คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2523
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 203 พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517
การทำนาปรังเป็นการทำนานอกฤดูการทำนาประจำปี ทั้งคำว่า 'พืชอายุสั้น' และ 'พืชไร่' ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา มาตรา 20 ก็มิได้หมายความถึงข้าว ฉะนั้นเมื่อผู้เช่านาทำนาปรังในนาพิพาท ผู้เช่านาก็ต้องชำระค่าเช่าสำหรับการทำนาปรังนั้น และเมื่อฤดูการทำนาปรังสิ้นสุดในเดือนสิงหาคม ผู้ให้เช่านาก็ฟ้องให้ผู้เช่าชำระค่าเช่านานั้นในเดือนกันยายน ต่อมาได้ เพราะเป็นเวลาภายหลังจากเสร็จฤดูการทำนาปรังปีนั้นแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าทำนาแก่โจทก์เป็นข้าว 250 ถังศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ข้อเท็จจริงตามฟ้อง คำให้การและคู่ความรับกันฟังได้ว่า ในปี พ.ศ. 2519 และ พ.ศ. 2520 จำเลยเช่านาพิพาทของโจทก์เนื้อที่ 10 ไร่ อัตราค่าเช่าตามกฎหมายต้องชำระเป็นข้าวเปลือก 125 ถังต่อปี แต่จำเลยทำนาปีละ 2 ครั้งเรียกว่าการทำนาปีและการทำนาปรัง ตามประเพณีท้องถิ่นการทำนาปีเริ่มแต่เดือนกันยายนถึงเดือนมกราคม การทำนาปรังเริ่มแต่เดือนกุมภาพันธ์สิ้นสุดเดือนสิงหาคมการชำระค่าเช่านา จำเลยชำระให้โจทก์สำหรับการทำนาปีในตอนต้นปีของปีถัดจากปีที่มีการทำนา ค่าเช่าในปี พ.ศ. 2519 จำเลยชำระให้โจทก์แล้วเป็นข้าวเปลือก 125 ถัง ส่วนการทำนาปรังจำเลยยังไม่เคยชำระค่าเช่าคู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดของผู้เช่านาต่อผู้ให้เช่านาตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 กับวินิจฉัยปัญหาที่ว่าค่าเช่าสำหรับการทำนาปรัง ปี พ.ศ. 2520 ถึงกำหนดชำระแล้วหรือไม่
คดีมีปัญหาสู่ศาลฎีกาว่า จำเลยต้องรับผิดชำระค่าเช่านาตามฟ้องเพียงใดหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยไม่ยอมชำระค่าเช่าสำหรับนาปี พ.ศ. 2519 ซึ่งจะต้องชำระในต้นปี พ.ศ. 2520 เป็นข้าวเปลือก 125 ถัง ราคา 2,750 บาทจำนวนหนึ่ง และไม่ชำระค่าเช่าสำหรับการทำนาปรังปี พ.ศ. 2520 เป็นข้าวเปลือก 125 ถัง คิดเป็นเงิน 2,750 บาทอีกจำนวนหนึ่ง ขอให้พิพากษาบังคับ แต่ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 8 มีนาคม 2521 คู่ความรับกันว่าจำเลยชำระค่าเช่าสำหรับการทำนาปี พ.ศ. 2518 เป็นข้าวจำนวน 125 ถัง แล้ว ดังนี้เห็นว่า จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระค่าเช่าสำหรับการทำนาปี พ.ศ. 2519 ตามฟ้องต่อโจทก์อีก ส่วนค่าเช่าสำหรับการทำนาปรังปี พ.ศ. 2520 นั้น มีปัญหาว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระให้โจทก์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517มาตรา 20 หรือไม่ มาตรา 20 บัญญัติว่า "ผู้เช่านามีสิทธิปลูกพืชอายุสั้นภายหลังการเก็บกี่ยวข้าวหรือพืชไร่ประจำปีในนาที่เช่าได้รวมทั้งการใช้ที่นาบางส่วนทำสวนครัว เลี้ยงสัตว์ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือการปลูกไม้ยืนต้น ในเมื่อไม่ทำให้สภาพของนาเปลี่ยนแปลงหรือเป็นอุปสรรคต่อการปลูกข้าวหรือพืชไร่
ผู้ให้เช่านาจะเรียกเก็บค่าเช่านาเพิ่มเพราะเหตุที่ผู้เช่านาใช้สิทธิตามวรรคหนึ่งมิได้" ดังนี้เห็นว่า พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ไม่มีบทนิยามคำว่า พืชอายุสั้น แต่พืชอายุสั้นก็ดี พืชไร่ก็ดี มิได้หมายความถึงข้าว การทำนาปรังเป็นการเพาะปลูกข้าวเช่นเดียวกับการทำนาปี แตกต่างกันเพียงว่าการทำนาปีเป็นการทำนาตามฤดูการทำนาประจำปี แต่การทำนาปรังเป็นการทำนานอกฤดูการทำนา ฉะนั้นเมื่อจำเลยทำนาปรังในนาพิพาท จำเลยก็ต้องชำระค่าเช่า จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติมาตรา 20 นี้ดังบรรทัดฐานคำพิพากษาฎีกาที่ 221/2522 ระหว่างนายเทียม เกิดศรี โจทก์นางทรัพย์ แก้วเนตร จำเลย และเห็นว่าโจทก์จำเลยรับกันว่าการทำนาปรังเริ่มแต่เดือนกุมภาพันธ์สิ้นสุดเดือนสิงหาคม การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 27กันยายน 2520 ให้จำเลยชำระค่าเช่าสำหรับการทำนาปรังปี พ.ศ. 2520 จึงเป็นเวลาภายหลังจากเสร็จฤดูการทำนาปรังปี พ.ศ. 2520 แล้ว จำเลยต้องรับผิดชำระค่าเช่าให้โจทก์ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าต้องชำระหลังฤดูเก็บเกี่ยวในต้นปี 2520 ค่าเช่ายังไม่ถึงกำหนดชำระนั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะตามข้อต่อสู้ของจำเลยดังกล่าวนี้เป็นกรณีเฉพาะการชำระค่าเช่านาสำหรับการทำนาปีเท่านั้นที่จะต้องชำระหลังเสร็จฤดูเก็บเกี่ยวในเดือนมกราคม 2521 ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระค่าเช่านาปรังเป็นข้าวเปลือก125 ถัง คิดเป็นเงิน 2,750 บาทแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลเป็นพับ"
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายคง พัดสอน จำเลย - นางสายทอง อยู่ขา
ชื่อองค์คณะ อำนัคฆ์ คล้ายสังข์ วิถี ปานะบุตร ไพบูลย์ เพียรรู้จบ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan