สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2539

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55 พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ม. 25 วรรคสอง, 26 วรรคหนึ่ง

ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 25 วรรคสอง บัญญัติให้รัฐมนตรีวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์และมาตรา 26 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลได้ภายใน1 ปี นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี หรือนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วแต่กรณี ดังนี้เมื่อโจทก์อุทธรณ์ต่อจำเลยที่ 1 วันที่ 20 กรกฎาคม 2535 จำเลยที่ 1จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นใน 60 วัน นับแต่วันดังกล่าว การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 1 มิถุนายน 2537 จึงฟ้องหลังจากพ้นกำหนดเวลา 1 ปี นับแต่วันพ้นกำหนดเวลาที่รัฐมนตรีต้องวินิจฉัยให้เสร็จสิ้นตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 4884 ที่มีพระราชกฤษฎีกาเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 414 จำเลยทั้งสามจ่ายเงินค่าทดแทนให้โจทก์ 644,381 บาท ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันจ่ายเพิ่ม 1,833,304.90บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสามให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเนื่องจากฟ้องเกิน 1 ปี นับแต่วันพ้นกำหนดวินิจฉัยอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายเรื่องอายุความ ศาลชั้นต้นจึงงดสืบพยานและวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่า โจทก์ไม่พอใจเงินค่าทดแทนที่คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นกำหนดให้ จึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินบริเวณที่ที่จะเวนคืนฯ พ.ศ. 2532 จำเลยที่ 1 รับอุทธรณ์ของโจทก์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2535 และแจ้งคำวินิจฉัยให้โจทก์ทราบเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2536 โจทก์ฟ้องคดีวันที่ 1 มิถุนายน 2537 คดีมีประเด็นปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้แต่เพียงว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีนี้หรือไม่

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ. 2530 มาตรา 25 วรรคสอง บัญญัติให้รัฐมนตรีวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นภายใน60 วัน นับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ และมาตรา 26 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนยังไม่พอใจในคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีตามมาตรา 25 หรือในกรณีที่รัฐมนตรีมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 25 วรรคสองให้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลได้ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีหรือนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าว แล้วแต่กรณี ดังนี้ เมื่อโจทก์อุทธรณ์ต่อจำเลยที่ 1 วันที่ 20 กรกฎาคม 2535 จำเลยที่ 1 จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นใน 60 วันนับแต่วันดังกล่าว การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 1 มิถุนายน 2537 จึงฟ้องหลังจากพ้นกำหนดเวลา 1 ปี นับแต่วันพ้นกำหนดเวลาที่รัฐมนตรีต้องวินิจฉัยให้เสร็จสิ้นตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาง พิชญา อินทวงศ์หรือแก้วศรี จำเลย - พันเอก วินัย สมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กับพวก

ชื่อองค์คณะ สุทธิ นิชโรจน์ สมพล สัตยาอภิธาน สุประดิษฐ์ หุตะสิงห์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE