมีผลทำให้คู่ความกลับคืนเข้าสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176ปัญหาข้อโต้แย้งการประเมินค่ารายปีของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ในปี 2536 จึงถือว่าไม่มีข้อโต้แย้งต่อไปค่ารายปีของปี 2536 ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1ประเมินจึงฟังเป็นยุติโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1ไม่ต้องแสดงว่าถนนที่ตึกโจทก์ตั้งอยู่เจริญรุ่งเรืองขึ้นจนทำให้ต้องมีการประเมินเพิ่มขึ้นการประเมินค่ารายปีของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 โดยยึดถืออัตราค่ารายปีของปี 2536ดังกล่าวประกอบทรัพย์สิน ขนาด พื้นที่ ทำเวลา ที่ตั้งและบริการสาธารณะของบุคคลอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกัน เช่นบริษัทโกล์ดแม็ก คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นการประเมินที่ชอบด้วยบทบัญญัติที่โจทก์ยกขึ้นอุทธรณ์ดังกล่าวแล้ว

ที่โจทก์ฎีกาต่อไปว่า การกำหนดค่ารายปีสำหรับลานจอดรถทรัพย์สินรายการที่ 17 ถึง 20 ไม่ชอบเนื่องจากโจทก์มิได้นำลายจอดรถดังกล่าวออกให้เช่า จึงไม่มีอัตราค่าเช่าที่จะนำมาใช้เป็นฐานในการกำหนดค่ารายปีได้และไม่อาจนำค่ารายปีของบริษัทโกล์ดแม็ก คอร์ปอเรชั่น จำกัด และธนาคารกรุงเทพ จำกัดมาเทียบเคียง เพราะโรงเรือนของบริษัททั้งสองคิดค่าจอดรถแยกจากค่าเช่าแต่โรงเรือนของโจทก์มิได้คิดค่าเช่านั้น เห็นว่าในชั้นพิจารณาโจทก์มิได้นำสืบว่าโจทก์มิได้นำลายจอดรถดังกล่าวออกให้เช่า จึงฟังได้ว่าโจทก์นำลานจอดรถดังกล่าวออกให้เช่า เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าโจทก์คิดค่าเช่าในอัตราเท่าใด พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจกำหนดจำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวสมควรให้เช่าหรือค่ารายปีได้ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 8 วรรค 3และการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 กำหนดค่ารายปีถัวเฉลี่ยตารางเมตรละ 10 บาท ต่อเดือน โดยเทียบเคียงกับลานจอดรถของบริษัทโกล์ดแม็ก คอร์ปอเรชั่น จำกัด และธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาสี่พระยานั้น นับเป็นการกำหนดค่ารายปีที่ชอบแล้ว เพราะเป็นการกำหนดค่ารายปีต่ำกว่าค่ารายปีของลายจอดรถของบริษัททั้งสองที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน

ที่โจทก์ฎีกาว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 กำหนดค่ารายปีของพื้นที่ชั้น 5 ตามรายการทรัพย์สินที่ 10 ไม่ชอบเนื่องจากกำหนดสูงเกินไปนั้น เห็นว่า ทรัพย์สินตามรายการดังกล่าวโจทก์ใช้เป็นสำนักงานเพื่อประกอบธุรกิจของโจทก์ พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้กำหนดค่ารายปีถัวเฉลี่ยตารางเมตรละ 48.96 บาทต่อเดือน โดยเทียบเคียงจากโรงเรือนเลขที่ 235 ของธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาสี่พระยา ซึ่งธนาคารใช้ดำเนินเอง มีค่ารายปีถัวเฉลี่ยตารางเมตรละ 70 บาทต่อเดือน เมื่อโรงเรือนของธนาคารดังกล่าวอยู่ใกล้เคียงกับโรงเรือนของโจทก์และอยู่ติดถนนสี่พระยาเช่นเดียวกับโรงเรือนของโจทก์และพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1ก็กำหนดค่ารายปีต่ำกว่าโรงเรือนดังกล่าว มิได้กำหนดสูงเกินไปการกำหนดค่ารายปีของทรัพย์สินตามรายการดังกล่าวจึงชอบแล้ว

ที่โจทก์ฎีกาข้อสุดท้ายว่า ค่ารายปีที่จำเลยกำหนดในปี 2534ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2538 แก้ไขบางส่วน การประเมินของจำเลยในปี 2535 และ 2536 โดยอาศัยค่ารายปีของปี 2534ที่ถูกแก้ไข มิได้อาศัยค่ารายปีตามยอดที่ศาลฎีกาแก้ไขแล้วเทียบเคียงเป็นการประเมินไม่ชอบนั้น เห็นว่าพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 มาตรา 18 บัญญัติว่า"ค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วนั้น ท่านให้เป็นหลักสำหรับการคำนวณค่าภาษีซึ่งจะต้องเสียในปีต่อมา" เมื่อค่ารายปีของปี 2536เป็นอันยุติตามที่ได้วินิจฉัยมาแล้วการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 กำหนดค่ารายปีของปี 2537 โดยอาศัยค่ารายปีของปี2536 เป็นหลัก จึงชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าว

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท ยนตรภัณฑ์ จำกัด จำเลย - กรุงเทพมหานคร กับพวก

ชื่อองค์คณะ ปราโมทย์ ชพานนท์ ยงยุทธ ธารีสาร จำลอง สุขศิริ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE