สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7116/2542

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7116/2542

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 87 (2), 88 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 ม. 29, 31, 44, 45

ข้อกำหนดศาลแรงงานว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงาน ข้อ 10 ซึ่งออกบังคับใช้โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 29 ให้อำนาจศาลแรงงานสอบถามคู่ความแต่ละฝ่ายว่าประสงค์จะอ้างและสืบพยานใดบ้างแล้วจดรายชื่อและที่อยู่ของพยานบุคคล สภาพและสถานที่เก็บของพยานเอกสารหรือพยานวัตถุไว้หรือจะให้คู่ความทำบัญชีระบุพยานยื่นต่อศาลแรงงานภายในวันนั้นหรือภายในกำหนด 2 วัน ก็ได้ หากศาลแรงงานเห็นว่าพยานที่คู่ความมานำสืบยังไม่ได้ข้อเท็จจริงแห่งคดีแจ้งชัด ศาลแรงงานก็มีอำนาจตามมาตรา 45 ที่จะเรียกพยานมาสืบได้เองตามที่เห็นสมควรและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงเป็นกรณีมีบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีแรงงานเป็นการเฉพาะแล้ว ไม่อาจนำ ป.วิ.พ. มาตรา 87 (2) , 88 มาอนุโลมใช้

แม้บัญชีระบุพยานจำเลยระบุเพียง "ฝ่ายกฎหมาย บริษัทสาธรคาร์เร้นท์ จำกัด" โดยไม่ได้ระบุชื่อ ส. เป็นพยานจำเลย ศาลแรงงานกลางก็สามารถรับฟังคำเบิกความของ ส. เป็นพยานได้ในฐานะพยานที่ศาลแรงงานกลางเห็นสมควรสืบเองตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 300,000 บาท ค่าชดเชยเป็นเงิน 114,000 บาท ค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 25,967 บาท ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อน 8,867 บาท ค่าจ้างค้างชำระเป็นเงิน 22,673 บาท ค่าเบี้ยเลี้ยงเป็นเงิน 3,600 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ได้รับอนุมัติจากจำเลยให้ไปปฏิบัติงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งแต่วันที่ 16 - 28 สิงหาคม 2540 โจทก์ได้ขอเบิกเงินค่าเช่ารถ ค่าเบี้ยเลี้ยง และค่าที่พักเป็นเวลา 12 วัน แต่โจทก์ไม่ได้ปฏิบัติงานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลับทำหลักฐานขอเบิกเงินค่าเช่ารถ ค่าเบี้ยเลี้ยง จึงเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ การเลิกจ้างโจทก์มิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าเสียหายและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี โจทก์ได้รับค่าจ้างและค่าเบี้ยเลี้ยงที่จำเลยค้างชำระเป็นที่พอใจแล้ว ไม่ติดใจเรียกร้องอีก จึงไม่วินิจฉัยในส่วนนี้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางรับฟังคำเบิกความของนายสรรเพชรพยานจำเลยมาวินิจฉัยให้โจทก์แพ้คดีโดยจำเลยไม่ได้ระบุชื่อนายสรรเพชรไว้ในบัญชีระบุพยาน เป็นการรับฟังพยานโดยฝ่าฝืนกฎหมายนั้น เห็นว่า ข้อกำหนดศาลแรงงานว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงาน ข้อ 10 ซึ่งออกใช้บังคับโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 29 ให้อำนาจศาลแรงงานสอบถามคู่ความแต่ละฝ่ายว่าประสงค์จะอ้างและสืบพยานใดบ้างแล้วจดรายชื่อและที่อยู่ของพยานบุคคล สภาพและสถานที่เก็บของพยานเอกสารหรือพยานวัตถุไว้ หรือจะให้คู่ความทำบัญชีระบุพยานยื่นต่อศาลแรงงานในวันนั้นหรือภายในกำหนด 2 วัน ก็ได้ หากศาลแรงงานเห็นว่า พยานที่คู่ความนำมาสืบยังไม่ได้ข้อเท็จจริงแห่งคดีแจ้งชัด ศาลแรงงานก็มีอำนาจตามมาตรา 45 ที่จะเรียกพยานหลักฐานมาสืบได้เองตามที่เห็นสมควรและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ซึ่งเป็นกรณีที่มีบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีแรงงานเป็นการเฉพาะแล้ว ไม่อาจนำบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 87 (2) และมาตรา 88 มาอนุโลมใช้บังคับแก่การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงานตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ได้ เมื่อศาลแรงงานมีอำนาจเรียกพยานมาสืบได้เองหรือกำหนดให้คู่ความนำพยานมาสืบโดยจะให้ยื่นบัญชีระบุพยานหรือไม่ก็ได้ดังกล่าวมาแล้ว ดังนั้นแม้จำเลยจะยื่นบัญชีระบุพยานเพียงว่า "ฝ่ายกฎหมาย บริษัทสาธรคาร์เร้นท์ จำกัด" มิได้ระบุชื่อนายสรรเพชร (ไม่ปรากฏนามสกุล) เป็นพยานจำเลยไว้ แต่ศาลแรงงานกลางรับฟังคำเบิกความของนายสรรเพชรเป็นพยานได้ในฐานะเป็นพยานที่ศาลแรงงานกลางเห็นสมควรสืบเองตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง การที่ศาลแรงงานกลางรับฟังคำเบิกความของนายสรรเพชรจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายธนภูมิ เรือนใจมั่น จำเลย - บริษัทการ์ดิเนียฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด

ชื่อองค์คณะ อร่าม หุตางกูร พิมล สมานิตย์ ธนะพัฒน์ แจ่มจันทร์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลแรงงานกลาง - นายพรเทพ อัมพรกลิ่นแก้ว ศาลอุทธรณ์

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE