คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8122 - 8123/2567
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 224 วรรคสาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ม. 4, 22, 22 ทวิ
คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 คู่ความที่อุทธรณ์ต้องได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์จากผู้พิพากษาที่พิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามมาตรา 22 ทวิ โดยยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ถึงผู้พิพากษาดังกล่าวพร้อมกับคำฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสาม ซึ่งนำมาใช้บังคับโดยอนุโลม ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 4 และผู้พิพากษาที่มีอำนาจได้สั่งคำร้องอนุญาตให้คู่ความนั้นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ หรือกรณีที่มิได้ยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ต่อผู้พิพากษาดังกล่าวโดยตรง แต่ผู้พิพากษาที่พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวได้มีคำสั่งขณะตรวจรับอุทธรณ์ว่า ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และอนุญาตให้อุทธรณ์ จึงจะเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
คดีนี้ผู้พิพากษาที่พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งในอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมว่า รับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วม สำเนาให้จำเลยทั้งสองแก้ โดยไม่ได้มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ร่วมอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมเป็นการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่รับวินิจฉัยและพิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมนั้น ชอบแล้ว
อนึ่ง ที่โจทก์ร่วมยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขออนุญาตฎีกา เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีอาญาทั่วไป การฎีกาจึงอยู่ภายใต้บทบัญญัติว่าด้วยฎีกาตาม ป.วิ.อ. ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 4 มิใช่เป็นคดีที่มีบทบัญญัติให้การฎีกากระทำได้เมื่อได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา จึงให้ยกคำร้องขออนุญาตฎีกา
คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน โดยเรียกโจทก์ทั้งสองสำนวนว่าโจทก์ และเรียกจำเลยในสำนวนแรกว่า จำเลยที่ 1 เรียกจำเลยในสำนวนหลังว่า จำเลยที่ 2
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองสำนวนขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
ระหว่างพิจารณา นายโสพณ ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ทั้งสองสำนวน ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ร่วม
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ร่วมว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ร่วมต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เนื่องจากโจทก์ร่วมไม่ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 ทวิ โดยต้องให้ผู้พิพากษาคนใดซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลแขวงอนุญาตให้อุทธรณ์ โจทก์ร่วมไม่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว และให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 จะเกิดสิทธิให้คู่ความสามารถยื่นอุทธรณ์กรณีมีการขออนุญาตหรือได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์จากผู้พิพากษาที่พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามมาตรา 22 ทวิ นั้น ในการขออนุญาตอุทธรณ์คู่ความผู้ขอต้องยื่นคำร้องถึงผู้พิพากษานั้นพร้อมกับคำฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสาม ซึ่งนำมาใช้บังคับโดยอนุโลม ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 และผู้พิพากษาที่มีอำนาจได้สั่งคำร้องอนุญาตให้คู่ความนั้นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ หรือกรณีที่มิได้มีการยื่นคำร้องขออนุญาตต่อผู้พิพากษาดังกล่าวโดยตรง แต่ผู้พิพากษาผู้มีอำนาจมีคำสั่งขณะตรวจรับอุทธรณ์ว่า ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และอนุญาตให้คู่ความฝ่ายนั้นอุทธรณ์ จึงจะเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่คดีนี้ผู้พิพากษาที่พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งในอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมเพียงว่า โจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลอนุญาตให้ขยายรับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วม สำเนาให้จำเลยทั้งสองแก้ภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับสำเนา ไม่ได้มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ร่วมอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมจึงเป็นการกระทำโดยผิดหลง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมเป็นการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมและพิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมนั้น จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่โจทก์ร่วมยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขออนุญาตฎีกา เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีอาญาทั่วไป การฎีกาจึงอยู่ภายใต้บทบัญญัติว่าด้วยฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 มิใช่เป็นคดีที่มีบทบัญญัติให้การฎีกากระทำได้เมื่อได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา จึงให้ยกคำร้องขออนุญาตฎีกา
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.1749-1750/2567
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา