สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6605/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6605/2539

พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 9 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 271

โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 แม้ว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีและยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้บางส่วนแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงขั้นตอนของการดำเนินการบังคับคดี เมื่อทรัพย์ดังกล่าวไม่พอชำระหนี้และหนี้ที่เหลืออยู่โจทก์ก็มิได้ดำเนินการบังคับคดีเสียภายใน 10 ปี นับแต่ศาลมีคำพิพากษา โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 แล้ว จึงไม่อาจนำหนี้ที่พ้นกำหนดเวลาบังคับคดีดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ล้มละลายได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย

จำเลยทั้งสองไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ ประกอบ พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ศาลแพ่งได้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองและนายวิวัฒน์ร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีแก่โจทก์เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2524 แต่จำเลยทั้งสองและนายวิวัฒน์ไม่ชำระ โจทก์ขอให้บังคับคดีและนำยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 2 และนายวิวัฒน์ออกขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2530 แต่เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไม่พอชำระหนี้ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย เป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2537 คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยเฉพาะข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธินำหนี้ตามคำพิพากษาที่เหลือมาฟ้องให้จำเลยที่ 2 ล้มละลายหรือไม่ ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า เมื่อศาลได้พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ร่วมกันกับจำเลยที่ 1 และนายวิวัฒน์ชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2524 โจทก์ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2524 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีและยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 2 และนายวิวัฒน์ออกขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2530 ก็เป็นขั้นตอนของการดำเนินการบังคับคดี เมื่อหนี้ที่เหลือที่โจทก์นำมาฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 ล้มละลาย โจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีเสียภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2524 อันเป็นวันที่ศาลมีคำพิพากษา โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 โจทก์จึงไม่อาจนำหนี้ที่พ้นกำหนดเวลาบังคับคดีดังกล่าวมาฟ้องให้จำเลยที่ 2 ล้มละลายได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำเลย - ห้างหุ้นส่วนจำกัด ว. ร่วมสหกิจ กับพวก

ชื่อองค์คณะ ไพโรจน์ คำอ่อน สมาน เวทวินิจ สมพงษ์ สนธิเณร

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ - นายอรรณพ จุฬาพิมพ์พันธุ์ ศาลอุทธรณ์

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE