สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2518

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796 - 797/2518

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 218 ประมวลกฎหมายอาญา ม. 75

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราให้จำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลชั้นต้นแต่เห็นว่าจำเลยอายุ 16 ปี พิพากษาแก้โดยลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ให้จำคุก 5 ปี ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน

โจทก์ฟ้องทั้งสองสำนวนใจความอย่างเดียวกันว่า จำเลยทั้งสองสำนวนกับพวกได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงต่อหน้าธารกำนัล ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276,281, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2514 ข้อ 7

จำเลยทั้งสองสำนวนให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยสำนวนหลังช่วยจับแขนขาผู้เสียหายให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 สำนวนแรกข่มขืนกระทำชำเรา พิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 281, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2514 ข้อ 7 ลงโทษจำคุกคนละ 10 ปี

จำเลยที่ 1 สำนวนแรก และจำเลยสำนวนหลังอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นยกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281มาปรับบทลงโทษจำเลยไม่ถูกต้อง และแม้การปรับบทลงโทษจำเลยนี้จะเป็นเหตุในลักษณะคดีก็ตาม เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ได้อุทธรณ์ และศาลชั้นต้นได้ออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดแก่จำเลยแล้ว ก็ไม่สมควรแก้บทลงโทษตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ด้วย พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 สำนวนแรก และจำเลยสำนวนหลังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง, 83 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2514 ข้อ 7 จำเลยสำนวนหลังอายุ 16 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ให้จำคุก 5 ปี

จำเลยที่ 1 สำนวนแรก และจำเลยสำนวนหลังฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับจำเลยสำนวนหลัง ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกมีกำหนด 10 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมีอายุ 16 ปี จึงพิพากษาแก้เป็นว่าลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ให้จำคุก 5 ปี ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น แล้วแก้โทษจำเลย โดยลดมาตราส่วนโทษให้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยสำนวนหลัง

ส่วนฎีกาจำเลยที่ 1 นั้นฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดลพบุรี จำเลย - จ่าอากาศตรีสุรพล มากสินธ์ ที่ 1 พันจ่าอากาศโทนิยม พลานิกุล หรือพนาลิกุล ที่ 2 โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดลพบุรี จำเลย - นางเล็ก หรืออัชรา หอมขจร

ชื่อองค์คณะ ยงยุทธ เลอลภ กฤษณ์ โสภิตกุล ธวัช สิทธิชัย

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE