คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7212/2567
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 264, 268 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 216 พระธรรมนูญศาลยุติธรรม ม. 17, 25 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ม. 4, 22, 22 ทวิ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ป.อ. มาตรา 264, 268 ซึ่งแต่ละฐานความผิดมีระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นที่เป็นศาลแขวง ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 17 ประกอบมาตรา 25 จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 ทวิ โจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่รับวินิจฉัยและพิพากษายกอุทธรณ์โจทก์เพราะเหตุดังกล่าว โจทก์ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาไม่ชอบอย่างไร แต่โจทก์ฎีกาทำนองเดียวกับอุทธรณ์ว่า พยานหลักฐานของโจทก์มีมูลขอให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 1 ในข้อหาดังกล่าวไว้พิจารณา ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 216 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 91, 264, 268
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ 2 ในข้อหาปลอมเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคหนึ่ง ให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาในข้อหาดังกล่าว ข้อหาใช้เอกสารปลอมให้ยก ส่วนจำเลยที่ 1 ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ สำหรับจำเลยที่ 1 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีไม่มีมูล นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า "…คำสั่งที่ว่า คดีไม่มีมูลนั้น โจทก์มีอำนาจอุทธรณ์ฎีกาได้ตามบทบัญญัติว่าด้วยลักษณะอุทธรณ์ฎีกา" และนำมาใช้บังคับในศาลแขวงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 กรณีจึงมีผลให้โจทก์ไม่สามารถใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ทุกคดีเสมอไป โจทก์ฟ้องคดีนี้ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และไม่ได้ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 แต่บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยที่ 1 ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268 เมื่อความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมที่โจทก์บรรยายและขอให้ลงโทษนั้นแต่ละฐานความผิดมีระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นที่เป็นศาลแขวง ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 17 ประกอบมาตรา 25 จึงต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่เป็นศาลแขวงในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 ที่โจทก์อุทธรณ์ทำนองว่า พยานหลักฐานของโจทก์มีมูลว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานใช้เอกสารปลอม ขอให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 1 ในข้อหาดังกล่าวไว้พิจารณา นั้น เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์ตามบทบัญญัติดังกล่าว กับไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 ทวิ โจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ และเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่รับวินิจฉัยและพิพากษายกอุทธรณ์โจทก์เพราะเหตุดังกล่าว โจทก์ก็ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่รับวินิจฉัยและพิพากษายกอุทธรณ์โจทก์เพราะเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์นั้น ไม่ชอบอย่างไร แต่โจทก์ฎีกาเป็นทำนองเดียวกับอุทธรณ์ว่า พยานหลักฐานของโจทก์มีมูลว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานใช้เอกสารปลอม ขอให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 1 ในข้อหาดังกล่าวไว้พิจารณาเท่านั้น ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของโจทก์
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.751/2567
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา


