สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 682/2534

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 682/2534

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 142, 249 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 49

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสอง ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแทน ศ. บุตรจำเลยที่ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาท ชนรถยนต์โจทก์ซึ่งมี ก. ภรรยาโจทก์เป็นผู้ขับได้รับความเสียหายคดีส่วนอาญาคดีก่อนซึ่งถึงที่สุดไปแล้วนั้น เป็นเรื่องที่พนักงานอัยการและจำเลยที่ 1 ฟ้อง ก. ในข้อหาว่าขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีประเด็นเพียงว่า ก.ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือไม่ จึงมิใช่ประเด็นโดยตรงในคดีนี้ซึ่งมีประเด็นว่า ศ. ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถของโจทก์ได้รับความเสียหาย หรือไม่ คำพิพากษาในคดีก่อนส่วนอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ในวันเกิดเหตุโจทก์ได้นั่งไปในรถยนต์คันเกิดเหตุด้วย จึงเป็นผู้ครอบครองรถคันดังกล่าว โจทก์ต้องร่วมรับผิดกับ ก. ด้วยนั้นจำเลยทั้งสองมิได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงมิได้เป็นปัญหาที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและในศาลอุทธรณ์ ทั้งมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ และที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่ารถยนต์คันที่เกิดเหตุเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับ ก. โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น จำเลยทั้งสองก็มิได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงมิได้เป็นปัญหาที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และในศาลอุทธรณ์เช่นกัน แม้ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ไม่มีเหตุสมควรที่จะยกขึ้นวินิจฉัยให้.

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ จำเลยทั้งสองเป็นทายาทโดยธรรมของนายศักดา ดุลยตระกุล โดยจำเลยที่ 1 เป็นบิดา จำเลยที่ 2เป็นมารดา เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2526 ขณะที่นางกัลยา พรหมดำรงภรรยาโจทก์กำลังขับรถยนต์ของโจทก์มาตามถนนสายบางนา-ตราด ถึงหลักกิโลเมตรที่ 5-6 ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการมุ่งหน้าไปทางกรุงเทพมหานคร นายศักดาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์สวนทางมาด้วยความประมาทเลินเล่อโดยขับขี่ด้วยความเร็วสูงแซงรถยนต์โดยสารในเขตที่มีเครื่องหมายจราจรห้ามแซงล้ำเข้าไปในช่องทางรถของนางกัลยาแล้วพุ่งเข้าชนรถยนต์ของโจทก์ เป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์เสียหายและเสื่อมราคาคิดเป็นเงิน 100,000 บาท จำเลยทั้งสองในฐานะทายาทโดยธรรมผู้รับมรดกของนายศักดาต้องรับไปทั้งสิทธิหน้าที่ของนายศักดาด้วยขอให้บังคับจำเลยทั้งสองใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การว่า นางกัลยาภรรยาโจทก์ขับรถโดยประมาทชนรถจักรยานยนต์ที่นายศักดาบุตรของจำเลยทั้งสองกำลังขับขี่จนนายศักดาถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 และพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการได้ฟ้องนางกัลยาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นเสียหาย และมีผู้อื่นถึงแก่ความตาย คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา โจทก์เป็นสามีนางกัลยาผู้ทำละเมิด โจทก์อาศัยสิทธิภรรยาฟ้องย่อมไม่เกิดอำนาจฟ้อง รถคันที่นางกัลยาขับขี่เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และนางกัลยา นางกัลยาขับรถในเวลาเกิดเหตุมีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้การที่โจทก์มาฟ้องคดีเสียเองเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต นายศักดาไม่มีทรัพย์มรดก

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกของนายศักดา ดุลยตระกุล ที่จำเลยทั้งสองได้รับ คำขออื่นให้ยก

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยจำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาโต้แย้งเป็นอย่างอื่นว่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2526 นางกัลยาภรรยาของโจทก์ได้ขับขี่รถยนต์ซีตรอง หมายเลขทะเบียน 7ข-8789 กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ไปตามถนนสายบางนา-ตราด มุ่งหน้าไปจังหวัดชลบุรี เมื่อถึงที่เกิดเหตุระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 5 และ 6 นางกัลยาได้เลี้ยวรถกลับตรงทางเชื่อมเพื่อกลับเข้ากรุงเทพมหานคร ซึ่งในขณะนั้นนายศักดาบุตรของจำเลยทั้งสองได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร 2ง-3232 สวนทางไปและได้ขับด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังแซงรถยนต์โดยสารคันหมายเลขทะเบียน 10-0149 ชลบุรีซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปจังหวัดชลบุรี โดยฝ่าฝืนกฎหมายเพราะเป็นบริเวณทางโค้งและมีป้ายห้ามแซงไว้ ล้ำเข้าไปในช่องเดินรถของนางกัลยาจึงได้เกิดชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่นางกัลยาขับขี่เป็นเหตุให้นายศักดาถึงแก่ความตาย รถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหายคิดเป็นเงินจำนวน50,000 บาท หลังจากเกิดเหตุแล้วพนักงานอัยการและจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องนางกัลยาในข้อหาว่าขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายศาลสั่งรวมพิจารณาและพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาฎีกาที่4484-4485/2532 โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่ เหตุที่รถจักรยานยนต์ของนายศักดาชนกับรถยนต์ที่นางกัลยาขับขี่เกิดจากความประมาทของนางกัลยา

คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองในปัญหาข้อกฎหมายว่าเมื่อมีคำพิพากษาศาลฎีกาว่เหตุที่รถชนกันเป็นความประมาทของนางกัลยาภรรยาโจทก์แล้ว คำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์ เพราะนางกัลยาเป็นภรรยาโจทก์ และรถยนต์ที่นางกัลยาขับขี่เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนางกัลยา นั้น เห็นว่า แม้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 จะบัญญัติว่า "ในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา" ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาที่ศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดไปนั้นมีประเด็นแต่เพียงว่า จึงมิใช่เป็นประเด็นโดยตรงในคดีนี้ซึ่งมีประเด็นว่านายศักดาขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถของโจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนดังกล่าวจึงไม่ผูกพันโจทก์ ที่จำเลยทั้งสองฎีกาโดยอ้างว่า ในวันเเกิดเหตุโจทก์ได้นั่งไปในรถยนต์ที่นางกัลยาขับขี่ โจทก์จึงเป็นผู้ครอบครองรถคันดังกล่าว โจทก์ต้องร่วมรับผิดกับนางกัลยาด้วยนั้นเห็นว่าข้อเท็จจริงที่จำเลยทั้งสองอ้างมาดังกล่าวนี้ จำเลยทั้งสองมิได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงมิได้เป็นปัญหาที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและในศาลอุทธรณ์ทั้งมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ สำหรับปัญหาที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า รถยนต์ที่เกิดเหตุเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนางกัลยา โจทก์ฟ้องคดีโดยยังไม่ได้รับความยินยอม ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น จำเลยทั้งสองก็มิได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงมิได้เป็นปัญหาที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและในศาลอุทธรณ์เช่นเดียวกัน แม้ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาก็เห็นว่าไม่มีเหตุสมควรที่จะยกขึ้นวินิจฉัยให้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ โดยให้รับผิดไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่จำเลยทั้งสองชอบแล้ว…"

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย ชลิต พรหม ดำรง จำเลย - นาย เย็น ติ้ว แซ่ตุ่น กับพวก

ชื่อองค์คณะ โสภณ จันเทรมะ นาม ยิ้มแย้ม ไพฑูรย์ เนติโพธิ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE