สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7105/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7105/2539

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 249, 254 (2)

ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณาโดยให้จำเลยขนคนงานและสิ่งของนอกเหนือจากที่ตกเป็นของโจทก์ออกไปจากบริเวณที่ก่อสร้างแล้วในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์จำเลยได้ขนย้ายคนงานและสิ่งของออกไปจากบริเวณที่ก่อสร้างตามคำสั่งศาลชั้นต้นและโจทก์ได้เข้าทำการก่อสร้างอาคารจนแล้วเสร็จและได้แบ่งแยกโฉนดโอนขายให้แก่บุคคลภายนอกแล้วดังนี้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นย่อมสิ้นผลบังคับไปโดยสภาพกรณีจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลชั้นต้นตามฎีกาของจำเลยอีก

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองได้ว่าจ้างจำเลยก่อสร้างอาคารแต่จำเลยก่อสร้างผิดแบบ โจทก์ทั้งสองได้บอกเลิกสัญญาและแจ้งให้จำเลยขนย้ายคนงานและสิ่งของออกจากสถานที่ก่อสร้าง แต่จำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยขนย้ายคนงานออกจากอาคารและชดใช้ค่าเสียหาย ในวันยื่นคำฟ้องโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอให้คุ้มครองชั่วคราวในเหตุฉุกเฉินมิให้จำเลยรบกวนการครอบครองและขับไล่จำเลยออกจากอาคารที่ก่อสร้าง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้จำเลยขนคนงานและสิ่งของนอกเหนือจากที่ตกเป็นของโจทก์ทั้งสองตามสัญญาว่าจ้างออกไปจากบริเวณก่อสร้างในทันที่ โดยให้โจทก์ทั้งสองวางเงิน 100,000 บาทเป็นประกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น

จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยอ้างว่าคำขอของโจทก์ทั้งสองไม่มีเหตุฉุกเฉิน หากจำเลยขนย้ายคนงานออกไปอาจทำให้พยานหลักฐานเปลี่ยนแปลง จำเลยมีสิทธิยึดหน่วงที่จะอยู่ในสถานที่ก่อสร้าง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีตามคำร้องของจำเลยไม่มีเหตุฉุกเฉิน ให้ยกคำร้อง

จำเลย อุทธรณ์ คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของจำเลยแล้วไต่สวนและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของจำเลย ครั้นถึงวันทนายจำเลยแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า ที่ดินที่ปลูกสร้างอาคารเดิมเป็นของโจทก์ที่ 1 และมารดาของโจทก์ที่ 1 หลังจากสร้างอาคารเสร็จได้มีการแบ่งแยกโฉนดใหม่แล้วโอนขายให้แก่ผู้อื่น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าปัจจุบันอาคารที่ปลูกสร้างได้สร้างเสร็จและโอนขายให้แก่บุคคลภายนอกแล้ว ไม่มีเหตุที่จะถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ยกคำร้อง

จำเลย อุทธรณ์ คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่ามีเหตุสมควรเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณาหรือไม่ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณา โดยให้จำเลยขนคนงานและสิ่งของนอกเหนือจากที่ตกเป็นของโจทก์ออกไปจากบริเวณที่ก่อสร้างแล้วในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ จำเลยได้ขนย้ายคนงานและสิ่งของออกไปจากบริเวณที่ก่อสร้างตามคำสั่งศาลชั้นต้นและโจทก์ได้เข้าทำการก่อสร้างอาคารจนแล้วเสร็จ และได้แบ่งแยกโฉนดโอนขายให้แก่บุคคลภายนอกแล้ว ดังนี้ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นย่อมสิ้นผลบังคับไปโดยสภาพ กรณีจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลชั้นต้นตามฎีกาของจำเลยอีก

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย กิตติ วิชัย กับพวก จำเลย - นาย เจษฎา สุภัทรนิยพงศ์

ชื่อองค์คณะ วุฒิ คราวุฒิ มงคล สระฏัน อธิราช มณีภาค

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE