คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 219 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2517 ม. ,
คดีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3(1) ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 6 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาว่าบัญชีกระแสรายวันเลขที่ 009 ไม่มีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของบัญชีโจทก์มิได้กล่าวในฟ้องให้แจ้งชัดว่าโจทก์ได้เปิดบัญชีนั้นโดยใช้นามอื่นเชื่อไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้องจึงต่างกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏทางพิจารณาดังนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างตนเองเป็นพยานแล้ว เมื่อโจทก์ขออนุญาตเบิกความเป็นครั้งที่สอง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมอีก การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์เบิกความเป็นพยานเพิ่มเติมอีกครั้ง เป็นอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะอนุญาตได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา228 คำเบิกความของโจทก์ครั้งที่สองจึงชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยออกเช็คเอกสารหมาย จ.2 สั่งจ่ายเงินจำนวน 30,000 บาท โจทก์รับแลกเช็คนั้นไว้ เมื่อถึงกำหนดเวลาตามเช็ค โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีกระแสรายวันเลขที่ 009ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาสวนมะลิ บัญชีดังกล่าวมีชื่อนายเม่งเล็งกับนางเซียงฮวดเป็นเจ้าของบัญชี ชื่อเซียงฮวดเป็นนามแฝงของโจทก์ โจทก์เป็นเจ้าของบัญชีนั้นจึงเป็นผู้เสียหายข้อที่จำเลยฎีกาว่าบัญชีกระแสรายวันเลขที่ 009 ไม่มีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของบัญชี โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องให้แจ้งชัดว่าโจทก์ได้เปิดบัญชีนั้นโดยใช้นามอื่น เชื่อไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้องจึงต่างกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏทางพิจารณา ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาจำเลยดังกล่าวเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517มาตรา 6 จึงไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างตนเองเป็นพยานแล้ว คดีอยู่ระหว่างพิจารณาสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์ขออนุญาตสืบโจทก์เป็นพยานอีกครั้งหนึ่งซึ่งศาลชั้นต้นอนุญาต เมื่อโจทก์ขออนุญาตเบิกความเป็นครั้งที่สองจึงไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมอีก การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์เบิกความเป็นพยานเพิ่มเติมอีกครั้งเป็นอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะอนุญาตได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 228 คำเบิกความของโจทก์ครั้งที่สองจึงชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางทิพย์วรรณ จิรขนานนท์ จำเลย - นายทรัพย์ พาพรหม
ชื่อองค์คณะ ภักดิ์ บุณย์ภักดี ภิญโญ ธีรนิติ อาจ ปัญญาดิลก
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan